อนุ กสม.สรุปคดีเอกยุทธ ยันถูกฆ่าด้วยท่าพิเศษ

กระทู้ข่าว



เมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชน ในฐานะประธานอนุกรรมการสิทธิพลเมือง และสิทธิทางการเมือง แถลงผลการตรวจสอบการเสียชีวิตของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดังด้านอสังหาริมทรัพย์ว่า จากการตรวจสอบรายงานของแพทย์ผู้ชันสูตรพลิกศพพบ ว่า การเสียชีวิตของเอกยุทธ ไม่ได้ถูกฆ่ารัดคอหรือถูกบีบคอตามที่พนักงานสอบสวนและผู้ต้องหาระบุ แต่เป็นการถูกกระทำให้ขาดอากาศหายใจโดยใช้ท่าพิเศษ เป็นกระบวนการโดยมืออาชีพนอกเหนือจากผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม โดยพบร่องรอยบาดแผลจากการชันสูตร 3 แห่ง ได้แก่ 1.บริเวณปลายจมูกมีรอยฟกช้ำ โคนลิ้นและลิ้นด้านซ้าย เนื้อเยื้อลำคอด้านขวา ซึ่งไม่พบรอยบีบรัดคอแต่อย่างใด แต่มีกดบีบลำคอกับปิดกั้นจมูกทำให้ขาดอากาศหายใจ และท่านี้ทำให้เสียชีวิตในเวลาไม่นาน 2.พบบาดแผลที่หัวไหล่ขวา สะบักซ้ายด้านหลังซึ่งเกิดจากการกระทำของผู้ที่อยู่ด้านหลังนายเอกยุทธ โดยนายเอกยุทธ ต่อสู้จึงทำให้กล้ามเนื้อคอด้านหลังฟกช้ำ ดังนั้นนายเอกยุทธจึงไม่ได้ถูกฆ่ารัดคอหรือบีบคอ 3.บาดแผลอีก 2 แห่ง ที่ข้อมือและส้นเท้าเกิดจากการถูกพัธนาการในบริเวณจำกัด ทำให้นายเอกยุทธ์ไม่สามารถต่อสู้ดิ้นรนได้

ด้านคุณหญิง พญ.พรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการ กล่าวว่า บาดแผลก่อนตายเป็นการทำให้ขาดอากาศจากภายนอก ไม่ได้เป็นไปตามคำให้การของผู้ต้องหาว่าลงมือฆ่ารัดคอผู้ตาย เนื่องจากมีร่องรอยการพันธนาการ และพบบาดแผลที่เกิดหลังการเสียชีวิต ซึ่งเข้าได้กับการห่อรัดศพ และมีสภาพให้เห็นว่ามีเสื้อจำนวนหนึ่งยังอยู่กับศพก่อนนำไปฝัง การเปลี่ยนแปลงหลังตายที่ขัดแย้งกับสภาพศพ ศพคว่ำหน้าแต่เน่าด้านหน้าไม่ได้เน่าทั้งตัว และไม่มีหนอน ซึ่งทั้ง 3 ประเด็นที่สุรปมานี้ ถือเป็นหัวข้อสำคัญ ซึ่งพนักงานสอบสวนควรรับฟัง อย่างไรก็ตาม คดีของนายเอกยุทธเป็นคดีธรรมดาคดีหนึ่ง ประเทศไทยไม่เคยตะหนักว่ากระบวนการยุติธรรมเป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตยจึงไม่มีการพัฒนาความโปร่งใส ไม่สนใจต้นทางความยุติธรรมที่ไม่มีประสิทธิภาพ ถึงเวลาต้องแก้ไขที่ต้นทาง ถ้าไม่เก็บพยานหลักฐานอย่างดีจะไม่สามารถพิสูจน์คดีได้อย่างเป็นธรรมและจะนำไปสู่การแสวงหาประโยชน์

http://www.dailynews.co.th/politics/225884

ตอนเขาเชิญก็ไม่ไป  ไปแต่ตอนนั้นก็จะได้เห็นทุกขั้นตอนร่วมกันแต่แรก  
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่