สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 16
จากภาพจะเห็นได้ว่าหากคุณ ออม เดือนละ 30,000 บาท โดย เน้นปันผลหุ้น 10 เปอร์ ต่อปี ใช้เวลาเพียง 20 ปีคุณจะมีเงินในหุ้น 20 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินทั้งหมดที่คุณใส่ไป แต่ธรรมชาติของกิจการ จะส่งผลให้ Capital gain หรือราคาต่อหุ้นเพิ่มขึ้น เช่น ปี นี้ซื้อ 10 บาท ปีน่าจะ 11 บาท ขึ้นไปเรื่อย ปีที่20 จะขึ้น เป็น 30 บาท หรือ 200 เปอร์ เพราะฉะนั้น หุ้นที่คุณถืออยู๋ 20 ล้าน จะมีมูลค่า 60 ล้าน คุณเริ่มลงทุนตอนอายุ 25 ก็ อายุ 45 ปี
คำถามที่พบบ่อย
แล้วปันผลมันจะสม่ำเสมอได้อย่างไร บางปีอาจไม่จ่าย แล้วซื้อหุ้นตัวไหนมันจะปัน 10 เปอร์ ?
ตอบ หุ้นบางตัวปีนี้ปัน 4 เปอร์ ปีหน้า ปัน 6 เปอร์ บางปีไม่ปัน บางปีปัน 20 เปอร์ (ถ้ามีวิกฤต) แต่จากการที่เค้าเก็บข้อมูลการลงทุนพบว่าหุ้นที่สร้างกำไรสม่ำเสมอ มักจะเฉลี่ยในเวลา 10-20 ปี จะปันผล ตกปีละ 10 เปอร์ หรือมากกว่า นี้คิดจาก SET50 หลับตาเลือกหุ้น ไม่ได้คิดแบบหุ้นเติบโตอะไรมากมาย
แล้ว Capital gain มันจะขึ้นไปได้ไง 200 เปอร์ ใน 20 ปี แล้วแต่ละปีมันจะขึ้น 10 จริงเหรอ
ตอบ การขึ้นของราคาหุ้นไม่ได้ตายตัวเนื่องจาก ราคาถูกสร้างจากความโลภ และความกลัวของคนในตลาด เพราะฉะนั้นไม่มีใครบอกได้ แต่หากปันผลจากคำถามข้อ1 เฉลี่ยเติบโต10 ต่อปี การขึ้นของราคาจะวิ่งหามูลค่าที่แท้จริงของมัน ตามการเติบโต และการสร้างกำไร คงไม่มีหุ้นตัวไหนที่ปันผลวิ่งไป 50 เปอร์ แต่ราคายังคงที่ ผมคงเอาเงินไปแช่ในหุ้นตัวนี้เรื่อยๆ เพราะปีหน้าปันผลคงไป 60 เปอร์ ซึ่งโดยธรรมชาติ สมมุติราคาหุ้น 10 บาท ปีหน้าอาจวิ่งไป 15 บาท อีกปีลงมา 12 บาท อีกปีลงมา 8 บาท พออีกปีสวิ้งไป 20 บาน อีกปี 25 บาท อีกปีลงมา 10 บาท เหมือนเดิม พอปีที่เก้า ไปทดสอบ 29 บาท พอปีที่ 20 อาจมาจบที่ 30 บาท หรือคำนวณย้อนไปย้อนมา สรุปคือเพิ่มปีละ 10 เปอร์
สรุป เพราะฉะนั้นการลงทุนในหุ้น จึงเน้นระยะยาว เพราะราคาหุ้นมันสวิ้งไปมาเหมือนรถไฟเหาะอาจทำเราหัวใจวาย ก่อนได้ใช้เงิน หากเราเข้าใจมัน และถือมันไปเรื่อยๆ ตามวิถีของเรา การเลือกหุ้นจึงเน้นหุ้นที่คิดว่าปันผลได้จากกำไรที่มาแบบสม่ำเสมอไม่ใช่กู้มาปันผล หรือปันผล แบบไม่ขยายกิจการ
การเลือกหุ้น :
เทรน ธุรกิจ เช่น
1. เด็กสมัยใหม่ ไม่ค่อยดูทีวี เพราะเน้น สังคมออนไลน์ หุ้นที่เทรน สื่อสาร intuch dtac internet ทั้งหลาย มาแน่ระยะยาว แต่หุ้นกลุ่ม ร้านหนังสือ ทีวีต่างๆ อนาคตจะเป็นขาลงไหม ต้องศึกษา พวกสิ่งพิมพ์ จะตกต่ำลงหรือไม่ คล้ายสมัยที่ไม่มีอินเตอร์เน็ต เทป ซีดี ขายได้กำไรมากขึ้นเดี๋ยวนี้หาเทปซักม้วนยังลำบาก เพราะแม้แต่เครื่องเล่นยังไม่มีขาย
2. คนสูงอายุมากขึ้น หุ้นโรงพยาบาล ได้ประโยชน์ หุ้นประกันชีวิตเสียประโยชน์ไหมหากคนชราเยอะต้องรักษาตัวบ่อยๆ ประกันภัยจะดีหรือไม่ ต้องวิเคราะห์ หุ้นอย่าง DSGT จะเป็นอย่างไรผ้าอ้อมคนชราจะจำเป็นมากขึ้นหรือไม่
3. กลุ่ม อาหาร เช่น ประชากรโลกเพิ่มปีละ 400 ล้านคน แต่พื้นที่การเกษตรลดลง ปีละกี่แสนไร่ โลกร้อน ภัยธรรมชาติ ส่งผลอย่างไรกับราคาอาหาร เพราะผมเกิดมา 26 ปี ผมไม่สามารถกลับไปกิน โจ๊ก ถ้วยละ 2 บาท เหมือนเดิมได้อีก เพราะอะไร หรือมันเป็นหุ้นที่วัฎจักรยาวนานหรือไม่ รัฐมีผลอย่างไร สินค้าควบคุมราคาหรือไม่ โรคระบาดในการเลี้ยงสัตว์ และการประมง
4. หุ้นบันเทิง คนรุ่นใหม่นิยมดูหนังฟังเพลง หรือไม่ ไม่ดีดลูกแก้ว เล่นใต้ต้นไม้ นั่งตามเถียงนา แต่ไปเดินห้างมากขึ้น หรือไม่เพราะอะไร แอร์เย็น หรือ สนุกกับอะไร ภาพยนต์สร้างความบันเทิงระดับไหน
5. การเดินทาง ขนส่งมวลชน ไปในทิศทางไหน คนหันมาขึ้นรถไฟฟ้ามากขึ้นหรือไม่ BTS จะขยายมากขึ้นไหม หรือจะไปประมูลงานที่ อินโด หรือไม่ ต้องติดตาม และวิเราะห์เป็นฉากๆ
6. การรุกตลาดเครื่องดื่มอย่าง BJC ทำขวดแก้วมากขึ้นหรือไม่เพราะเจ้าของบริษัทไล่ เทคโอเวอร์บริษัทเครื่องดื่มมากๆ หากมากต้องเพิ่มการผลิตส่งผลต่อรายได้หรือไม่
สรุป ก่อนเล่นหุ้นควรศึกษาเทรนซึ่งไม่มีสอนที่ไหน นอกจากเราสนใจเพียงตัวอย่าง
งบการเงินไม่มาก ไม่น้อย ดูแค่กำไรสุทธิ สม่ำเสมอหรือไม่ ขาดทุนเพราะปัจจัยสั้นยาว เช่นโรคไก่ระบาด แก้ได้ไว ช้าแค่ไหน ถ้าระบาดแบบ world war Z ที่คนเป็น zombie ก็แนะนำให้ขายหุ้น และไปเก็บตัวในหลุมหลบภัยหากแก้ได้ ระยะยาวก็ไปต่อได้ ต้นทุนการผลิตคุ้มมากน้อยแค่ไหน หากมีการเพิ่มธุรกิจใหม่ๆ ไปดูเพิ่มเติม
ธรรมาภิบาล วิสัยทัศน์ ผู้บริหาร อาจดูจากข่าวทีวี หนังสือพิมพ์ google ไปนั่งฟังในการประชุม ผถห แม้จะถือ 100 หุ้น เค้าก็ไม่ห้ามคุณเข้าไปฟัง การถือครองหุ้น การขายหุ้นตัวเองอาจไม่ใช่วิธีที่ดีมากนัก การถือมากไปอาจทำให้สภาพคล่องไม่เยอะ ต้องไปดูเอง ดูโหง่เฮ้ง อะไรก็ว่าไป
อัตราส่วนทางการเงิน พวก PE PBV ROE ROA DE ว่ากันไป
หัดดูราคาขึ้น ลง บ้าง บางเวลา อาทิตย์ละครั้ง 2 ครั้ง บ่อยหน่อยก็หลังเลิกงาน ไม่จำเป็นต้องจ้องเป็นนาที เพราะมันไม่ใช่การพนัน ไม่ต้องลุ้นว่าใครจะทิ้งไพ่ใบไหน หรือเจ้ามือ จั่ว หรือ ป๊อก การลงทุนไม่ใช่ บ่อน
ใครถนัดกราฟบ้างก็ลอง RSI MACD EMA ตีเทรนไลน์ รับต้าน บลาๆ ก็ว่ากันไปเพื่อหาจังหวะที่ลงทุนแต่ระยะยาวก็ไม่ได้มีไรมากมาย ศึกษาไว้ใช้ว่าใส่บ่าแบกหาม เงินเรา ตัดสินใจเอง ไม่มีใครช่วยอยู่ล่ะ
สุดท้ายก็จิ้ม แล้วไปนั่งทำงาน อยู่กับครอบครัว ทำบัญชีรายรับรายจ่าย สำคัญกว่านั่งดูหุ้นอีกผมว่า หุ้นตกขาดทุน 3 พัน จะเป็นจะตาย ซ์้อกระเป๋าใบละ 30,000 บาท มันจะรวยอยู่ชาตินี้ให้ตายเถอะ โรบิ้น
สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกท่านโชคดีมีมันนี่ใช้ แม่ยายงามน้องเมียสวยกันเลยทุกท่าน
แถมปัจจัยอื่นๆ ที่เป็นอุปสรรค
1. คู่ครอง ต้องเข้าใจกันทั้งด้านชีวิตคู่ และการลงทุนต้องสอนกันและกัน บางทีเราอยากลงทุน แต่แฟนไม่ชอบก็จบ แฟนฟุ่มเฟื่อยๆ อาจทำให้ไม่ถึงเป้าหมาย
2. สุขภาพ การดื่มเหล้าสูบบุหรี่อาจทำให้ป่วย แนะนำทำประกัน เพื่อลดความเสี่ยง
3. การมีบุตรควรดูตามความเหมาะสม ถ้าพร้อมถึงมีเพราะ คนหนึ่งคนค่าใช้จ่ายสูงมาก
4. การทำงาน ควรพัฒนาตัวเอง เพิ่วไหวพริบ ประสบการณ์ เพราะอาจทำให้เรามีรายได้มากขึ้น จะช่วยลดเวลาการเก็บลงทุน หรืออาชีพค้าขายอาจพัฒนาธุรกิจต่อยอด เพิ่มลูกค้าขายแฟรนไชน์
5. รักเดียวใจเดียว เพราะการเพิ่มกิ๊ก 1 คน ค่าใช้จ่ายสูง และอาจทำให้ของใช้ที่บ้านเสียหาย ก่อนอายุการใช้งาน เช่นโทรสับ พัง ทีวีแตก และอีกมากมาย
6. บ้าน จำเป็นมากน้อยแค่ไหน เพราะบ้านอาจไม่ถูกจัดเป็น ASSET รือสินทรัพย์ บางทีอาจเป็นภาระในบางเรื่องเช่น ค่าน้ำค่าไฟ หาก พ่อแม่มีบ้านอยู๋ แล้วอาจยังอาศัย อย่าง เสี่ยยักษ์ ตอนมีเงิน 100 กว่าล้านยังอาศัยอยู่บ้านแม่แฟน หรือเสี่ยมี่ ยังช่วยเมียทำหมูยอ พอร์ตแตะ 100 ล้าน
7. รถนี้ตัว ชิบ...... ฉิบ..... สุดๆ ภาษีต่อปี ซ่อมบำรุงต่อเดือน ประกันภัย ค่าจอดรถ บลาๆ หากอยู่ใน กทม เน้น BTS ไปก่อนเรื่อยๆ คุณ กิติชัย นักธุรกิจพันล้าน เจ้าพ่ออสังหา ยังขึ้น BTS บลาๆ
ใครบอกเรา งก ตอบไปว่าผมไม่ได้งก แค่รู้จักใช้เงิน ok ป่ะ
จากภาพจะเห็นได้ว่าหากคุณ ออม เดือนละ 30,000 บาท โดย เน้นปันผลหุ้น 10 เปอร์ ต่อปี ใช้เวลาเพียง 20 ปีคุณจะมีเงินในหุ้น 20 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินทั้งหมดที่คุณใส่ไป แต่ธรรมชาติของกิจการ จะส่งผลให้ Capital gain หรือราคาต่อหุ้นเพิ่มขึ้น เช่น ปี นี้ซื้อ 10 บาท ปีน่าจะ 11 บาท ขึ้นไปเรื่อย ปีที่20 จะขึ้น เป็น 30 บาท หรือ 200 เปอร์ เพราะฉะนั้น หุ้นที่คุณถืออยู๋ 20 ล้าน จะมีมูลค่า 60 ล้าน คุณเริ่มลงทุนตอนอายุ 25 ก็ อายุ 45 ปี
คำถามที่พบบ่อย
แล้วปันผลมันจะสม่ำเสมอได้อย่างไร บางปีอาจไม่จ่าย แล้วซื้อหุ้นตัวไหนมันจะปัน 10 เปอร์ ?
ตอบ หุ้นบางตัวปีนี้ปัน 4 เปอร์ ปีหน้า ปัน 6 เปอร์ บางปีไม่ปัน บางปีปัน 20 เปอร์ (ถ้ามีวิกฤต) แต่จากการที่เค้าเก็บข้อมูลการลงทุนพบว่าหุ้นที่สร้างกำไรสม่ำเสมอ มักจะเฉลี่ยในเวลา 10-20 ปี จะปันผล ตกปีละ 10 เปอร์ หรือมากกว่า นี้คิดจาก SET50 หลับตาเลือกหุ้น ไม่ได้คิดแบบหุ้นเติบโตอะไรมากมาย
แล้ว Capital gain มันจะขึ้นไปได้ไง 200 เปอร์ ใน 20 ปี แล้วแต่ละปีมันจะขึ้น 10 จริงเหรอ
ตอบ การขึ้นของราคาหุ้นไม่ได้ตายตัวเนื่องจาก ราคาถูกสร้างจากความโลภ และความกลัวของคนในตลาด เพราะฉะนั้นไม่มีใครบอกได้ แต่หากปันผลจากคำถามข้อ1 เฉลี่ยเติบโต10 ต่อปี การขึ้นของราคาจะวิ่งหามูลค่าที่แท้จริงของมัน ตามการเติบโต และการสร้างกำไร คงไม่มีหุ้นตัวไหนที่ปันผลวิ่งไป 50 เปอร์ แต่ราคายังคงที่ ผมคงเอาเงินไปแช่ในหุ้นตัวนี้เรื่อยๆ เพราะปีหน้าปันผลคงไป 60 เปอร์ ซึ่งโดยธรรมชาติ สมมุติราคาหุ้น 10 บาท ปีหน้าอาจวิ่งไป 15 บาท อีกปีลงมา 12 บาท อีกปีลงมา 8 บาท พออีกปีสวิ้งไป 20 บาน อีกปี 25 บาท อีกปีลงมา 10 บาท เหมือนเดิม พอปีที่เก้า ไปทดสอบ 29 บาท พอปีที่ 20 อาจมาจบที่ 30 บาท หรือคำนวณย้อนไปย้อนมา สรุปคือเพิ่มปีละ 10 เปอร์
สรุป เพราะฉะนั้นการลงทุนในหุ้น จึงเน้นระยะยาว เพราะราคาหุ้นมันสวิ้งไปมาเหมือนรถไฟเหาะอาจทำเราหัวใจวาย ก่อนได้ใช้เงิน หากเราเข้าใจมัน และถือมันไปเรื่อยๆ ตามวิถีของเรา การเลือกหุ้นจึงเน้นหุ้นที่คิดว่าปันผลได้จากกำไรที่มาแบบสม่ำเสมอไม่ใช่กู้มาปันผล หรือปันผล แบบไม่ขยายกิจการ
การเลือกหุ้น :
เทรน ธุรกิจ เช่น
1. เด็กสมัยใหม่ ไม่ค่อยดูทีวี เพราะเน้น สังคมออนไลน์ หุ้นที่เทรน สื่อสาร intuch dtac internet ทั้งหลาย มาแน่ระยะยาว แต่หุ้นกลุ่ม ร้านหนังสือ ทีวีต่างๆ อนาคตจะเป็นขาลงไหม ต้องศึกษา พวกสิ่งพิมพ์ จะตกต่ำลงหรือไม่ คล้ายสมัยที่ไม่มีอินเตอร์เน็ต เทป ซีดี ขายได้กำไรมากขึ้นเดี๋ยวนี้หาเทปซักม้วนยังลำบาก เพราะแม้แต่เครื่องเล่นยังไม่มีขาย
2. คนสูงอายุมากขึ้น หุ้นโรงพยาบาล ได้ประโยชน์ หุ้นประกันชีวิตเสียประโยชน์ไหมหากคนชราเยอะต้องรักษาตัวบ่อยๆ ประกันภัยจะดีหรือไม่ ต้องวิเคราะห์ หุ้นอย่าง DSGT จะเป็นอย่างไรผ้าอ้อมคนชราจะจำเป็นมากขึ้นหรือไม่
3. กลุ่ม อาหาร เช่น ประชากรโลกเพิ่มปีละ 400 ล้านคน แต่พื้นที่การเกษตรลดลง ปีละกี่แสนไร่ โลกร้อน ภัยธรรมชาติ ส่งผลอย่างไรกับราคาอาหาร เพราะผมเกิดมา 26 ปี ผมไม่สามารถกลับไปกิน โจ๊ก ถ้วยละ 2 บาท เหมือนเดิมได้อีก เพราะอะไร หรือมันเป็นหุ้นที่วัฎจักรยาวนานหรือไม่ รัฐมีผลอย่างไร สินค้าควบคุมราคาหรือไม่ โรคระบาดในการเลี้ยงสัตว์ และการประมง
4. หุ้นบันเทิง คนรุ่นใหม่นิยมดูหนังฟังเพลง หรือไม่ ไม่ดีดลูกแก้ว เล่นใต้ต้นไม้ นั่งตามเถียงนา แต่ไปเดินห้างมากขึ้น หรือไม่เพราะอะไร แอร์เย็น หรือ สนุกกับอะไร ภาพยนต์สร้างความบันเทิงระดับไหน
5. การเดินทาง ขนส่งมวลชน ไปในทิศทางไหน คนหันมาขึ้นรถไฟฟ้ามากขึ้นหรือไม่ BTS จะขยายมากขึ้นไหม หรือจะไปประมูลงานที่ อินโด หรือไม่ ต้องติดตาม และวิเราะห์เป็นฉากๆ
6. การรุกตลาดเครื่องดื่มอย่าง BJC ทำขวดแก้วมากขึ้นหรือไม่เพราะเจ้าของบริษัทไล่ เทคโอเวอร์บริษัทเครื่องดื่มมากๆ หากมากต้องเพิ่มการผลิตส่งผลต่อรายได้หรือไม่
สรุป ก่อนเล่นหุ้นควรศึกษาเทรนซึ่งไม่มีสอนที่ไหน นอกจากเราสนใจเพียงตัวอย่าง
งบการเงินไม่มาก ไม่น้อย ดูแค่กำไรสุทธิ สม่ำเสมอหรือไม่ ขาดทุนเพราะปัจจัยสั้นยาว เช่นโรคไก่ระบาด แก้ได้ไว ช้าแค่ไหน ถ้าระบาดแบบ world war Z ที่คนเป็น zombie ก็แนะนำให้ขายหุ้น และไปเก็บตัวในหลุมหลบภัยหากแก้ได้ ระยะยาวก็ไปต่อได้ ต้นทุนการผลิตคุ้มมากน้อยแค่ไหน หากมีการเพิ่มธุรกิจใหม่ๆ ไปดูเพิ่มเติม
ธรรมาภิบาล วิสัยทัศน์ ผู้บริหาร อาจดูจากข่าวทีวี หนังสือพิมพ์ google ไปนั่งฟังในการประชุม ผถห แม้จะถือ 100 หุ้น เค้าก็ไม่ห้ามคุณเข้าไปฟัง การถือครองหุ้น การขายหุ้นตัวเองอาจไม่ใช่วิธีที่ดีมากนัก การถือมากไปอาจทำให้สภาพคล่องไม่เยอะ ต้องไปดูเอง ดูโหง่เฮ้ง อะไรก็ว่าไป
อัตราส่วนทางการเงิน พวก PE PBV ROE ROA DE ว่ากันไป
หัดดูราคาขึ้น ลง บ้าง บางเวลา อาทิตย์ละครั้ง 2 ครั้ง บ่อยหน่อยก็หลังเลิกงาน ไม่จำเป็นต้องจ้องเป็นนาที เพราะมันไม่ใช่การพนัน ไม่ต้องลุ้นว่าใครจะทิ้งไพ่ใบไหน หรือเจ้ามือ จั่ว หรือ ป๊อก การลงทุนไม่ใช่ บ่อน
ใครถนัดกราฟบ้างก็ลอง RSI MACD EMA ตีเทรนไลน์ รับต้าน บลาๆ ก็ว่ากันไปเพื่อหาจังหวะที่ลงทุนแต่ระยะยาวก็ไม่ได้มีไรมากมาย ศึกษาไว้ใช้ว่าใส่บ่าแบกหาม เงินเรา ตัดสินใจเอง ไม่มีใครช่วยอยู่ล่ะ
สุดท้ายก็จิ้ม แล้วไปนั่งทำงาน อยู่กับครอบครัว ทำบัญชีรายรับรายจ่าย สำคัญกว่านั่งดูหุ้นอีกผมว่า หุ้นตกขาดทุน 3 พัน จะเป็นจะตาย ซ์้อกระเป๋าใบละ 30,000 บาท มันจะรวยอยู่ชาตินี้ให้ตายเถอะ โรบิ้น
สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกท่านโชคดีมีมันนี่ใช้ แม่ยายงามน้องเมียสวยกันเลยทุกท่าน
แถมปัจจัยอื่นๆ ที่เป็นอุปสรรค
1. คู่ครอง ต้องเข้าใจกันทั้งด้านชีวิตคู่ และการลงทุนต้องสอนกันและกัน บางทีเราอยากลงทุน แต่แฟนไม่ชอบก็จบ แฟนฟุ่มเฟื่อยๆ อาจทำให้ไม่ถึงเป้าหมาย
2. สุขภาพ การดื่มเหล้าสูบบุหรี่อาจทำให้ป่วย แนะนำทำประกัน เพื่อลดความเสี่ยง
3. การมีบุตรควรดูตามความเหมาะสม ถ้าพร้อมถึงมีเพราะ คนหนึ่งคนค่าใช้จ่ายสูงมาก
4. การทำงาน ควรพัฒนาตัวเอง เพิ่วไหวพริบ ประสบการณ์ เพราะอาจทำให้เรามีรายได้มากขึ้น จะช่วยลดเวลาการเก็บลงทุน หรืออาชีพค้าขายอาจพัฒนาธุรกิจต่อยอด เพิ่มลูกค้าขายแฟรนไชน์
5. รักเดียวใจเดียว เพราะการเพิ่มกิ๊ก 1 คน ค่าใช้จ่ายสูง และอาจทำให้ของใช้ที่บ้านเสียหาย ก่อนอายุการใช้งาน เช่นโทรสับ พัง ทีวีแตก และอีกมากมาย
6. บ้าน จำเป็นมากน้อยแค่ไหน เพราะบ้านอาจไม่ถูกจัดเป็น ASSET รือสินทรัพย์ บางทีอาจเป็นภาระในบางเรื่องเช่น ค่าน้ำค่าไฟ หาก พ่อแม่มีบ้านอยู๋ แล้วอาจยังอาศัย อย่าง เสี่ยยักษ์ ตอนมีเงิน 100 กว่าล้านยังอาศัยอยู่บ้านแม่แฟน หรือเสี่ยมี่ ยังช่วยเมียทำหมูยอ พอร์ตแตะ 100 ล้าน
7. รถนี้ตัว ชิบ...... ฉิบ..... สุดๆ ภาษีต่อปี ซ่อมบำรุงต่อเดือน ประกันภัย ค่าจอดรถ บลาๆ หากอยู่ใน กทม เน้น BTS ไปก่อนเรื่อยๆ คุณ กิติชัย นักธุรกิจพันล้าน เจ้าพ่ออสังหา ยังขึ้น BTS บลาๆ
ใครบอกเรา งก ตอบไปว่าผมไม่ได้งก แค่รู้จักใช้เงิน ok ป่ะ
แสดงความคิดเห็น
มีรายได้ต่อเดือน 25k-50k อยากเก็บเงินให้ได้ 50 ล้านบาทต้องทำอย่างไรบ้างครับ
ตอนนี้ผมอายุ 25 ปี ยังไม่แต่งงาน (อีก 2 ปี)
รายได้หลักๆหักค่าใช้จ่ายต่อเดือนแล้วอยู่ที่ประมาณ 25,000 - 50,000 บาทต่อเดือนครับ
ตอนนี้ผมทำการเล่นหุ้นเพื่อหวังผลกำไร แต่เท่าที่เล่นมาตอนนี้ขาดทุนอยู่ครับ..
จึงอยากทราบหลักการว่าตอนนี้ผมอายุ 25 ปี ผมจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้มีเงินเก็บได้ประมาณ 50 ล้านบาทครับ
ไม่รู้ว่าผมจะใช้เวลากี่ปี..พี่ๆมีแนวทางในการ สร้างเงินให้งอกเงยกันอย่างไรบ้างครับ
ขอบคุณครับ