อังกฤษส่งเรือรบไปยิบรอลต้าร์ เพื่อขู่สเปนแล้ว

http://www.reuters.com/article/2013/08/08/us-gibraltar-spain-warships-idUSBRE9770Y220130808

A British navy warship will sail to Britain's overseas territory of Gibraltar in the coming weeks, coinciding with a diplomatic row with neighboring Spain, although officials said on Thursday the trip was a routine and long-planned visit.

สองชาตินี้เป็นศัตรูกันมาตลอด อยากเห็นรบกันจัง กระทรวงการต่างประเทศสเปนจะยื่นเรื่องเข้าศาลโลกแล้วด้วย
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 14
เห็นมีการพาดพิงเข้ามาใน EU   ก็เลยขอร่วมแสดงความคิดเห็น

ผมขอไล่เรียงชื่อเลยนะครับ    ช่วยตอบคำถามผมทีเหอะ

1)   ขอเริ่มที่ คุณ   zodiac28   คห  4    ทำไมคุณถึงคิดว่า   การรวมเป็นสหภาพ EU  ถึงไม่ช่วยลดการขัดแย้งในกลุ่มประเทศสมาชิก?    ในกรณีของ Gibraltar นั้นมีการพิพาทระหว่างสเปนกับอังกฤษมากว่า 300 ปี     ในระยะกว่า 10 ปีที่ผ่านมา  ถ้าไม่ใช่เพราะมีการเข้ามาร่วมกันเป็นสมาชิกใน EU  ก็อาจจะรบกันจริงๆ ไปแล้วหลายครั้ง   หลังจากที่เข้ามาเป็นสมาชิกในอียูแล้วเสียอีกที่ทำให้เกิดการเจรจาขึ้นระหว่างสองประเทศนี้โดยอียูเป็นตัวกลางจนตกลงอยู่ร่วมกันมาได้โดยสันติทุกวันนี้    แต่แล้วก็มาเกิดปัญหาขณะนี้ที่ทาง Gibraltar  เอาซีเมนต์ไปโยนลงในแนวทะเลตรงเส้นแดนเพื่อสร้างเป็นแนวหินสำหรับเป็นที่หลบซ่อนที่อยู่อาศัยของปลา   เนื่องจากจำนวนประชากรปลาในบริเวณนั้นได้ลดลงไปอย่างมาก    และการทำแนวหินโสโครกเทียมแบบนี้ทำกันมาก่อนหน้าแล้วเป็นจำนวนนับสิบ  ไม่เคยเป็นปัญหา    แต่คราวนี้เป็นแนวเขตต่อชายแดนทำให้ชาวประมงของสเปนออกมาร้องเรียนว่าได้รับผลกระทบเกิดอุปสรรคในการจับปลาโดยตรงเลยกลายเป็นเรื่องกันขึ้นมา

ปัญหานี้ที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็ขู่ว่าจะดำเนินการทางกฏหมาย   คือสเปนจะไปทางศาลนานาชาติหรือแม้แต่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ   เช่นเดียวกับอังกฤษกำลังตรวจสอบความเป็นไปได้ทางกฏหมายระหว่างประเทศที่จู่ๆ สเปนเกิดตั้งด่านระหว่างพรมแดนขึ้นมากีดกั้นอย่างปัจจุบันทันด่วน

แต่ท้ายที่สุดแล้ว    เรื่องน่าจะจบกันในการเจรจาภายในสหภาพยุโรปค่อนข้างแน่นอน    โดยที่ทางตัวแทนอียูมีกำหนดที่จะเดินทางไปสำรวจสถานที่เกิดเหตุในเดือนกันยานี้แล้ว

คนที่นอก อียู  ออกไปอีกซีกโลกหนึ่งก็ตื่นตกใจกันไปเกินเหตุเสียแล้ว    รัฐบาลอังกฤษประกาศว่าการส่งเรือรบไปครั้งนี้ก็เป็นการส่งไปซ้อมรบตามกำหนดการที่มีไว้แล้วล่วงหน้าตามปกติ     แม้แต่รัฐบาลสเปนก็ยืนยันเรื่องนี้ตรงกันและไม่ได้เห็นว่าเป็นมาตรการที่ยั่วยุจากอังกฤษแต่อย่างใดไม่

มาตรการที่เป็นปัญหาต่อกันจริงๆ คือ   สเปนปิดกั้นพรมแดนและตรวจสอบเข้มงวดทำให้คนทำงานและนักท่องเที่ยวที่ต้องสัญจรผ่านไปมาได้รับอุปสรรคนานนับหลายชั่วโมง   และลุกลามไปถึงการเรียกเก็บค่าผ่านทางและจะตามมาอีกหลายมาตรการจากทางฝั่งสเปน    นี่ต่างหากที่เป็นปัญหาอยู่ขณะนี้    ซึ่งดูแล้วไม่ใช่เป็นปัญหาคอขาดบาดตายที่จะแก้ไขเจรจาตกลงกันไม่ได้

2)   คุณ เวย์คุง  คห  4-1    อย่างที่บอกแหละครับว่า   อยู่ๆ EU  จะเข้ามาแทรกทำหน้าที่เจรจาเลยย่อมเป็นไปไม่ได้    ต้องให้เกียรติคู่กรณีเจรจาพาทีกันเองก่อน  นี่เป็นการพิพาทระหว่างประเทศไม่ใช่เรื่องทะเลาะของเด็กๆ

แล้วไม่ทราบว่าที่คุณบอกว่า  "ตอนนี้ผลโพลเยอรมันก็ออกมาแล้วว่าผู้สมัครคนไหนพาออกนอกกลุ่มได้จะเลือกเป็นนายก"   ไปเอาผลโพลมาจากไหนครับ ?   ขอแหล่งที่มาของข่าวสิครับ

ถ้าคุณหมายถึงพรรคที่ตั้งขึ้นมาใหม่คือ  Alternative für Deutschland (Afd)  ล่ะก็   ที่บอกว่าจะออกจาก EU นั้น   ตอนนี้พรรคนี้ได้คะแนนเสียงอยู่ 2.6%  ครับ    ยังไม่พอที่จะมีสิทธิ์เข้าไปนั่งในสภาด้วยซ้ำ   ตามกฏหมายจะต้องได้อย่างต่ำ 5%

3)  สมาชิกหมายเลข 897872    คห  5-3    ข้อมูลของคุณก็ผิดทั้งหมดเลย   ไปเอามาจากแหล่งไหนครับ?   ที่บอกว่า
"เยอรมันก็เริ่มไม่เอาสหภาพ เพราะไม่อยากเป็นผู้แบกรับประเทศเฮงซวยในยุโรป  เมอร์เคลตอนนี้เสียงแข็งพยายามจะดัน แต่ครั้งหน้าคาดการณ์กันว่าเธอกระเด็นจากเก้าอี้ทั้งนั้น   เนเธอร์แลนด์ก็แน่นอนแล้วว่าไม่อยากสังฆกรรม พวกฝ่ายขวาได้เก้าอี้ไปเพียบ"   เหลานี้ไม่เป็นความจริงครับ

อะไรถึงได้ทำให้เข้าใจผิดไปได้ชนิดกลับหน้ากลับหลังขนาดนั้นว่า  Merkel จะไม่ได้รับเลือกในการเลือกตั้งเดือนกันยานี้    ตามข่าวการเมืองเยอรมันมาจากไหนครับ?    ช่วย  link แหล่งข่าวมาให้ผมดูด้วย  

4)  คุณ  todtoh   ความคิดเห็นที่ 5-4     ที่บอกว่า   "อังกฤษไม่เคยเป็นสมาชิก EU แม้แต่ 1 วินาทีครับ"   -  ผิดเต็มที่เลยครับ    ลองไปศึกษา EU ใหม่สิครับว่าอังกฤษเป็นสมาชิก EU หรือไม่?     ทุกวันนี้ที่อังกฤษจ่ายเงินเข้ากองทุน EU  ตลอดมา  ถ้าไม่ได้เป็นสมาชิก EU  แล้วจะจ่ายเงินทำไมครับ?

ประชากรราว 3 หมื่นคนใน Gibraltar  มีทั้งชาวอังกฤษ  สเปญ  และ โมรอคโค  และข้ามไปทำงานกันไปมาระหว่างทั้งสองประเทศ    และถึงแม้พื้นที่จะมีเพียง 6.5 ตารางกิโลเมตรก็จริง   แต่ที่นี่เป็นแหล่งกบดานภาษีที่เรียกว่า  tax paradise  ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก     และจากการทำประชามติหลายครั้งจนถึงครั้งล่าสุด   ประชาชนส่วนใหญ่คือ 99%  ก็ต้องการให้ Gibraltar ขึ้นกับอังกฤษ    ฉะนั้นเป็นการยากที่สเปนจะใช้เป็นข้ออ้างในการเรียกร้องดินแดนคืนเป็นของตน

สุดท้ายก็จะกลับในอยู่ในเงื่อนไขเดิม   เพียงแต่งตกลงกันในเรื่องที่เป็นปัญหาขึ้นมาในปัจจุบันเท่านั้น

คนไทยตื่นตกใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปมากเกินเหตุจริงๆ  เพราะอยู่ไกลจากสถานะการณ์จริง    ข่าวนี้ไม่ได้ออกในหน้า 1  ของหนังสือพิม์ในยุโรปด้วยซ้ำ    ยกเว้นในประเทศคู่กรณีโดยตรง     เพราะสามารถตึความไปได้ด้วยว่าสเปนทำเรื่องให้ขยายใหญ่โตเกินกว่าเหตุเพราะต้องการเบี่ยงเบนความกดดันของประชาชนภายในประเทศเกี่ยวกับความผันผวนการเมืองภายในที่ยุ่งยากกับเศรษฐกิจและการคอรรัปชั่นของนายกเองในปัจจุบัน
ความคิดเห็นที่ 4
ดีแล้วครับ      พวกคลั่ง AEC จะได้รู้ซักที       ว่าไอ้การรวมตัวประชาคมอะไรเนี่ย     มันไม่ได้ทำให้ความขัดแย้งหายไป     สงครามและการปะทะมันก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม    ขนาดสหภาพยุโรปยังเป็นแบบนี้    AEC ยิ่งเลิกพูดไปได้เลย
ความคิดเห็นที่ 5
ประเทศอาเซียน อำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจต่ำมากเมื่อเทียบกับประเทศมหาอำนาจต่างๆ
แถมยังทำสินค้าเกษตรมาแข่งตัดราคากันเอง  เ้ขาตั้ง AEC ขึ้นเพื่อให้มีอำนาจต่อรองเพิ่ม
และประสานยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน จะได้พอมีจุดยืนในเวทีโลก
กับเขาบ้างครับ  

คิดแบบ คห.4  ต่างชาติมีแต่ยิ้มกับยิ้ม   และข้อเท็จจริงที่ คห.4 สอบตก  คืออังกฤษไม่ได้แคร์
หรือคิดเข้าร่วมกลุ่ม  EU เลยตั้งแต่ก่อตั้งจนถึงวันนี้  

ขออภัยพานอกเรื่อง
ความคิดเห็นที่ 25
ส่วนเรื่อง Gibraltar เราไม่ต้องอธิบายกันยาวยืดหรอกว่า เป็นเพราะ EU เลยทำให้ทั้ง 2 ประเทศต้องมาคุยกันหรอก

ง่ายๆก็คือ สเปนอ่อนแอกว่าอังกฤษ  ลองสมมติว่า สเปนยังมีอำนาจทางทหาร เศรษฐกิจ วัฒนธรรมแบบทิ้งห่างมากๆ แบบว่าไม่ต้องพึ่งพาอังกฤษ คงส่งกองทัพบุกยึด Gibraltar อยู่แล้ว สเปนปล่อยเรื่องยืดยาวมานานเกินไป ไม่แข็งกร้าวแต่แรก รวมทั้งในประเทศตัวเองก็ไม่ค่อยสามัคคีกันเท่าไร แย่สุดก็สมัยสงครามกลางเมือง ระหว่างนั้นอังกฤษก็ค่อยๆกลืนคน Gibraltar ทีละน้อยๆ เอาวัฒนธรรม ระบบระเบียบตัวเองเข้าไป คนเขาก็ชินไปแล้ว มองข้ามแดนไปเห็นเมืองของสเปนที่ติดกัน คนว่างงานเพียบ ก็กลัวดิครับ ดังนั้น ทำประชามติกี่ครั้ง Gibraltar ก็ต้องอยากอยู่กับอังกฤษ

ก็เหมือนมีดินแดนที่สเปนยึดมอร็อคโคอยู่ เป็นติ่งยื่นออกไปในเมดิเตอเรเนียน ถ้าแขกมอร็อคโคทันสมัยกว่าสเปน ก็คงไล่สเปนแล้วยึดเหมือนกัน

เกาะฟอล์กแลนด์ก็เหมือนกัน ง่ายๆเลย อาร์เจนติน่าสู้อังกฤษไม่ได้ แถมอังกฤษมีอเมริกาเป็นแบ๊กอัพเผื่อเพลี่ยงพล้ำอีก ส่วนเรื่องใครเจอเกาะฟอล์กแลนด์ก่อนกับประชามติว่าชาวฟอล์กแลนด์อยากเป็นส่วนหนึ่งของอังกฤษ ก็เป็นแค่ข้ออ้างให้ดูดี ก็แหง พี่แกเล่นดึงดูดคนชิลี(ซึ่งเป็นศัตรูกับอาร์เจน)ไปอยู่เกาะ อพยพคนอังกฤษไปอยู่เยอะๆ จะทำประชามติอีก 100 ครั้งยังไงผลก็ออกมาเหมือนเดิม

ยังมีกวนตานาโม่ ที่อเมริกาอ้างว่า "เช่า" จากคิวบาปีละแสนกว่าบาท แต่เป็นสัญญาเช่าตลอดกาล พิลึกพิลั่น นี่ก็เรื่องของอำนาจใครเหนือกว่าทั้งนั้น

โลกนี้ต่อให้ทันสมัย ศิวิไลซ์แค่ไหน จะมาอ้างว่า โห มีศาลโลกแล้วนะ ศาลอาชญากรสงคราม องค์กรนั้น องค์กรนี้ มี union ลงประชามติ ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน  สัญญาเช่าดินแดน xx ปี ฯลฯ พวกนี้ผมว่า B.S.  บทสรุปคืออำนาจคือตัวตัดสินเสมอ
ความคิดเห็นที่ 24
เอ่อ เข้ามาเพื่อจะทำความเข้าใจกับบางท่านที่สับสนระหว่าง EU กับ Eurozone นะครับ

EU คือการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ซึ่ง ASEAN พยายามจะเลียนแบบ ตอนนี้อยู่ในขั้น AEC ยังไม่แน่นแฟ้นถึงขนาดการเมือง สังคม

ส่วน Eurozone อันนี้เป็นแค่ข้อตกลงจะใช้เงินสกุลเดียวกันของบางประเทศใน EU

ส่วนอังกฤษเป็นสมาชิก EU แต่ไม่ได้อยู่ใน Eurozone อ่านดีๆนะครับ เพราะนอกจากจะเรื่องความแปลกแยกจากแผ่นดินใหญ่ยุโรปแล้ว อังกฤษถือว่าตัวเองมี special relations กับอเมริกา เหนือระดับกว่าฝรั่งเศสกับเยอรมันซะอีก อย่าง City of London กับ Wall Street (คนละอันกับสถาบันสอนภาษาที่มาจากออส) เกื้อหนุนกันเพื่อหาประโยชน์จากอาชีพเอาเงินต่อเงิน เก็งกำไรอย่างเดียว โดยไม่ต้องไปคลุกฝุ่นใช้แรงงานผลิตสินค้าให้ลำบาก แต่เป็นอุตสาหกรรมที่ว่างเปล่า ไม่ได้ผลิตอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่