ตามประเด็น
หมายเหตุ
พระสูตร ที่มาของคำว่า จิต - ประภัสสร "หนึ่ง"
(๑)
ความรู้ที่ทำให้มีการอบรมจิต <-------------------------------------------------------------------- สรุปพระสูตรข้างล่างไว้
เอก อํ ๒๐/๑๑-๑๒/๕๒-๕๓ (สำนวนแปล - อริยสัจจากพระโอษฐ์ หน้า ๑๓๑๐ - พุทธทาสภิกขุ
ภิกษุทั้งหลาย
จิตนี้ เป็นธรรมชาติไม่เข้าถึงความเศร้าหมองจึงมีอาการผุดผ่อง ---------------------------------- ตีความเพิ่มจาก จำนวนแปลที่วงเล็บ (แบบ เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม)
(ภิกษุ ท! จิตนี้ เป็นธรรมชาติประภัสสร) --------------------------------------------------------- ท่านพุทธทาสแปล
แต่จิต (ที่มีธรรมชาติประภัสสร) นั้นแล
เข้าถึงความเศร้าหมองแล้ว ---------------------------------------------------------------------- "อาการ" คือ เข้าถึง หรือ เข้าสู่ ภาวะ ไม่ประภัสสร คือเศร้าหมอง นั่นเอง
เพราะอุปกิเลส ---------------------------------------------------------------------------------- "คำว่า อุปกิเลส" ทรง ชี้ที่ธรรม ?
(ดู อุปกิเลสสูตร และหรือ จูฬทุกขันธสูตรประกอบฯ)
อันเป็นอาคันตุกะจรมา --------------------------------------------------------------------------- "อาการ" ที่ แขกมาเยือน (อาคันตุกะจรมา)
ทรงกระทำอุปมา กับ "จิตนี้ประภัสสร" ใช่ หรือ ไม่?
เรากล่าวว่า
ปุถุชนผู้ไม่มีการสดับ ---------------------------------------------------------------------------- สมัยนั้น ยังไม่มีพระไตรปิฎก / วิสุทธิมัคค์ / อภิธัมมัตถสังคหะ / ฯลฯ
ย่อมไม่รู้ชัดตามที่เป็นจริง ----------------------------------------------------------------------- ปุถุชนสมัยนี้ "ที่ดูจิตนิยม" รู้ชัดมั๊ย?
ซึ่งความจริงข้อนี้ -------------------------------------------------------------------------------- ตามที่ตรัส
(ไม่ตรัส ถิรสัญญา คือ เหตุใกล้ของสติฯ ถิรสัญญาของปุถุชนจึงฯลฯ)
เพราะเหตุนั้น
จิตตภาวนา -------------------------------------------------------------------------------------- โพธิปักขิยธรรม ๓๗ (ไม่ตรัสคำว่า ดูจิต / คำว่า ฯลฯ)
ย่อมไม่มีแก่ปุถุชน ------------------------------------------------------------------------------ ปุถุชน ไม่ว่าจะ "นุ่งขาว" หรือ ฯลฯ ใช่มั๊ย
ผู้ไม่มีการสดับ ---------------------------------------------------------------------------------- ตามพระสูตรที่ตรัสไว้ ที่พระเถรครั้งปฐมสังคายนาท่านอมแล้วบ้วน (มุขปาฐะ)ฯ
ดังนี้ --------------------------------------------------------------------------------------------- ใคร ค้าน พระสูตรจากพระโอษฐ์ นี้ (สำนวนแปลไม่เกี่ยว)
จบความนำ
-----------
ตามประเด็น
จิตไม่เศร้าหมอง (จิตประภัสสร) - กิเลสจรมา (อุปกิเลส ทำให้เข้าถึงความเศร้าหมอง) ----> จรมาจาก?
หมายเหตุ
พระสูตร ที่มาของคำว่า จิต - ประภัสสร "หนึ่ง"
(๑)
ความรู้ที่ทำให้มีการอบรมจิต <-------------------------------------------------------------------- สรุปพระสูตรข้างล่างไว้
เอก อํ ๒๐/๑๑-๑๒/๕๒-๕๓ (สำนวนแปล - อริยสัจจากพระโอษฐ์ หน้า ๑๓๑๐ - พุทธทาสภิกขุ
ภิกษุทั้งหลาย
จิตนี้ เป็นธรรมชาติไม่เข้าถึงความเศร้าหมองจึงมีอาการผุดผ่อง ---------------------------------- ตีความเพิ่มจาก จำนวนแปลที่วงเล็บ (แบบ เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม)
(ภิกษุ ท! จิตนี้ เป็นธรรมชาติประภัสสร) --------------------------------------------------------- ท่านพุทธทาสแปล
แต่จิต (ที่มีธรรมชาติประภัสสร) นั้นแล
เข้าถึงความเศร้าหมองแล้ว ---------------------------------------------------------------------- "อาการ" คือ เข้าถึง หรือ เข้าสู่ ภาวะ ไม่ประภัสสร คือเศร้าหมอง นั่นเอง
เพราะอุปกิเลส ---------------------------------------------------------------------------------- "คำว่า อุปกิเลส" ทรง ชี้ที่ธรรม ?
(ดู อุปกิเลสสูตร และหรือ จูฬทุกขันธสูตรประกอบฯ)
อันเป็นอาคันตุกะจรมา --------------------------------------------------------------------------- "อาการ" ที่ แขกมาเยือน (อาคันตุกะจรมา)
ทรงกระทำอุปมา กับ "จิตนี้ประภัสสร" ใช่ หรือ ไม่?
เรากล่าวว่า
ปุถุชนผู้ไม่มีการสดับ ---------------------------------------------------------------------------- สมัยนั้น ยังไม่มีพระไตรปิฎก / วิสุทธิมัคค์ / อภิธัมมัตถสังคหะ / ฯลฯ
ย่อมไม่รู้ชัดตามที่เป็นจริง ----------------------------------------------------------------------- ปุถุชนสมัยนี้ "ที่ดูจิตนิยม" รู้ชัดมั๊ย?
ซึ่งความจริงข้อนี้ -------------------------------------------------------------------------------- ตามที่ตรัส
(ไม่ตรัส ถิรสัญญา คือ เหตุใกล้ของสติฯ ถิรสัญญาของปุถุชนจึงฯลฯ)
เพราะเหตุนั้น
จิตตภาวนา -------------------------------------------------------------------------------------- โพธิปักขิยธรรม ๓๗ (ไม่ตรัสคำว่า ดูจิต / คำว่า ฯลฯ)
ย่อมไม่มีแก่ปุถุชน ------------------------------------------------------------------------------ ปุถุชน ไม่ว่าจะ "นุ่งขาว" หรือ ฯลฯ ใช่มั๊ย
ผู้ไม่มีการสดับ ---------------------------------------------------------------------------------- ตามพระสูตรที่ตรัสไว้ ที่พระเถรครั้งปฐมสังคายนาท่านอมแล้วบ้วน (มุขปาฐะ)ฯ
ดังนี้ --------------------------------------------------------------------------------------------- ใคร ค้าน พระสูตรจากพระโอษฐ์ นี้ (สำนวนแปลไม่เกี่ยว)
จบความนำ
-----------
ตามประเด็น