สวัสดีค่าาาาา หลังจากที่อกหักกับวีซ่าแคนาดาพร้อมกับเงินที่เสียไป 185CAD เราเลยต้องเปลี่ยนจุดหมายปลายทางพักร้อนครั้งนี้ใหม่ และสุดท้ายมาจบที่ Bermuda เกาะสวาทหาดสวรรค์ หรืออาถรรพ์สำหรับใครหลายๆคน กับตอนที่มีชื่อว่า “พาเที่ยว Bermuda สวรรค์บนดิน (เค้าว่ากันว่า) Playground ของคนรวย” แต่คนธรรมดาแบบเราก็ไปเที่ยวได้นะ 5555555 เนื่องจากเราคนไทยไม่ต้องขอวีซ่านั่นเองจ้าาาาาา ฮี่ๆ 😜
เนื่องจากหาอ่านรีวิวเบอร์มิวดาได้ยากมากในภาษาไทยและค่อนข้างยากในภาษาอังกฤษ เราเลยขอเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับคนที่สนใจจะไปเบอร์มิวด้าแต่หาข้อมูลไม่ได้นะคะ มาเริ่มกันเลยยยยยย
สำหรับ Bermuda เราคิดว่าทุกคนคงจะรู้จักกันอยู่แล้วในเรื่องเกี่ยวกับเรือสำราญ เรือเดินสมุทร หรือเครื่องบินที่หายสาบสูญอย่างลึกลับเมื่อบินผ่านน่านน้ำโซนนี้ทำให้มีเรื่องราวเล่าขานกันอย่างมากมายรวมถึงการพิสูจน์ และหาสาเหตุการหายของเรือ และเครื่องบินเหล่านี้อย่างมากมาย แต่ก็ยังไม่มีคำตอบที่ยืนยันชัดเจนจนถึงปัจจุบัน ทำให้เบอร์มิวด้ามีชื่อเรียกอีกชื่อว่า Devil Island หรือ Devil Triangle ที่เรารู้จักกันนั่นเอง แต่จริงๆแล้วเบอร์มิวด้าไม่ได้เป็นสถานที่ที่น่ากลัวเลยนะ แต่กลับเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และสถานที่ตากอากาศที่เป็นที่นิยมแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว แล้วเราจะมาเล่าให้ฟังต่อไปนะคะ
นั่นแหล่ะค่ะทุกคน ไหนๆเราก็อยู่อเมริกาแล้วบินไปอีกไม่ไกลก็จะถึงเบอร์มิวด้าละถึงจะเคยได้ยินเรื่องราวที่แสนลึกลับและน่ากลัวแต่กลับพ่วงไปด้วยความสวยงามดั่งสวรรค์ใครจะไม่อยากไปใช่มั้ยล่ะ เอาล่ะเริ่มเดินทางกันดีกว่าาาา
ก่อนอื่นทริปนี้ต้องขอบคุณโฮสมัมเป็นอย่างมากที่บอกเล่าเรื่องราวการทำงานที่เบอร์มิวด้าระยะนึงให้เราฟังจนต้องอยากไป (โฮสมัมของเราเคยทำงานใน US Navy แล้วจะต้องไปประจำการที่เบอร์มิวด้าระยะนึงก่อนที่สหรัฐจะย้ายฐานกำลังออก มัมยังพูดกับเราอยู่เลยว่า “ตอนที่รู้ว่าเค้าจะย้ายฐานกำลังออกชั้นเสียดายมากเลยนะ เบอร์มิวด้าเป็นฐานที่สวยที่สุดที่ชั้นเคยทำงานมาเลยล่ะ แต่ก็นั่นแหล่ะยังไงเบอร์มิวด้าก็ยังคงเป็นความทรงจำที่สวยงามของการทำงานเสมอ” มัมนี่เสี้ยมเก่งจนทำให้เราอยากไปจริงๆ 55555555555)
เวเคชั่นครั้งนี้เรามีเวลา 9 วัน แต่สำหรับเบอร์มิวด้าเราให้เวลาแค่ 5 วัน 4 คืน เพราะก่อนหน้าที่จะไป ทุกคนบอกเราว่าจริงๆแล้ว 4 วัน 3 คืนก็พอนะถ้าเธอจะเที่ยวให้ทั่วเกาะ เพราะจากเหนือสุดจนถึงใต้สุดของเกาะยาวไม่ถึง 40 กิโลเมตร ใช้เวลาขับรถแค่ 1 ชั่วโมง 10 นาทีแค่นั้นเอง เราก็เออๆเผื่อเวลาไว้อีกซักวันก็น่าจะดี ถ้าเบื่อก็นอนดูทีวีในห้องก็จบ แต่ทุกคนคะ หลังจากที่ได้ไปสัมผัสเบอร์มิวด้าจริงๆแล้ว 5 วัน 4 คืนมันไม่พอเลย มันไม่พอจริงๆเลยล่ะค่ะ ไม่พอจนอยากจะยกเลิกตั๋วไปนิวออร์ลีนส์ให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย 555555555
เราขอรีวิวทริป “ Bermuda ” แบบคร่าวๆจากประสบการณ์ของตัวเองก่อน แล้วจะมาต่อแบบเต็มๆข้างล่างเผื่อใครจะไม่อยากอ่านแบบยาวๆนะคะ ฮี่ๆ
Welcome to Bermuda 🇧🇲 2019 ค่าาาาาา
เราอาจจะเวิ่นเว้อมากหน่อย แต่ถ้าสนใจก็ทนอ่านกันหน่อยละกันน๊าาาา 5555555 😊
Bermuda ยังไม่ใช่ประเทศ แต่มีสถานะเป็น British Overseas Territory หลายคนอาจจะไม่รู้ว่ามันมีอยู่จริงบนโลกใบนี้ แต่เราเชื่อว่าทุกคนคงรู้จักสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า หรือ Bermuda Triangle ที่เครื่องบินหรือเรือถ้าผ่านบริเวณนี้จะหายไปจากจอเรด้าร์ และจมลงทะเลไป นั่นแหล่ะที่เดียวกันเลย และเราจะบอกว่า Bermuda สวยมากกกกก แบบสวยสุดๆไปเลย เรารักทุกอย่างที่นี่ ทั้งทะเลสี Turquoise ทั่วทั้งเกาะ, อาหารทะเลสดๆ, บ้านสีพาสเทล, และผู้ชายที่นี่ อุ่ยยยยยยย ไม่ใช่ละ 555555555 แต่เอาจริงๆผู้คนที่นี่น่ารักมากเลยนะ เพื่อนชาวเบอร์มิวเดี้ยนของเราบอกว่า We have to be friendly. It is so small and we know each other and see each other all the time so we have to be friendly it is part of our culture. There are still bad people but not so many แต่เรายังไม่เคยเจอคนไม่ดีที่นี่ และโชคดีที่ไม่เจอ
มาพูดถึงเรื่องผู้คนที่นี่บ้าง ทุกคนน่ารักมากจริงๆ พยายามเข้าหาเราตลอด จนบางทีมันก็มากไป 55555555 เราแนะนำให้ไปเที่ยวที่นี่นะ เพราะเราจะรู้สึกสวยมากเมื่ออยู่ที่นี่ 555555555 นี่ไม่ได้พูดเกินจริงเลยนะ ตอนเราไปไหนก็มีแต่คนชมว่าสวยจัง ชั้นชอบเธอนะ เราไปกินข้าวกันมั้ย กาแฟก็ได้นะ หรือเธอจะไปบาร์ดื่มอะไรด้วยกันหน่อยมั้ย บ้านชั้นวิวสวยมากเลยนะมองเห็นทะเลด้วยเธอสนใจรึปล่าว 55555555555
เราคิดว่าอาจเป็นเพราะเราหน้าตาแปลกจากชาวบ้านเค้า และหาคนเอเชียได้ค่อนข้างจะยากเมื่ออยู่ที่นี่ (แต่ก็ไม่ได้แปลว่าไม่มี เราเจอทั้งสิ้น 3 คน 😂) เราเลยคิดว่านั่นแหล่ะคือเหตุผลว่าทำไมทุกคนต้องการที่จะเข้าหาเรามากเกินจำเป็น จนบางทีก็แบบพอเหอะ มันเยอะเกินไปแล้วโว๊ยยยยย 555555555
ส่วนเรื่องการเดินทาง วันแรกเราเดินและมันเหนื่อยมาก เนื่องจากเป็นถนนบนเกาะที่จะต้องขึ้นเนินลงเนินหลายตลบ เราเดินจาก Warwick Long Bay Beach ไป Elbow Beach ระยะทาง ~3 km แต่ใช้เวลาไปเกือบชั่วโมง และมีแต่คนบีบแตรตะโกนแซว hey beautiful เกินกว่าสิบคน เราเลยพอกับการเดินตั้งแต่วันนั้น วันที่สองเราใช้บริการ public bus ค่าโดยสารระยะทางใกล้ๆ $3.5 ถ้าไกลหน่อยก็ $5 ต่อเที่ยว แต่รอรถนานมากกกก ทำให้ 3 วันสุดท้ายเลยตัดสินใจเช่า moped เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับตัวเอง แต่ต้องแลกมาด้วยค่าเช่าอันแสนโหดร้าย 5555555 และอย่างที่บอก ถนนที่นี่เป็นถนนบนเกาะเลยมีแค่ 2 เลนเล็กๆ และต้องใช้ความมั่นใจในการขับขี่มากๆ ถ้าใครเคยไปเกาะเต่าหรือพะงันถนนก็จะประมาณนั้น แต่จะชันและโค้งกว่ามาก ที่สำคัญเบอร์มิวดาไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติเช่ารถยนต์นะ เค้าอนุญาตให้แค่จักรยาน, moped, และ electric car ที่เรียกว่า twizy ซึ่งเราไม่แน่ใจราคาค่าเช่า แต่เห็นผ่านๆ $99 ต่อวัน ไม่รวมค่าประกันรถ แต่เราเลือกที่จะเช่า moped 50 แรงม้า ที่ต้องบิดจนสุดแรง และโน้มตัวไปข้างหน้าให้มากที่สุดเพื่อที่จะขับขึ้นเนินสำหรับ 48 ชั่วโมง $122
เราลืมบอกไป และมันสำคัญมาก คือ Bermuda is the most expensive place in the world ค่าครองชีพแพงที่สุดในโลกจ้าาาาา เรารู้เรื่องนี้ก่อนที่จะจองตั๋วเครื่องบินละ แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะแพงทุกอย่างขนาดนี้เลย
ทุกอย่างที่นี่มันแพงจริงๆ ถ้าคิดว่าอเมริกาแพงแล้ว เบอร์มิวด้าแพงแบบหลุดโลกจริงๆ ราคาทุกอย่างแพงขึ้นจากอเมริกา 2-3 เท่า ค่าอาหารถ้ากินที่อเมริการาคาอาหารแบบทั่วไปมื้อนึง ~$20-25 ต่อคน แต่ถ้าเบอร์มิวด้าอย่างต่ำๆก็แซนวิช $20-25 ถ้านั่งกินที่ร้านทั่วไปก็ $30-50 ต่อคน ยิ่งถ้ากินที่โรงแรม $100 ต่อคนสำหรับค่าอาหารกลางวัน 1 มื้ออย่าลืมว่า tips อย่างน้อย 18% ก็สำคัญสำหรับที่นี่นะ เนื่องจากนักท่องเที่ยว 90% มาจากอเมริกา ทำให้ tipping culture มีผลกับที่นี่ด้วย
ค่าที่พักเรา เลือกจอง Airbnb เพราะว่าถูกที่สุดละ (ที่เบอร์มิวด้าไม่มีโฮสเทลเน้อออ) เราจ่าย $570 สำหรับ 4 คืน ถ้าจะนอนโรงแรม 5 ดาวซึ่งมีอยู่ทั่วไปในเกาะก็อย่างน้อยคืนละ $400 ซึ่งเราไม่ไหววววววว 😭
เพื่อนของเราบอกว่าถ้าจะอยู่ที่นี่ อย่างน้อยๆเธอต้องมีเงินจ่ายค่าเช่าห้องแบบสตูดิโอ $2,800 ต่อเดือน ค่าแอร์ 1 ตัวอีกอย่างน้อย $100 ต่อเดือน ยังไม่รวมค่าอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆที่จะต้องจ่ายอีกนะจ้าาาาาาา เราก็ไม่ได้ถามว่านางได้เงินเดือนเท่าไหร่นะ แต่คุยไปคุยมาท่าไหนไม่รู้ก็ได้ความมาว่าปีที่แล้วนางได้โบนัสแค่ $200,000 สำหรับพนักงานออฟฟิศตัวเล็กๆเบาๆ จ้าาาาาาาา 🙄 555555555
สำหรับค่าใช้จ่ายทั้งหมดของทริป สำหรับ 5 วัน 4 คืน ก็ประมาณนี้
- ค่าที่พัก $570
- ค่าตั๋วเครื่องบิน $400
- ค่าอาหาร/เครื่องดื่ม $260
- ค่าเดินทาง $220
- ค่าเข้าสถานที่ $50
จบแล้วกับรีวิวแบบคร่าวๆ เดี๋ยวเราจะมาต่อรีวิว Bermuda แบบละเอียด พร้อมแพลนในแต่ละวันข้างล่างนะคะ 😁
[CR] พาเที่ยว Bermuda สวรรค์บนดิน (เค้าว่ากันว่า) Playground ของคนรวย
เนื่องจากหาอ่านรีวิวเบอร์มิวดาได้ยากมากในภาษาไทยและค่อนข้างยากในภาษาอังกฤษ เราเลยขอเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับคนที่สนใจจะไปเบอร์มิวด้าแต่หาข้อมูลไม่ได้นะคะ มาเริ่มกันเลยยยยยย
สำหรับ Bermuda เราคิดว่าทุกคนคงจะรู้จักกันอยู่แล้วในเรื่องเกี่ยวกับเรือสำราญ เรือเดินสมุทร หรือเครื่องบินที่หายสาบสูญอย่างลึกลับเมื่อบินผ่านน่านน้ำโซนนี้ทำให้มีเรื่องราวเล่าขานกันอย่างมากมายรวมถึงการพิสูจน์ และหาสาเหตุการหายของเรือ และเครื่องบินเหล่านี้อย่างมากมาย แต่ก็ยังไม่มีคำตอบที่ยืนยันชัดเจนจนถึงปัจจุบัน ทำให้เบอร์มิวด้ามีชื่อเรียกอีกชื่อว่า Devil Island หรือ Devil Triangle ที่เรารู้จักกันนั่นเอง แต่จริงๆแล้วเบอร์มิวด้าไม่ได้เป็นสถานที่ที่น่ากลัวเลยนะ แต่กลับเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และสถานที่ตากอากาศที่เป็นที่นิยมแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว แล้วเราจะมาเล่าให้ฟังต่อไปนะคะ
นั่นแหล่ะค่ะทุกคน ไหนๆเราก็อยู่อเมริกาแล้วบินไปอีกไม่ไกลก็จะถึงเบอร์มิวด้าละถึงจะเคยได้ยินเรื่องราวที่แสนลึกลับและน่ากลัวแต่กลับพ่วงไปด้วยความสวยงามดั่งสวรรค์ใครจะไม่อยากไปใช่มั้ยล่ะ เอาล่ะเริ่มเดินทางกันดีกว่าาาา
ก่อนอื่นทริปนี้ต้องขอบคุณโฮสมัมเป็นอย่างมากที่บอกเล่าเรื่องราวการทำงานที่เบอร์มิวด้าระยะนึงให้เราฟังจนต้องอยากไป (โฮสมัมของเราเคยทำงานใน US Navy แล้วจะต้องไปประจำการที่เบอร์มิวด้าระยะนึงก่อนที่สหรัฐจะย้ายฐานกำลังออก มัมยังพูดกับเราอยู่เลยว่า “ตอนที่รู้ว่าเค้าจะย้ายฐานกำลังออกชั้นเสียดายมากเลยนะ เบอร์มิวด้าเป็นฐานที่สวยที่สุดที่ชั้นเคยทำงานมาเลยล่ะ แต่ก็นั่นแหล่ะยังไงเบอร์มิวด้าก็ยังคงเป็นความทรงจำที่สวยงามของการทำงานเสมอ” มัมนี่เสี้ยมเก่งจนทำให้เราอยากไปจริงๆ 55555555555)
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้