ก่อนจะวางว่าไม่มีเรา ต้องมีเราก่อน และเห็นโทษในความมีเรา ถึงวางจากความถือมั่นว่ามีเรา

หลายท่านเมื่อเจอการสอนที่ดูลุ่มลึก เป็นธรรมชั้นสูง ว่า ทุกวันนี้ไม่มีเรา ทุกอย่างประกอบขึ้นมา จาก ธาตุสี่ ขันธ์ห้า
นั่นไม่ใช่ความคิดที่ผิด แต่เป็นธรรมสำหรับผู้บรรลุธรรมแล้ว

เพราะอะไร จึงไม่เหมาะกับปุถุชน
เพราะปุถุชน เปี่ยมด้วยกิเลส การเวียนว่ายตายเกิดยังปรากฏ ถ้าคิดอย่างเดียวว่าไม่มีเรา แต่ทำไมใครด่าก็โกรธ ใครทำร้ายก็เคือง มีความต้องการทางเพศชัดเจนประกอบอยู่(อันอื่นยังพอข่มได กามารมณ์นี่เห็นชัดสุด เพราะจะกำเริบเป็นระยะ) ตราบใดที่ยังไม่เข้าใจในอริยสัจสี่แจ่มแจ้งเข้าไปถึงใจ

ธรรมสำหรับปุถุชนที่ควรพิจารณา
ตอนนี้มีเรา เพราะเรายังไม่พ้นจากการปรุงแต่ง
ตอนนี้มีเรา เมื่อมีเราก็ทุกข์เพราะความยึดมั่นถือมั่นในเรา
ตอนนี้มีเรา ก็ขนขวายเพื่อหาความสุข หลีกเลี่ยงความทุกข์
ตอนนี้มีเรา เพราะความยึดมั่นถือมั่นจึงมีการเวียนว่ายตายเกิด
ตอนนี้มีเรา จึงมี ความแก่ ความเจ็บ ความตาย วนเวียนไปไม่สิ้นสุด
ตอนนี้มีเรา จึงมี การกิน การเสพ หาที่สุดไม่ได้

ที่ทุกข์ เกิดขึ้นทั้งปวงก็เพราะมีเรา จึงเห็นโทษของการมีเรา จึง ละความยึดมั่นถือมั่นว่ามีเรา ที่มีร่างกาย ก็ต้องดูแลตามปกติ ให้มีชีวิตต่อไปและตายตามธรรมชาติ เพราะมันมีแล้วก็ประจักษ์อยู่ที่ยังมีอยู่ก็เพราะความยึดมั่นถือมั่นที่เราเคยสั่งสมไว้ หรือง่ายๆคือที่มีเราในตอนนี้เพราะ อาศัย กิเลส กรรม วิบาก ที่สืบทอดมา

ถ้าไม่มีเราก่อนจะรู้ทุกข์ของการมีเราหรือ?
ถ้าไม่มีเราก่อน แล้วมีการเวียนว่ายตายเกิดทำไม พระพุทธเจ้าสอนเพื่อให้พ้นการเวียนว่ายตายเกิดทำไม
ก็ท่านสอนให้ละความยึดมั่นถือมั่นในเรา(อัตตา)ก่อน ถึงพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด พ้นจากทุกข์ทั้งปวง

พิจารณาธรรมให้สมควรแก่ธรรม
อย่ายึดมั่นในเรา เพราะ นั่นคือตัณหา
อย่าปรุงแต่งว่าไม่มีเรา เพราะนั่นก็คือ อุปทาน


คลายความกำหนัด ความพอใจ ในเรา ถึงพ้นจากการมี เราได้จริงๆ ไม่ใช่ปรุงแต่งเอาเอง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่