ตามพระไตรปิฎกดังนี้ครับ
จะเห็นว่าจิตที่เราสงสัยกันก็เป็นอนัตตา
แต่ไม่ใช่ไม่มีนะครับ แต่จะยึดเป็นแก่นสารว่ามีก็ไม่ได้
เราจะเห็นชัดเจนว่ารูปไม่เที่ยง รูปเป็นอนิจจัง ทุกขัง
แต่จิตนั้นเป็นอย่างไร ยากที่คนทั่วไปจะเข้าใจได้ เพราะคนทั่วไปย่อมยึดมั่นในอัตตา
ก็ย่อมเห็นว่าจิตเป็นอัตตา ตายไปแล้วก็ยังมีรูปร่าง มีวิญญาณ ล่องลอยไปเกิด
แต่โดยสภาพความเป็นจริงจิตนั้นเป็นอนัตตา เมื่อร่างกายตาย เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็หามีไม่ จะเห็นว่าตัวตนล่องลอยออกจากร่างไม่ได้ แต่จิตนั้นย่อมส่งผลกระทบถึงจิตดวงต่อไป
ถ้าเปรียบเทียบจิตเป็นเปลวเทียนที่ส่งต่อไปเรื่อยๆ เหมือนจิต
เมื่อเล่มก่อนหน้าดับ เราจะเห็นว่าเปลวเทียนเล่มที่ 2 ไม่ใช่เปลวเทียนเล่มแรก แต่เพราะมีเปลวเทียนเล่มแรก จึงมีเปลวเทียนเล่มที่ 2
เปลวเทียนเล่มแรก ย่อมส่งผลกระทบถึงเปลี่ยวเทียนเล่มต่อไป
แต่เมื่อวันหนึ่งหมดเชื้อแล้ว เปลวเทียนเล่มต่อไปก็จะไม่มีเกิดขึ้นแล้ว
แล้วเปลวเทียนเล่มสุดท้ายไปไหน ก็ย่อมบอกไม่ได้ว่าไปไหน
ศาสนาพุทธไม่ได้สอนว่าตายไปแล้ววิญญาณออกจากร่าง
จะเห็นว่าจิตที่เราสงสัยกันก็เป็นอนัตตา
แต่ไม่ใช่ไม่มีนะครับ แต่จะยึดเป็นแก่นสารว่ามีก็ไม่ได้
เราจะเห็นชัดเจนว่ารูปไม่เที่ยง รูปเป็นอนิจจัง ทุกขัง
แต่จิตนั้นเป็นอย่างไร ยากที่คนทั่วไปจะเข้าใจได้ เพราะคนทั่วไปย่อมยึดมั่นในอัตตา
ก็ย่อมเห็นว่าจิตเป็นอัตตา ตายไปแล้วก็ยังมีรูปร่าง มีวิญญาณ ล่องลอยไปเกิด
แต่โดยสภาพความเป็นจริงจิตนั้นเป็นอนัตตา เมื่อร่างกายตาย เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็หามีไม่ จะเห็นว่าตัวตนล่องลอยออกจากร่างไม่ได้ แต่จิตนั้นย่อมส่งผลกระทบถึงจิตดวงต่อไป
ถ้าเปรียบเทียบจิตเป็นเปลวเทียนที่ส่งต่อไปเรื่อยๆ เหมือนจิต
เมื่อเล่มก่อนหน้าดับ เราจะเห็นว่าเปลวเทียนเล่มที่ 2 ไม่ใช่เปลวเทียนเล่มแรก แต่เพราะมีเปลวเทียนเล่มแรก จึงมีเปลวเทียนเล่มที่ 2
เปลวเทียนเล่มแรก ย่อมส่งผลกระทบถึงเปลี่ยวเทียนเล่มต่อไป
แต่เมื่อวันหนึ่งหมดเชื้อแล้ว เปลวเทียนเล่มต่อไปก็จะไม่มีเกิดขึ้นแล้ว
แล้วเปลวเทียนเล่มสุดท้ายไปไหน ก็ย่อมบอกไม่ได้ว่าไปไหน