ผมอายุ 38 ปีแต่งงานมาได้ 2 ปีแล้วแต่ยังไม่มีลูก(คือเราสองคนไม่คิดจะมีเพราะว่าผมไม่อยากเป็นเหตุนำพาให้ใครเกิดมาทรมาบนโลกใบนี้อันเป็นคุกชีวิตของมนุษย์) ผมถือว่าเป็นคนที่ประสพความสำเร็จในทางโลกคือเราสามารถหาเงินทองทรัพย์สมบัติให้กับตัวเองและครอบครัวมาได้หลายล้านบาทใช้ชีวิตอย่างสะดวกสะบายไม่มีหนี้สินสินติดตัวแม้แต่บาทเดียวหลายคนบอกว่าเราโชคดีแล้วแต่ถึงกระนั้นก็ยังหาความสูขที่แท้จริงไม่พบ ตั้งแต่เราเป็นเด็กโตขึ้นมามีความสงสัยในเรื่องของธรรมะและการดำเนินชีวิตมนุษย์อยู่เสมอๆและได้ใช้ปัญญาของตัวเองพิจารณาด้วยเหตุและผลในสิ่งที่ได้รู้และเห็นอยู่เสมอๆ เรียกได้ว่ายิ่งมีอายุมากขึ้นยิ่งมองเห็นสัจธรรมความทุกข์ของมนุษย์นั้นมีมากมายหาที่สิ้นสุดไม่ได้เลย เห็นแต่ะวันแต่ละวันคนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอย่างประมาทวนเวียนไปตามกระแสโลกหาที่สิ้นสุดไม่ได้เลย ด้วยเหตุนี้+อายุทำให้รู้สึกอยากปล่อยวางทุกเรื่องในชีวิต เราจึงพยายามหาทางออกจึงได้พยายามศึกษาหลักธรรมมะจึงเป็นเหตุให้ได้ไปค้นหาและได้ฟังธรรมมะของพระอาจารย์ทูล ขิปฺปปญฺโญ ฟังแล้วถึงกับหงายหลังเลยเนื่องจากเป็นธรรมมะที่ตอบความสงสัยที่เรามีอยู่ในใจได้ชัดเจนแจ่มแจ้งด้วยเหตุและผลจนความสงสัยหมดไปและได้เกิดความเลื่อมใสในธรรมมะที่ได้ฟัง จึงได้นำมาทบทวนชีวิตตัวเองรู้สึกว่าชีวิตทางโลกทุกวันนีหากเดินต่อไปมันไม่มีอะไรแล้วเรารู้แล้วว่าปลายทางคือจุดเริ่มต้นเดิมที่เราออกเดินทางมา ชีวิตมันจะเกิด-ดับวนเวียนอยู่อย่างนี้หาที่สิ้นสุดไม่ได้
รู้สึกเสียดายว่าถ้าเราคิดได้ก่อนหน้านี่ซัก 5 ปีที่แล้วเราจะตัดสินใจบวชเป็นพระทันที แต่มาถึงตอนนี้เรามีภาระที่เราต้องดูแลครอบครัวที่เราเคยสัญญาด้วยสัจจะไว้ทั้งพ่อแม่และคู่ครอง เราต้องเป็นที่พึ่งให้เขาเรามีภาระตรงนี้ซึ่งจะละทิ้งไม่ได้ แต่เราก็มีความอยากที่จะปล่อยวางทางโลกอย่างน้อยก็ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ใช้ชีวิตที่เหลือยู่ศึกษาหลักธรรมมะ ซึ่งมันทำได้ยากลำบากเพราะเรายังมีภาระหน้าที่และใช่ว่าทุกคนจะเข้าใจ+เห็นด้วยในการตัดสินใจครั้งนี้เพราะเขายังไม่ตื่นจากทางโลก ตรงนี้แหละที่เรายังหาทางออกให้กับตัวเองไม่ได้ เหมือนเดินถึงทางแยกและเราเชื่อว่าเราไม่ใช่คนแรกที่มีความเห็นแบบนี้
เดินทางมาถึงทางแยก ต้องตัดสินใจ
รู้สึกเสียดายว่าถ้าเราคิดได้ก่อนหน้านี่ซัก 5 ปีที่แล้วเราจะตัดสินใจบวชเป็นพระทันที แต่มาถึงตอนนี้เรามีภาระที่เราต้องดูแลครอบครัวที่เราเคยสัญญาด้วยสัจจะไว้ทั้งพ่อแม่และคู่ครอง เราต้องเป็นที่พึ่งให้เขาเรามีภาระตรงนี้ซึ่งจะละทิ้งไม่ได้ แต่เราก็มีความอยากที่จะปล่อยวางทางโลกอย่างน้อยก็ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ใช้ชีวิตที่เหลือยู่ศึกษาหลักธรรมมะ ซึ่งมันทำได้ยากลำบากเพราะเรายังมีภาระหน้าที่และใช่ว่าทุกคนจะเข้าใจ+เห็นด้วยในการตัดสินใจครั้งนี้เพราะเขายังไม่ตื่นจากทางโลก ตรงนี้แหละที่เรายังหาทางออกให้กับตัวเองไม่ได้ เหมือนเดินถึงทางแยกและเราเชื่อว่าเราไม่ใช่คนแรกที่มีความเห็นแบบนี้