แต่แล้วในวันหนึ่ง ณ ช่วงสุดท้ายในชีวิตปี 1 ของโฟล เธอก็มาบอกฉันด้วยท่าทางหวาดๆ ว่า เธอคิดจะไปอยู่หอนอกกับกลุ่มเพื่อนของเธอ
'ไปอยู่หอกับมัน'...จะบ้าหรือไง
ฉันไม่เข้าใจเธอเลยสักนิดว่าทำไมเธอถึงตัดสินใจอย่างนั้น และที่สำคัญคือ 'กับกลุ่มเพื่อน'...ยิ่งบ้าไปกันใหญ่ เธอมีเพื่อนที่ไหนกัน เท่าที่ฉันรู้เธอมีแค่กลุ่มที่เธอคอยเข้าใจว่าเป็นเพื่อน ทั้งที่จริงๆ แล้วมันคือไอ้กลุ่มเดียวกับที่คอยตามรังควานเธอแบบจองล้างจองผลาญนั่นแหละ
แต่เมื่อเธอยืนกรานอย่างนั้นแล้วฉันจะไปทำอะไรได้ สุดท้ายจึงเหลือแค่ทางออกเดียว คือฉันยอมทะเลาะกับคนที่บ้านเพื่อเข้าไปอยู่ที่หอแห่งนั้น
...และฉันก็ปกป้องเธอได้เสียที
ใช่มันควรจะลงเอยแบบนั้น แต่สถานการณ์ของเรากลับแย่ลงยิ่งกว่าเดิม เมื่อฉันได้เจอกับ 'กลุ่มเพื่อน' ของเธอเข้าจริงๆ
มันเลวร้ายเกินกว่าจินตนาการเอาไว้เสียอีก นอกจากความแค้นระดับฆ่าพ่อแม่และเครือญาติย้อนไปสักสามช่วงความเกี่ยวดองแล้ว ฉันแทบจะไม่เชื่อเลยว่าจะมีใครที่จะคอยรังแกจองเวรจองกรรมคนๆ หนึ่งได้ถึงขนาดนี้
และที่เลวร้ายที่สุดก็คือ ความจริงที่ว่าฉันไม่อาจปกป้องเธอได้ตามที่หวัง
ถูกแล้ว...ฉันไม่อาจปกป้องเธอด้วยเหตุผลของสาวแว่นแสนดีคนนี้ที่มิอาจปฏิเสธได้
"ฉันมิอาจปกป้องเธอได้" ฉันพูดกับตัวเองอยู่บ่อยครั้งและแอบร้องไห้ไม่ให้เธอเห็น
'ฉันกับเค้ามีสิ่งที่คล้ายกัน แต่ในสิ่งที่คล้ายกันนั้นเค้ายอมรับไม่ได้ที่ฉันเป็นแบบนั้น' ตบท้ายด้วยประโยคยิ้มหวาน
ยอม...เพราะมีแต่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ฉันไม่เคยเปลี่ยนความตั้งใจได้เลยสักหน ดังนั้นถึงฉันจะได้มาอยู่หอที่เดียวกับเธอแล้ว แต่ก็ยังคงทำได้แค่แอบร้องไห้หลังเลิกงานเช่นทุกครั้ง และไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ที่ฉันกับเธอสามารถตบตาคนอื่นๆ ได้จริงๆ ว่าเราเป็นเพียงแค่เพื่อนร่วมหอพักที่เพิ่งมารู้จักกัน
ฉันมาอยู่หอพักเดียวกับเธอเพื่อที่จะดูแลเธอไปตลอดรอดฝั่ง
เรื่องของเนเน่ 6
'ไปอยู่หอกับมัน'...จะบ้าหรือไง
ฉันไม่เข้าใจเธอเลยสักนิดว่าทำไมเธอถึงตัดสินใจอย่างนั้น และที่สำคัญคือ 'กับกลุ่มเพื่อน'...ยิ่งบ้าไปกันใหญ่ เธอมีเพื่อนที่ไหนกัน เท่าที่ฉันรู้เธอมีแค่กลุ่มที่เธอคอยเข้าใจว่าเป็นเพื่อน ทั้งที่จริงๆ แล้วมันคือไอ้กลุ่มเดียวกับที่คอยตามรังควานเธอแบบจองล้างจองผลาญนั่นแหละ
แต่เมื่อเธอยืนกรานอย่างนั้นแล้วฉันจะไปทำอะไรได้ สุดท้ายจึงเหลือแค่ทางออกเดียว คือฉันยอมทะเลาะกับคนที่บ้านเพื่อเข้าไปอยู่ที่หอแห่งนั้น
...และฉันก็ปกป้องเธอได้เสียที
ใช่มันควรจะลงเอยแบบนั้น แต่สถานการณ์ของเรากลับแย่ลงยิ่งกว่าเดิม เมื่อฉันได้เจอกับ 'กลุ่มเพื่อน' ของเธอเข้าจริงๆ
มันเลวร้ายเกินกว่าจินตนาการเอาไว้เสียอีก นอกจากความแค้นระดับฆ่าพ่อแม่และเครือญาติย้อนไปสักสามช่วงความเกี่ยวดองแล้ว ฉันแทบจะไม่เชื่อเลยว่าจะมีใครที่จะคอยรังแกจองเวรจองกรรมคนๆ หนึ่งได้ถึงขนาดนี้
และที่เลวร้ายที่สุดก็คือ ความจริงที่ว่าฉันไม่อาจปกป้องเธอได้ตามที่หวัง
ถูกแล้ว...ฉันไม่อาจปกป้องเธอด้วยเหตุผลของสาวแว่นแสนดีคนนี้ที่มิอาจปฏิเสธได้
"ฉันมิอาจปกป้องเธอได้" ฉันพูดกับตัวเองอยู่บ่อยครั้งและแอบร้องไห้ไม่ให้เธอเห็น
'ฉันกับเค้ามีสิ่งที่คล้ายกัน แต่ในสิ่งที่คล้ายกันนั้นเค้ายอมรับไม่ได้ที่ฉันเป็นแบบนั้น' ตบท้ายด้วยประโยคยิ้มหวาน
ยอม...เพราะมีแต่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ฉันไม่เคยเปลี่ยนความตั้งใจได้เลยสักหน ดังนั้นถึงฉันจะได้มาอยู่หอที่เดียวกับเธอแล้ว แต่ก็ยังคงทำได้แค่แอบร้องไห้หลังเลิกงานเช่นทุกครั้ง และไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ที่ฉันกับเธอสามารถตบตาคนอื่นๆ ได้จริงๆ ว่าเราเป็นเพียงแค่เพื่อนร่วมหอพักที่เพิ่งมารู้จักกัน
ฉันมาอยู่หอพักเดียวกับเธอเพื่อที่จะดูแลเธอไปตลอดรอดฝั่ง