สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ส่วนตัว ไม่เห็นด้วย เรื่องกีดกันรามคำแหงนะคับ เด็กที่จบรามคำแหง น่าจะมีคุณภาพกว่าเอกชนบางแห่งด้วยซ้ำ
แต่ ราชภัฎ ถ้าบ. มีกำลังจ้าง และ ตำแหน่งนี้ต้องการ คนที่เก่ง และ ถ้าบ. มั่นใจว่า จะมีตัวเลือกอื่น ผมคิดว่าบ. คิดถูกครับ
ทั้งนี้ความเห็นส่วนตัว องค์ประกอบสถาบัน มันก็เป็นแค่ใบเบิกทาง แต่ ไม่ได้เป็นใบประกาศความสำเร็จในชีวิต
ดังนั้น อย่าคิดมาก แล่ว หางานอื่นที่เปิดโอกาสให้เราดีกว่าครับ
*** เพิ่มเหตุผล ไว้ขำ ๆ นะคับ
เด็กจบจุฬา ธรรมศาสตร์ เหมือนทุเรียน ส่งออกนอก คัดมาจากการแข่งขันแล้ว ว่ามีขนาด และ ความสวยงาม ดีกว่าทุกเรียนส่งในไทย
แต่ คัดยังไง ก็มีลูกที่เม็ดโต เนื้อน้อย รสชาติแย่ เละใน ได้ """แต่"" ส่วนใหญ่ มักจะดี
เด็กจบเอกชน เหมือนทุเรียนส่งในไทย ส่วนใหญ่ตกรอบมาจากการแข่งขัน แต่ ก็มีส่วนน้อยที่ถูกมองข้ามและหลุดพ้นจากการคัดเลือกรอบแรก
หรือมีการพัฒนา ระหว่างการขนส่ง แต่ส่วนใหญ่ มีปริมาณมาก ราคาเลยต่ำหว่า
เด็กจบราม เหมือนเป็นทุเรียน ที่เมล็ดพันธ์ค่อนข้างโตยาก แต่ โตมาแล้ว หวาน อร่อย เม็ดลีบ แต่ ส่วนใหญ่ ขนาดเล็กกว่าทุเรียนส่งออก
เด็กจบราชกัฐ ส่วนใหญ่ คือ ทุเรียนที่เหลือจากทั้ง 3 ประเภท แต่ ก็มีดีเป็นเหมือนเพชรในตม แต่ ก็น้อยมาก
แรงไปป่าวหว่า... ทั้งหมดนี้ เทียบส่วนใหญ่นะคับ ไม่ได้หมายถึง ทั้งหมด
แต่ ราชภัฎ ถ้าบ. มีกำลังจ้าง และ ตำแหน่งนี้ต้องการ คนที่เก่ง และ ถ้าบ. มั่นใจว่า จะมีตัวเลือกอื่น ผมคิดว่าบ. คิดถูกครับ
ทั้งนี้ความเห็นส่วนตัว องค์ประกอบสถาบัน มันก็เป็นแค่ใบเบิกทาง แต่ ไม่ได้เป็นใบประกาศความสำเร็จในชีวิต
ดังนั้น อย่าคิดมาก แล่ว หางานอื่นที่เปิดโอกาสให้เราดีกว่าครับ
*** เพิ่มเหตุผล ไว้ขำ ๆ นะคับ
เด็กจบจุฬา ธรรมศาสตร์ เหมือนทุเรียน ส่งออกนอก คัดมาจากการแข่งขันแล้ว ว่ามีขนาด และ ความสวยงาม ดีกว่าทุกเรียนส่งในไทย
แต่ คัดยังไง ก็มีลูกที่เม็ดโต เนื้อน้อย รสชาติแย่ เละใน ได้ """แต่"" ส่วนใหญ่ มักจะดี
เด็กจบเอกชน เหมือนทุเรียนส่งในไทย ส่วนใหญ่ตกรอบมาจากการแข่งขัน แต่ ก็มีส่วนน้อยที่ถูกมองข้ามและหลุดพ้นจากการคัดเลือกรอบแรก
หรือมีการพัฒนา ระหว่างการขนส่ง แต่ส่วนใหญ่ มีปริมาณมาก ราคาเลยต่ำหว่า
เด็กจบราม เหมือนเป็นทุเรียน ที่เมล็ดพันธ์ค่อนข้างโตยาก แต่ โตมาแล้ว หวาน อร่อย เม็ดลีบ แต่ ส่วนใหญ่ ขนาดเล็กกว่าทุเรียนส่งออก
เด็กจบราชกัฐ ส่วนใหญ่ คือ ทุเรียนที่เหลือจากทั้ง 3 ประเภท แต่ ก็มีดีเป็นเหมือนเพชรในตม แต่ ก็น้อยมาก
แรงไปป่าวหว่า... ทั้งหมดนี้ เทียบส่วนใหญ่นะคับ ไม่ได้หมายถึง ทั้งหมด
ความคิดเห็นที่ 10
เรียนมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดัง คือเค้าสอบแข่งขันกับเด็กหลายแสนเพื่อมาถึงจุดนี้ โอกาสที่จะเห็นเค้าเก่ง เค้าประสบความสำเร็จมากกว่ามันมีมากกว่าเด็กที่จบราม เอกชน หรือราชภัฎอยู่แล้ว เรื่องนี้คุณไม่เห็นต้องแปลกใจ เพราะมันเป็นเรื่องของการคัดกรองคุณภาพคนตั้งแต่เข้ามาแล้ว มหาวิทยาลัยรัฐยิ่งถ้าเป็นชื่อดัง กว่าจะสอบเข้าได้มันยากลำบาก และมันได้พิสูจน์แล้วว่าเค้าเป็นเด็กหัวดีกว่าทั่วๆไป มีความพยายามมากกว่าจึงสอบติดได้ นอกจากสอกติดแล้ว ยังต้องเจอด่านต่อไปคือการเรียนในมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดัง การแข่งขันนั้นสูงมาก หลายคนพูดไปว่าของตัวเองนั้นก็เรียนยาก แต่มันเทียบไม่ได้กับมหาวิทยาลัยรัฐที่คัดกรองหัวกระทิแนวหน้าระดับประเทศแล้วเอามาแข่งขันกันเอง ดังนั้นมันส่งผลให้ตัวเด็กเองต้องขยันและตั้งใจเรียนอย่างเสมอต้นและเสมอปลาย เอาเป็นว่าแค่ขยันธรรมดาๆก็ไม่ได้ เพราะถ้าคุณเตรียมตัวไม่ดี คะแนนสอบออกมาก็ตกมีนคณะ ถึงไม่ถึงกับติดF แต่มันก็แย่แล้วสำหรับเด็กเรียน ทั้งๆที่เค้าไม่ใช่เด็กไม่เอาใจใส่ แต่เป็นว่ายังพยายามไม่มากๆๆพอที่จะไปแข่งกับเด็กเก่งๆที่มาจากทุกสารทิศมากกว่า นอกจากนี้อาจารย์และสิ่งต่างๆก็ล้วนเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพอย่างมาก ทุกอย่างมันผลักดันให้ตัวเด็กที่เรียนมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงอย่างเช่น จุฬา จบออกมาแล้วมีคุณภาพ ถามผมตอนนี้บอกได้เลยว่าแน่นอน คนที่จบราม ราชภัฎ หรือเอกชน(เอกชนไม่รวมคณะแพทย์ของม.รังสิตและสยาม เพราะการแข่งขันยังถือว่าค่อนข้างสูงอยู่) โดยเฉลี่ยยังไงก็อ่อนกว่าเด็กม.รัฐบาลยิ่งถ้ามีชื่อเสียงที่สุดอย่างจุฬาก็ไม่ต้องเทียบ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่จะตกเอามาถกเถียงอะไร
ต้องพูดความจริงกันหน่อยว่าถามกลับกันว่าการที่บางบริษัทเค้าไม่รับเด็กรามหรือราชภัฎ เอกชน เพราะสาเหตุอะไร มันก็เพราะว่า(โดยเฉลี่ย)ส่วนมากเด็กพวกนี้ย่อมอ่อนกว่าเด็กม.รัฐบาลที่มีการคัดกรองมาอยู่แล้ว(ย้ำว่าส่วนใหญ่เป็นแบบนั้น) ดังนั้นอาจเป็นเพราะบริษัทไม่ได้แอนตี้ (เชื่อเถอะไม่มีบริษัทไหนที่แอนตี้สถาบันโดยไม่มีเหตุผลหรอก ถ้าเด็กที่จบจากสถาบันนั้นส่วนใหญ่มีคุณภาพมากจริงๆ บริษัททำไมจะไม่รับ เค้าก็รับซิเพราะเค้าจ้างเราแล้วทำให้เค้าได้กำไรจากการที่เค้าจ้างเรา เราทำงานดีตามที่เค้าต้องการมันก็เพียงพอแล้ว) แต่เป็นเพราะที่ผ่านมาเค้าอาจจะเจอเด็กที่จบจากสถาบันพวกนี้ส่วนใหญ่ทำงานคุณภาพและอะไรต่างๆโดยรวมอ่อนกว่าม.รัฐ เค้าก็เลยตัดปัญหาการคัดกรองจะไม่ต้องเสียเวลามากโดยการระบุว่าจะไม่รับสถาบันไหน มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะที่ผมพูดมามันคือโดยเฉลี่ย คนจบราม ราชภัฎเก่งๆก็มี(อาจจะไม่ได้ดีเด่นด้านวิชาการมาก) แต่เป็นส่วนน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับม.รัฐยิ่งถ้ามีชื่อเสียงก็ยิ่งไปใหญ่เลย ดังนั้นคุณก็ต้องยอมรับความจริงตรงนี้ แล้วไม่ต้องกลัวหรอกครับ บริษัทอีกมากมายเค้าเปิดโอกาสให้คุณได้แสดงความสามารถอยู่แล้ว ถ้าคุณเก่งจริง แค่นั้นแหละ จบ
ต้องพูดความจริงกันหน่อยว่าถามกลับกันว่าการที่บางบริษัทเค้าไม่รับเด็กรามหรือราชภัฎ เอกชน เพราะสาเหตุอะไร มันก็เพราะว่า(โดยเฉลี่ย)ส่วนมากเด็กพวกนี้ย่อมอ่อนกว่าเด็กม.รัฐบาลที่มีการคัดกรองมาอยู่แล้ว(ย้ำว่าส่วนใหญ่เป็นแบบนั้น) ดังนั้นอาจเป็นเพราะบริษัทไม่ได้แอนตี้ (เชื่อเถอะไม่มีบริษัทไหนที่แอนตี้สถาบันโดยไม่มีเหตุผลหรอก ถ้าเด็กที่จบจากสถาบันนั้นส่วนใหญ่มีคุณภาพมากจริงๆ บริษัททำไมจะไม่รับ เค้าก็รับซิเพราะเค้าจ้างเราแล้วทำให้เค้าได้กำไรจากการที่เค้าจ้างเรา เราทำงานดีตามที่เค้าต้องการมันก็เพียงพอแล้ว) แต่เป็นเพราะที่ผ่านมาเค้าอาจจะเจอเด็กที่จบจากสถาบันพวกนี้ส่วนใหญ่ทำงานคุณภาพและอะไรต่างๆโดยรวมอ่อนกว่าม.รัฐ เค้าก็เลยตัดปัญหาการคัดกรองจะไม่ต้องเสียเวลามากโดยการระบุว่าจะไม่รับสถาบันไหน มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะที่ผมพูดมามันคือโดยเฉลี่ย คนจบราม ราชภัฎเก่งๆก็มี(อาจจะไม่ได้ดีเด่นด้านวิชาการมาก) แต่เป็นส่วนน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับม.รัฐยิ่งถ้ามีชื่อเสียงก็ยิ่งไปใหญ่เลย ดังนั้นคุณก็ต้องยอมรับความจริงตรงนี้ แล้วไม่ต้องกลัวหรอกครับ บริษัทอีกมากมายเค้าเปิดโอกาสให้คุณได้แสดงความสามารถอยู่แล้ว ถ้าคุณเก่งจริง แค่นั้นแหละ จบ
ความคิดเห็นที่ 24
ตอบในฐานะอาจารย์มหาวิทยาลัยที่สอนเด้กอ่อน
ยอมรับว่าอ่อนมากๆ เราจบม.รัฐชื่อดัง
เด็กพวกนี้ส่วนใหญ่เรียนแบบขอไปที
การเรียนการสอนก็เข้มแบบเด้กเก่งไม่ได้เพราะหัวช้า ฃคิดอะไรเป็นระบบไม่เป็น
ผิดที่กรไม่คุมกำเนิดการศึกษา
นักศึกษาที่จบมามากและล้นเกินความต้องการส่วนใหญ่ ไม่ได้มีคุณสมบัติของการเป็นบัณฑิตเลย
คือวุฒิม.6ก็เหมาะสมแล้วเพราะระดับความรู้ได้แค่นั้นจริงๆ
ยอมรับว่าอ่อนมากๆ เราจบม.รัฐชื่อดัง
เด็กพวกนี้ส่วนใหญ่เรียนแบบขอไปที
การเรียนการสอนก็เข้มแบบเด้กเก่งไม่ได้เพราะหัวช้า ฃคิดอะไรเป็นระบบไม่เป็น
ผิดที่กรไม่คุมกำเนิดการศึกษา
นักศึกษาที่จบมามากและล้นเกินความต้องการส่วนใหญ่ ไม่ได้มีคุณสมบัติของการเป็นบัณฑิตเลย
คือวุฒิม.6ก็เหมาะสมแล้วเพราะระดับความรู้ได้แค่นั้นจริงๆ
ความคิดเห็นที่ 20
ผมจะไม่ยก extreme cases ประเภทเด็กเก่งราชภัฎหรือเด็กห่วยม.ปิด เพราะทุกที่มีทั้งคนเก่งและไม่เก่ง แต่สิ่งที่ผมจะพูด ผมจะมองในมุมค่าเฉลี่ยครับ
คนสอบเข้าม.ปิดดังๆได้ก็คือคนที่มีความสามารถในการแข่งเรื่องวิชาการกับคนอื่นชนะแล้วเข้ามา เพราะงั้นในแง่ของวัตถุดิบตัวมหาลัยปิดย่อมได้เปรียบ ได้เด็กที่ขยันเรียน/หัวดี/ทั้ง 2 อย่างไปเรียนในมหาลัยของตัวเอง และโดยกระบวนการตัดเกรดของการเรียนระดับมหาลัยที่ใช้การอิงกลุ่มประกอบด้วย การเรียนในมหาลัยปิดก็จะแข่งขันกันรุนแรงกว่าเพราะเพื่อนที่ตัวเองต้องแข่งด้วยก็คือคนพวกเดียวกับที่เข้ามาด้วยกัน ทั้งเด็กขยัน/เด็กเก่ง แต่การตัดเกรดของราชภัฎเองด้วยความที่คู่แข่งไม่เก่ง คุณอาจรอดได้เกรด B ขึ้นได้โดยไม่ยากเย็นในขณะที่ถ้าอยู่มหาลัยปิดแข็งๆแล้วใช้ความพยายามหรือหัวเท่ากันอาจได้ D-F ดังนั้นทั้งโดยวัตถุดิบและกระบวนการปั้นเด็กที่จบจากมหาลัยปิดที่หลักสูตรแข็งๆมักจะวิชาการแน่นกว่าม.อื่นๆโดยเฉลี่ยอยู่ระดับหนึ่ง
หรือเอาเท่าที่ผมเจอมาจากเพื่อนที่จบม.อื่นๆ (เอาในแง่ผมจบตรีเศรษฐศาสตร์ละกัน) เด็กจบเศรษฐศาสตร์ที่หลักสูตรไม่แข็งเท่าที่เห็นทฤษฎีไม่แน่น หัวพลิกแพลงไม่ได้ แค่เรื่องเอาพวกเศรษฐศาสตร์มหาภาคไปปรับใช้กับการวิเคราะห์นโยบายยังทำได้จับแพะชนแกะ ทักษะการวิจัย,คณิตศาสตร์,สถิติย่ำแย่ (บางคนจบวิศวะม.เปิดแค่ดิฟฟังก์ชั่นยังผิดๆถูก ต้องเอามาให้เด็กเศรษฐศาสตร์อย่างผมสอนเลย) ภาษาก็ไม่ได้เรื่องในระดับที่ผมว่าเป็นปัญหา หลายคนอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษยังไม่ออกเลย ทั้งที่ผมว่าตอนนี้ภาษาอังกฤษเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องรู้ ควรอ่านบางกอกโพสต์ได้แบบรู้เรื่องแล้ว
ผมโลกไม่ค่อยสวยหรอก ผมก็เห็นอย่างที่พิมพ์ลงไป แต่ถ้าคุณมองว่าผมดุถูกพวกคุณ พวกคุณก็ควรพิสูจน์ตัวเองว่าผมพูดผิด ทำให้สังคมข้างนอกยอมรับว่าวิชาการคุณสู้มหาลัยปิดได้สิ เพราะอย่างที่บอกว่าผมพูดโดยเฉลี่ย คุณก็มีสิทธิเป็นพวกพ้นค่าเฉลี่ยได้ครับ
ป.ล. แต่โดยส่วนตัวผมเองก็ให้เครดิตรามฯมากกว่าราชภัฎนะ เท่าที่เห็นเด็กรามทำงานกลางวันอ่านเองกลางคืนแล้วเรียนจนจบได้ ผมว่าอย่างน้อยคนพวกนี้มีความพยายามและการสั่งสมความรู้ที่แน่น ในขณะที่เด็กราชภัฎเองเรียนเวลาปกติ ทำไมถึงยังแข่งขันสู้มหาลัยรัฐดังๆไม่ได้ก็น่าคิดครับ
คนสอบเข้าม.ปิดดังๆได้ก็คือคนที่มีความสามารถในการแข่งเรื่องวิชาการกับคนอื่นชนะแล้วเข้ามา เพราะงั้นในแง่ของวัตถุดิบตัวมหาลัยปิดย่อมได้เปรียบ ได้เด็กที่ขยันเรียน/หัวดี/ทั้ง 2 อย่างไปเรียนในมหาลัยของตัวเอง และโดยกระบวนการตัดเกรดของการเรียนระดับมหาลัยที่ใช้การอิงกลุ่มประกอบด้วย การเรียนในมหาลัยปิดก็จะแข่งขันกันรุนแรงกว่าเพราะเพื่อนที่ตัวเองต้องแข่งด้วยก็คือคนพวกเดียวกับที่เข้ามาด้วยกัน ทั้งเด็กขยัน/เด็กเก่ง แต่การตัดเกรดของราชภัฎเองด้วยความที่คู่แข่งไม่เก่ง คุณอาจรอดได้เกรด B ขึ้นได้โดยไม่ยากเย็นในขณะที่ถ้าอยู่มหาลัยปิดแข็งๆแล้วใช้ความพยายามหรือหัวเท่ากันอาจได้ D-F ดังนั้นทั้งโดยวัตถุดิบและกระบวนการปั้นเด็กที่จบจากมหาลัยปิดที่หลักสูตรแข็งๆมักจะวิชาการแน่นกว่าม.อื่นๆโดยเฉลี่ยอยู่ระดับหนึ่ง
หรือเอาเท่าที่ผมเจอมาจากเพื่อนที่จบม.อื่นๆ (เอาในแง่ผมจบตรีเศรษฐศาสตร์ละกัน) เด็กจบเศรษฐศาสตร์ที่หลักสูตรไม่แข็งเท่าที่เห็นทฤษฎีไม่แน่น หัวพลิกแพลงไม่ได้ แค่เรื่องเอาพวกเศรษฐศาสตร์มหาภาคไปปรับใช้กับการวิเคราะห์นโยบายยังทำได้จับแพะชนแกะ ทักษะการวิจัย,คณิตศาสตร์,สถิติย่ำแย่ (บางคนจบวิศวะม.เปิดแค่ดิฟฟังก์ชั่นยังผิดๆถูก ต้องเอามาให้เด็กเศรษฐศาสตร์อย่างผมสอนเลย) ภาษาก็ไม่ได้เรื่องในระดับที่ผมว่าเป็นปัญหา หลายคนอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษยังไม่ออกเลย ทั้งที่ผมว่าตอนนี้ภาษาอังกฤษเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องรู้ ควรอ่านบางกอกโพสต์ได้แบบรู้เรื่องแล้ว
ผมโลกไม่ค่อยสวยหรอก ผมก็เห็นอย่างที่พิมพ์ลงไป แต่ถ้าคุณมองว่าผมดุถูกพวกคุณ พวกคุณก็ควรพิสูจน์ตัวเองว่าผมพูดผิด ทำให้สังคมข้างนอกยอมรับว่าวิชาการคุณสู้มหาลัยปิดได้สิ เพราะอย่างที่บอกว่าผมพูดโดยเฉลี่ย คุณก็มีสิทธิเป็นพวกพ้นค่าเฉลี่ยได้ครับ
ป.ล. แต่โดยส่วนตัวผมเองก็ให้เครดิตรามฯมากกว่าราชภัฎนะ เท่าที่เห็นเด็กรามทำงานกลางวันอ่านเองกลางคืนแล้วเรียนจนจบได้ ผมว่าอย่างน้อยคนพวกนี้มีความพยายามและการสั่งสมความรู้ที่แน่น ในขณะที่เด็กราชภัฎเองเรียนเวลาปกติ ทำไมถึงยังแข่งขันสู้มหาลัยรัฐดังๆไม่ได้ก็น่าคิดครับ
ความคิดเห็นที่ 6
เห็นด้วยครับ เราเลือกงาน ไม่ใช่ให้งานเลือกเรา (ถ้าเราเจ๋งจริง)
แต่กว่าจะเจ๋งจริง มันต้องมีประสพการณ์ มีความสามารถ มีทักษะที่ยอดเยี่ยมที่ HR จะมองข้ามไม่ได้
สมมุตินะครับ ถ้าผมจบราชภัฐทางด้านภาษาอังกฤษ และผมสอบ Toeic ได้ 980 คุณคิดหรือว่า HR ไหนมันจะมาไม่เลือกผมแต่เลือกเด็กอักษรที่ได้ Toeic แค่ 800?
เป็นผมทำหน้าที่ HR ผมก็จะเรียกทั้งสองคนมาสัมภาษณ์ มาทดสอบทำข้อเขียนภาษาอังกฤษที่บริษัทผมต้องใช้งานอยู่ ถ้า Toeic 980 เด็กราชภัฐเป็นของจริง พูดอังกฤษได้แตกฉาน เขียนบทความอังกฤษได้ แปลไทย-อังกฤษได้ไม่เพี้ยน ดูอย่างไรๆ ก็เก่งกว่าเด็กอักษรที่มาสมัคร รับรองผมรีบรับเด็กราชทันที 555
สมัยที่เคยรับลูกน้องสองคน ผมก็ออกแบบทดสอบภาษาอังกฤษเอง ไม่ดู transcript ด้วยซ้ำว่า แต่ละคนเจ๋งด้านอังกฤษแค่ไหน เพราะผมแน่ใจในความสามารถด้านภาษาอังกฤษผมมาก ดูออกว่า ใครเ๋จ๋งจริงหรือไม่ เคยได้รับเชิญเป็นกรรมการสอบสัมภาษณ์ทุน JAL มาแล้ว
แต่กว่าจะเจ๋งจริง มันต้องมีประสพการณ์ มีความสามารถ มีทักษะที่ยอดเยี่ยมที่ HR จะมองข้ามไม่ได้
สมมุตินะครับ ถ้าผมจบราชภัฐทางด้านภาษาอังกฤษ และผมสอบ Toeic ได้ 980 คุณคิดหรือว่า HR ไหนมันจะมาไม่เลือกผมแต่เลือกเด็กอักษรที่ได้ Toeic แค่ 800?
เป็นผมทำหน้าที่ HR ผมก็จะเรียกทั้งสองคนมาสัมภาษณ์ มาทดสอบทำข้อเขียนภาษาอังกฤษที่บริษัทผมต้องใช้งานอยู่ ถ้า Toeic 980 เด็กราชภัฐเป็นของจริง พูดอังกฤษได้แตกฉาน เขียนบทความอังกฤษได้ แปลไทย-อังกฤษได้ไม่เพี้ยน ดูอย่างไรๆ ก็เก่งกว่าเด็กอักษรที่มาสมัคร รับรองผมรีบรับเด็กราชทันที 555
สมัยที่เคยรับลูกน้องสองคน ผมก็ออกแบบทดสอบภาษาอังกฤษเอง ไม่ดู transcript ด้วยซ้ำว่า แต่ละคนเจ๋งด้านอังกฤษแค่ไหน เพราะผมแน่ใจในความสามารถด้านภาษาอังกฤษผมมาก ดูออกว่า ใครเ๋จ๋งจริงหรือไม่ เคยได้รับเชิญเป็นกรรมการสอบสัมภาษณ์ทุน JAL มาแล้ว
แสดงความคิดเห็น
เรียนจบรามคำแหงกับราชภัฎมันดูแย่มากเลยเหรอคะ
เราก็เด็กรามคำแหง ทำงานไม่แพ้ใคร ไม่ใช่เราชมตัวเองแต่มีผลงานที่หัวหน้ายอมรับและไว้ใจให้ทำงานใหญ่ๆ แต่แค่ไม่มีโอกาสได้เรียนมหาวิทยาลัยปิดหรือมหาวิทยาลัยเอกชนเหมือนคนอื่นเขา
ขอสอบถามHRหรือทุกๆท่านหน่อยได้ไหมคะ ว่านักศึกษารามคำแหงกับนักศึกษาราชภัฎที่เคยรับเข้าทำงาน มีข้อด้อยที่ต่างจากมหาวิทยาลัยอื่นๆอย่างไรบ้างคะ ขอเรื่องการทำงานหรือการเข้าสังคมกับเพื่อนร่วมงานหรือที่เกี่ยวข้องกับงานเท่านั้นนะคะ ไม่ดราม่ามหาวิทยาลัยค่ะ เคารพในทุกๆมหาวิทยาลัยค่ะ
ตอบตามตรงได้ค่ะ จขกท.พร้อมรับฟังทั้งหมดค่ะ เพราะอยากรู้เหตุผลส่วนใหญ่จริงๆ