เปิดใจครั้งแรกของ "บอ.บู๋" กับบทบาทนักพากย์แบบจริงจัง รวมถึง 3 คำเน้นๆ ที่เจ้าตัวขอมอบให้กับนายกสมาคมฟุตบอลไทย!!

คลุกคลีอยู่กับแวดวงฟุตบอลมานานร่วมๆ 20 ปี แล้ว มีดีกรีเป็นทั้งดีเจ พิธีกร คอลัมนิสต์ฯ ชื่อเสียงโด่งดัง แต่ใครจะเชื่อว่าที่ผ่านมาผู้ชายที่ชื่อ "บอ.บู๋ บูรณิจฉ์ รัตนวิเชียร" ไม่เคยพากย์บอลทางทีวีแบบจริงๆ จังๆ มาก่อนเลย
       
        แต่ทุกคนย่อมมีครั้งแรก และครั้งแรกของเขากับบทบาทที่ว่านี้ก็กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้าหลังเจ้าตัวได้รับมอบหมายให้รับหน้าที่บรรยายการแข่งขันฟุตบอล "พรีเมียร์ลีก" ลีกที่คนไทยให้ความสนใจเป็นอันดับหนึ่งที่ ณ วันนี้ลิขสิทธิ์ของการถ่ายทอดสดตกไปอยู่ในมือของบริษัท "ซีทีเอช" จำกัด (มหาชน) โดยเตรียมจะระเบิดเกมแข่งขันเปิดฤดูกาลใหม่วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคมนี้
       

        จัดวิทยุก็เคยถูกแบนไปแล้ว, เขียนหนังสือก็เคยถูกเจ๊ระเบียบจัดหนักฟ้อง น่าสนใจทีเดียวว่าการทำหน้าที่บรรยายเกมครั้งแรกของเขาคนนี้จะออกมาเป็นเช่นไร? จะกวนteenเหมือนตัวหนังสือที่เขียนมั้ย? จะเป็นกลางขนาดไหนในเมื่อตัวเขาข้นคลั่กไปด้วยเลือด "ผีแดง"? ทั้งหมดต้องลองฟังเจ้าตัวแจกแจง พร้อมด้วยทัศนะคติเกี่ยวกับผู้จัดการทีมคนใหม่ของแมนยูฯ, ฟันธง 4 อันดับพรีเมียร์ลีก, บอลไทยจะไปบอลโลก รวมถึง 3 คำที่เจ้าตัวขอมอบเน้นๆให้กับนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย
       
        “ก่อนหน้านี้พี่ไม่เคยพากย์ออกทีวีมาก่อนเลยนะ ส่วนพี่ก็จะพากย์ตามงานอีเว้นท์ เช่นเวลาฟุตบอลโลกเขาไปทำอีเว้นท์ตามลานต่างๆ หน้าเซ็นทรัลเวิลด์บ้างอะไรบ้าง อย่างวันแดงเดือนก็ไปตามแดนเนรมิตบ้างตามที่เขาจัด อย่างทีวีพี่ก็เคยพากย์แต่ก็ไม่ได้พากย์ประจำ แต่มาคราวนี้ลิขสิทธิ์จากทรูเป็นของซีทีเอช ซึ่งก็จะมีคนพากย์ของเขาอยู่แล้วกลุ่มนึง ก็อาจจะมีนักข่าวสายกีฬาอย่างพี่บิ๊กจ๊ะ (สาธิต กรีกุล) อย่างพี่เอ็ดดี้ (วีระศักดิ์ นิลกลัด) และ ก็จะมีคนรุ่นใหม่ แล้วพอเปลี่ยนลิขสิทธิ์เขาก็เลยโยนมาให้กับสยามกีฬาล้วนๆ เลย พี่โอ ผู้อำนวยสถานีช่องสยามสปอตนิวส์เขาก็เลยโยนมาให้เราพากย์”
       

         ทำไมเขาถึงเลือกพี่?

        “จริงๆ แล้วเราเป็นคอลัมนิสต์ของสยามกีฬา สตาร์ซ็อคเกอร์ เขาก็คงอยากได้คนที่มีบิ๊กเนมหน่อยไปพากย์ให้มันมีจุดน่าสนใจ ให้คนดูรู้สึกเหมือนว่ามันมีอะไรที่แปลกใหม่ ไม่ใช่เอาใครก็ได้มาพากย์ แล้วเราก็ทำงานที่นี้มา 20 ปี ค่อนข้างที่จะคุ้นเคยและลึกซึ่งกับบอลอังกฤษอาจจะเป็นเพราะตรงนี้เขาก็เลยให้เราไปพากย์”
       


         พี่จะมาเป็นคอมเม้นเตเตอร์หรือเป็นคนพากย์หลัก?

        “เป็นตัวพากย์หลัก เป็นตัวพากย์นำ จริงๆ แล้วก็ได้ทั้ง 2 อย่าง แต่เป็นคนพากย์นำ เพราะเราเคยพูดมาก่อนแล้วเราก็พูดได้ แล้วเราก็มีข้อมูลและความรู้อย่างเดียวเรายังมีความรู้ในด้านของการวางแผนการแก้เกมส์ของโค้ช เพราะเราอยู่กับฟุตบอลมาเกือบตลอดชีวิตเพราะฉะนั้นมันฝังอยู่ในเส้นเลือดอยู่แล้ว ก็ไมมีปัญหาได้ทั้ง2หน้าที่ แต่อย่างคอมเม้นเตเตอร์อย่างสกายสปอร์ตของฝรั่งส่วนใหญ่เขาจะใช้นักฟุตบอลเก่าเพราะคอมเม้นเตเตอร์ควรจะมีความรู้ในเรื่องของเกม ไม่ใช่ว่ามีแค่ข้อมูลอย่างเดียว ต้องรู้ว่าโค้ชทำไมถึงเปลี่ยนคนนี้ลงมา ทำไมโค้ชถึงต้องวางแผนแบบนี้ เราอาจจะไม่ใช้นักฟุตบอลเก่า แต่เราอาศัยว่าเราดูฟุตบอลมาเยอะ แล้วก็คลุกคลีมากับฟุตบอลอังกฤษมาตลอด ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเราทำหน้าที่นี้ได้”
       
        “ส่วนใหญ่วันนึงก็จะพากย์คู่เดียวเพราะว่าคนเยอะ อย่างมีเสาร์ อาทิตย์ จันทร์ พี่ก็อาจจะพากย์วันเสาร์หรือวันอาทิตย์ พี่ก็ไปพากย์ที่ซีซีทีวีซึ่งตอนนี้พี่ก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนเพราะเขายังไม่เริ่ม แต่ตอนนี้ก็พากย์ที่สยามทีวีที่เดียว อย่างเวลาพากย์ ก็มีหัวหน้าเป็นคนเลือกคนกำหนดให้ว่าเราจะได้พากย์คู่ไหน ก็ดูความเหมาะสม อาจเจอสถานการณ์คู่ใหญ่ก็อาจจะให้รุ่นใหญ่พากย์ ส่วนใหญ่ก็เฉลี่ยกันไป คือจริงๆแล้วคนพากย์จะต้องพากย์ได้ทุกทีมไม่ว่าจะทีมเล็กทีมใหญ่ก็พากย์ได้หมด คงใหญ่วิธีเกลี่ยเอาคนนี้พากย์คู่ใหญ่ไปแล้ว ก็ให้คนนี้ไปพากย์บ้าง คือสลับให้มันสมดุล”

       
       ใครๆ ก็รู้ว่าพี่แมนยูฯ จ๋า กลัวคนมองว่าเราไม่เป็นกลางไหม?

        “คือพี่จะไม่เอาความเป็นแฟนบอลมาพากย์อยู่แล้ว เพราะเวลาพากย์เราก็ต้องใช้ความเป็นมืออาชีพ พี่ก็พยายามสะกดใจพี่ว่าพี่ก็ทำได้ (จะมีความไม่เป็นกลางไหม??) พี่มั่นใจว่าเป็นกลางแน่นอน คือพี่มีความเป็นมืออาชีพพอ เรารู้ว่าเราทำอะไรคือเราแยกแยะออกว่าอันไหนคืองานอันไหนคือกองเชียร์ ก็อยากให้คนที่ฟังก็พยายามอย่าอคติ ว่า เอ้ย ! ไอ้บ.บู๋มันเป็นแฟนทีมแมนยูนะ แล้วพอเราไปพากย์ทีมแมนยูก็ไม่นั่งจับผิดว่าพากย์เข้าข้างแมนยูแล้วว่าคู่ตรงข้ามแมนยูจะลำเอียงหรือเปล่า อันนี้ไม่ต้องกลัว คืออยากให้พยายามอย่าอคติแล้วก็เปิดใจให้กว้างแล้วก็จะพิสูจน์ให้เห็นนะจ๊ะ”

       
       เวลาพากย์บอลจะมีฮาๆ กวนๆ ตามสไตล์เหมือนในคอลัมน์ที่เขียนไหม??

        “ก็อาจจะมีบ้าง เพราะว่าคนพากย์ทุกวันนี้เขาพากย์เป็นงานเป็นการเพราะเขาคงรู้สึกว่าหลุดออกนอกกรอบไม่ได้ แต่จริงๆ ก็ไม่ควรจะออกหลุดนอกกรอบ คือมันก็ควรจะเป็นจริงเป็นจังอย่างเวลาพากย์ฟุตบอลก็จะเป็นทางการหน่อย แต่ว่าบางทีเราอาจจะใส่ลูกเล่นไปให้คนดูไม่เครียด เพราะบางทีบอลมาดึกๆ แล้วบอลอาจจะไม่สนุก เพราะถ้าเกมมันน่าเบื่อก็จะพาลให้คนดูเขาหลับไป เพราะฉะนั้นเราก็ต้องหาลูกเล่น หามุก ก็ไม่ให้น่าเบื่อจนเกินไปแล้วก็ไม่ให้เกินเลยจนเกินไปอะไรอย่างนี้มากกว่า”
       

        “ถามว่าหามุกยากไหม จะบอกว่ายากก็ไม่ยากจะบอกว่าง่ายก็ไม่ง่าย เพราะว่ามันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ตรงนั้นไงคือเราอาศัยความที่เราเป็นคนหัวไวเป็นคนที่มีประสบการณ์เยอะ ถึงเวลาเรามีเรื่องอยู่ในคลังสมอง แล้วเรามีข้อมูลอยู่ในคลังสมองเราก็สามารถที่จะเอามาปรับปรุงเอามาให้เข้ากันได้"
       

       กลัวแป้กไหม เพราะนี่เป็นการพากย์สดๆ แบบจริงๆ จังๆ ครั้งแรกเลย??

        "ก็ธรรมดา ก็อาจจะมีบ้าง ถามว่าเกร็งไหม บอกตรงๆ เลยว่าโคตรจะเกร็งเลย อย่างที่บอกว่าเราเคยแต่พากย์อีเว้นท์ พากย์เหมือนงานวัดจะเอาฮาซะมากกว่า พอมาเป็นงานเป็นการแล้วเราก็กลัวคนจะมาจ้องจับผิด กลัวคนจะหาว่า เฮ้ย!! ทำตลกเหรอ”
       
       
         ขอใช้สูตร 80/20

        “คือมั่นใจเลยว่า 80 เปอร์เซ็นจะพากย์ให้เป็นงานเป็นการ ส่วนอีก 20 เปอร์เซ็นจะใส่ลูกเล่นไม่ให้มันน่าเบื่อ หรือให้มันเกิดความแปลกใหม่ แล้วที่สำคัญพี่เคยอยู่ที่อังกฤษ 2 ปี แล้วนอกจากจะไปอังกฤษ 2 ปีแล้วพี่ไปดูบอลที่อังกฤษทุกปี เพราะฉะนั้นเนี่ยจุดที่เราจะได้เปรียบคนที่เขาไม่เคยไป คือเราจะรู้เรื่องเยอะกว่า"
       
        "อย่างเช่นแฟนบอลเขาร้องเพลงอะไร เขาร้องว่ายังไงเนื้อหาของเพลงคืออะไร หรือมันเกิดอะไรขึ้นในสนาม เพราะบางคนที่ไม่เคยไปก็อาจจะไม่รู้เรื่องก็อาจจะได้เปรียบคนอื่นตรงนี้ เพราะเราเคยมีประสบการณ์ตรงที่อังกฤษมาก่อน อย่างเวลาไปสนามสนามตั้งอยู่ตรงไหน แฟนบอลอยู่ตรงไหน แฟนทีมเยือนเข้ายังไงก็น่าจะใช้ตรงนี้ให้เป็นประโยชน์”
       

         แมนยูฯ ได้ผู้จัดการคนใหม่ พี่รู้สึกอย่างไรบ้าง??
        “ดูแล้วก็ถือว่าน่าเป็นห่วงนะ เพราะว่าสิ่งที่ เซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน(ผู้จัดการทีมคนเก่า) ทำเนี่ยมาตรฐานค่อนข้างสูงมาก คือได้แชมป์เกือบทุกปี คือว่าได้จนเอียนเลย เพราะฉะนั้นเนี่ยเป้าหมายของแมนยูต้องเป็นแชมป์เท่านั้น เพราะฉะนั้น เดวิด มอยส์ (ผู้จัดการทีมคนใหม่) เข้ามายังไง แค่เทียบถึง เฟอร์กี้ ยังยากเลย ต้องทำใจไว้เลยว่าผู้จัดการทีมคนใหม่ยังไงประสบความสำเร็จสู้คนเก่าไม่ได้ แล้วก็ดูจากโปรไฟล์ของเดวิด มอยส์ ไม่เคยประสบความสำเร็จเลย แล้วเขาเคยอยู่กับทีมเอฟเวอร์ตัน ซึ่งเป็นทีมที่ไม่ใช่ทีมรุก ไม่ใช่ทีมที่บุกถล่มใส่ผู้ต่อสู้จนเป็นเอกลักษณ์เหมือนทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด”
       

        “เอฟเวอร์ตันในยุคของเดวิด มอยส์ จะวางแผนเฉพาะเป็นนัดๆ เจอนัดนึงก็วางแผนนัดนึง เจอแมนยูก็วางอีกแบบนึง เจอลิเวอร์พูลก็วางอีกแบบนึง แต่แมนยูส่วนใหญ่ในฤดูกาลไม่ว่าเขาจะเจอทีมใดเขาจะบุกใส่ทำประตูให้ได้เยอะๆ แสดงให้เห็นว่าเดวิด มอยส์ จะมีฝีมือทางด้านนี้หรือเปล่า แต่ถ้าถามพี่ พี่ก็ตอบตรงๆ เลยว่าน่าเป็นห่วงแล้วก็ตอนที่เขาแต่งตั้งเป็นเดวิด มอยส์ ก็ไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ ชอบมูรินโญ่ (ผู้จัดการทีมเชลซี)มากกว่า คนเขาบอกว่ามูรินโญ่ อยู่ที่ไหนไม่ค่อยได้นานอยู่ 2-3 ปี แล้วก็ออกเราก็เข้าใจ แต่ว่าถ้ามูรินโญ่ มาอยู่มาอยู่สักปี 2 ปีได้แชมป์สักปี 2 ปีก็ถือว่าคุ้ม”
       

        “ในขณะที่เดวิด มอยส์ เป็นผู้สร้างเป็นคนวางรากฐานไม่เน้นดาราแต่ถามกลับกันว่าถ้าเดวิด มอยส์ มาอยู่แมนยูแล้ว 3 ปีไม่ได้แชมป์เขาก็โดนไล่ออกอยู่ดี คือที่พูดแบบนี้เพราะเดวิด มอยส์ อยู่เอฟเวอร์ตันมา11 ปี คือแมนยูเขามองว่าเขาอยากได้คนที่ค่อนข้างจะมั่นคงคนที่อยู่ทีมนานๆ แล้วทีนี้ถามกลับกันว่าถ้าเขาอยู่ 3 ปีแล้วไม่ได้แชมป์เขาก็โดนไล่ออกอยู่ดี เพราะฉะนั้นความเห็นของพี่เอามูนรินโญ่มาดันให้ได้แชมป์ก่อนให้ต่อยอดความสำเร็จไปก่อน ถึงเวลาเขาอยากจะออกไปไหนค่อยว่ากันใหม่ ค่อยหาผู้จัดการทีมคนใหม่อีกทีก็ได้”
       


          ขอฟันธงอันดับแมนยูฯ ฤดูกาลใหม่
         “ถ้าให้ฟันธงแบบไม่ได้ใช้ความเป็นกองเชียร์ พี่ว่าเชลซีได้แชมป์ เหตุผลเพราะว่าเชลซี มีมูรินโญ่ นี่แหละเพราะเขาเป็นคนที่เขี้ยวมาก ทำฟุตบอลเน้นผลการแข่งขัน แล้วที่สำคัญเชลซีมีเงินให้มูรินโญ่ใช้ ผู้เล่นของเชลซีฤดูกาลที่แล้วดูไม่ค่อยเท่าไหร่ในพรีเมียร์ลีกนะ แต่คือเป็นปีแรกของหลายๆ คน อย่างออสก้าร์เพิ่งมาปีแรก ในขณะที่รุ่นเก่าอย่าง แฟรงค์ (ลามพาร์ด) จอห์น เทอร์รี่ คือ เป็นยุคที่มูรินโญ่ทำประสบความสำเร็จมาแล้วอาจจะเป็นเพราะเขาอิ่มตัวหรือว่าเด็กจนเกินไป แต่ปีนี้มันกลายเป็นว่าเมื่อปีที่แล้วเหมือนเป็นการทดลองทีม เหมือนเป็นการผสมกันค่อนข้างที่จะลงตัว แล้วได้โค้ชอย่างมูรินโญ่มาปุ๊บทุกอย่างมันจะพอดีกันเป๊ะเลย เชื่อว่าเชลซีจะอาศัยช่วงที่แมนยูไม่มีเซอร์ อเล็กฯ แล้วตัวเองมีมูรินโญ่เลยทำให้ตัวเองได้แชมป์”
  
    
         4 อันดับแรก?
        “อันดับ 1 ยกให้เชลซี  ที่ 2 ให้แมนยู เพราะแมนยูในแต่ละปีมาตรฐานเขาสูงเพราะขี้หมูขี้หมาเขาได้ 80 แต้มขึ้นไป ถึงแม้จะเปลี่ยนโค้ชใหม่แต่ระบบของแมนยูวางไว้เป็น 10ๆ ปีแล้ว เพราะวิธีการเล่นยังเหมือนเดิม แค่โค้ชเขามาเลือกผู้เล่น แค่ให้เข้ามาแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพราะฉะนั้นมาตรฐานแมนยูยังอยู่ อันดับ 3 แน่นอนแมนซิตี้เพราะตัวเล่นดี ส่วนอันดับ 4 เหมือนเดิมก็คืออาร์เซนอล ส่วนลิเวอร์พูลปีนี้ดีขึ้นแต่ไม่น่าจะติด”
       

          ยังงั้นแฟนหงส์แดงก็เสียใจแย่??
        “คือถ้าเทียบตัวผู้เล่นกับ แมนยู เชลซี กับ แมนซิตี้ อาร์เซนอล ผู้เล่นของลิเวอร์พูลยังเป็นรองอยู่ ในขณะที่ 4ทีมซื้อตัวระดับเกรดเอ ลิเวอร์พูลซื้อตัวได้แค่ระดับเกรดบี เกรดซี แต่เชื่อว่าลิเวอร์พูลจะดีขึ้น แต่ยังไม่ดีพอที่จะติดอยู่ใน 4 อันดับแรก”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่