ที่มา
http://www.cway-investment.com/2013/06/blog-post.html
ผมพูดเสมอว่าการเป็นนักเก็งกำไรอาชีพ สาระจริงคือการรักษากำไร หากำไรเป็นต้องเก็บกำไรได้ มันไม่ใช่แค่การเน้นจะซื้อเน้นแต่จะหากำไร(เหมือนที่ชอบโฆษณากัน) แต่ขายไม่เป็น รักษากำไรไม่ได้
ตัวเลขเขียวๆในพอร์ต ที่ชอบโชว์ ชอบอวดกัน เมื่อยังไม่ขายเราเรียกว่า "ลม" เพราะมันแปรเปลี่ยนได้ตามสภาวะตลาด ยามตลาดกระทิงใครๆก็ซื้อหุ้นแล้วได้กำไรไม่ยาก ได้เห็นพอร์ตเขียวๆมากมาย แต่สุดท้ายก็รักษากำไรไม่อยู่ จากเขียวกลายเป็นแดง จากกำไรกลายเป็นขาดทุนทุกครั้งไป
มันถึงเป็นคำตอบไงว่า ทำไมคนส่วนมากถึงไม่รวยจากตลาดหุ้น มีแต่คนส่วนน้อยเท่านั้นที่สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้
เอาภาพนี้มาให้พวกเราศึกษา จะเห็นเลยว่า กำลังและความแรงของทิศทางขาขึ้นและขาลงมันแตกต่างกันบางตำรา ว่าไว้ถึง 3 เท่า กว่าราคาจะเคลื่อนขึ้น 218 จุดใช้เวลาเกือบ 4 เดือนแต่ยามผู้เล่นรายใหญ่อย่างนักลงทุนต่างชาติทำกำไร เงินไหลออก ดัชนี 218 จุดเท่ากันลงได้ใน 16 วัน
พอร์ตแมงเม่าจากกำไรเขียวๆ กลายเป็นขาดทุน กลายเนินกลายเป็นดอย ในทันที นี่ยังไม่นับรวมปรากฏการณ์ขายกระหน่ำวันเดียว -75 จุด ทำเอามือใหม่หลายคน หนาวสั่นไปตามๆกัน
คนที่เคยมีกำไร แล้วขาดทุน คนพวกนี้แหละครับ จะเป็นรายย่อยผู้รับซื้อ หรือเป็นผู้ที่ยอมติดดอย เพราะเมื่อมีกำไร 30% 50% จิตใจมันผูกผัน ยามมันลงไป 10% ก็มันจะมี bias คิดว่าเดี่ยวมันก็เด้ง เดี่ยวก็มา ลงไป 5% ไม่เป็นไรพื้นฐานดี ราคาถูกเดี่ยวก็เด้ง สุดท้าย ทำไปทำมาพอมันขาดทุนหนักเกิน -20% ใจมันเสียไปแล้ว ขายไม่ได้ไปไม่เป็น
เข้าสู่กระบวนการ ทำงานหาเงินมาถัวดอย (ตรงข้ามกับภาพที่ชอบโฆษณากันเลยว่า ให้เงินทำงานแทนเรา) ยังไม่นับรวมถ้าดัชนีลงต่อ และลงแรงอาจจะมี force sale ทำให้่ต้องเร่งหาเงินปั๊ม เงินมารักษา margin level กันอีก
มันถึงเป็นคำบอกว่า ทำไมคนส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นไม่รวย หรือไม่ได้ประสบความสำเร็จง่ายๆ ตลาดหุ้นไม่ใช่ตู้ ATM ไม่ใช่ขุมทรัพย์ที่ใครจะเขามาหยิบเอาผลประโยชน์ง่ายๆ คนจะอยู่รอดหรือจะมีกำไรต้องแข็งแกร่งและมีความสามารถจริงๆ มันไม่ง่ายเหมือนพวกหาผลประโยชน์เขาชักชวนให้ คนภายนอกเข้ามากันหรอกครับ
ผมนำภาพนี้เป็น scenario มาให้ศึกษาไม่ได้บอกนะว่า ตลาดหุ้นจะไปต่อหรือลงอีก อันนี้ผมเองก็เดาไม่ได้ แต่สาระที่จะเน้นคือ เราอยู่ในเกมส์ อยู่ในสนามรบ อย่าประมาท อย่าหลอกตัวเอง อย่ามองโลกในแง่ดี จนเกินไป คิดให้ถี่ถ้วน คิดอย่างมีสติ
การจะอยู่รอดได้ ในสนามนี้ คือ "ความพอเพียง" พอใจในกำไรที่เราได้รับ มีจุดออกหรือทยอยออก เพื่อรักษากำไร อย่าโลภ มีวินัยทำตามแผน ตามระบบที่เราวางไว้เสมอครับ
ที่มา
http://www.cway-investment.com/2013/06/blog-post.html
กำไรที่หายไปคือบทเรียน ~ caway-investment
ผมพูดเสมอว่าการเป็นนักเก็งกำไรอาชีพ สาระจริงคือการรักษากำไร หากำไรเป็นต้องเก็บกำไรได้ มันไม่ใช่แค่การเน้นจะซื้อเน้นแต่จะหากำไร(เหมือนที่ชอบโฆษณากัน) แต่ขายไม่เป็น รักษากำไรไม่ได้
ตัวเลขเขียวๆในพอร์ต ที่ชอบโชว์ ชอบอวดกัน เมื่อยังไม่ขายเราเรียกว่า "ลม" เพราะมันแปรเปลี่ยนได้ตามสภาวะตลาด ยามตลาดกระทิงใครๆก็ซื้อหุ้นแล้วได้กำไรไม่ยาก ได้เห็นพอร์ตเขียวๆมากมาย แต่สุดท้ายก็รักษากำไรไม่อยู่ จากเขียวกลายเป็นแดง จากกำไรกลายเป็นขาดทุนทุกครั้งไป
มันถึงเป็นคำตอบไงว่า ทำไมคนส่วนมากถึงไม่รวยจากตลาดหุ้น มีแต่คนส่วนน้อยเท่านั้นที่สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้
เอาภาพนี้มาให้พวกเราศึกษา จะเห็นเลยว่า กำลังและความแรงของทิศทางขาขึ้นและขาลงมันแตกต่างกันบางตำรา ว่าไว้ถึง 3 เท่า กว่าราคาจะเคลื่อนขึ้น 218 จุดใช้เวลาเกือบ 4 เดือนแต่ยามผู้เล่นรายใหญ่อย่างนักลงทุนต่างชาติทำกำไร เงินไหลออก ดัชนี 218 จุดเท่ากันลงได้ใน 16 วัน
พอร์ตแมงเม่าจากกำไรเขียวๆ กลายเป็นขาดทุน กลายเนินกลายเป็นดอย ในทันที นี่ยังไม่นับรวมปรากฏการณ์ขายกระหน่ำวันเดียว -75 จุด ทำเอามือใหม่หลายคน หนาวสั่นไปตามๆกัน
คนที่เคยมีกำไร แล้วขาดทุน คนพวกนี้แหละครับ จะเป็นรายย่อยผู้รับซื้อ หรือเป็นผู้ที่ยอมติดดอย เพราะเมื่อมีกำไร 30% 50% จิตใจมันผูกผัน ยามมันลงไป 10% ก็มันจะมี bias คิดว่าเดี่ยวมันก็เด้ง เดี่ยวก็มา ลงไป 5% ไม่เป็นไรพื้นฐานดี ราคาถูกเดี่ยวก็เด้ง สุดท้าย ทำไปทำมาพอมันขาดทุนหนักเกิน -20% ใจมันเสียไปแล้ว ขายไม่ได้ไปไม่เป็น
เข้าสู่กระบวนการ ทำงานหาเงินมาถัวดอย (ตรงข้ามกับภาพที่ชอบโฆษณากันเลยว่า ให้เงินทำงานแทนเรา) ยังไม่นับรวมถ้าดัชนีลงต่อ และลงแรงอาจจะมี force sale ทำให้่ต้องเร่งหาเงินปั๊ม เงินมารักษา margin level กันอีก
มันถึงเป็นคำบอกว่า ทำไมคนส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นไม่รวย หรือไม่ได้ประสบความสำเร็จง่ายๆ ตลาดหุ้นไม่ใช่ตู้ ATM ไม่ใช่ขุมทรัพย์ที่ใครจะเขามาหยิบเอาผลประโยชน์ง่ายๆ คนจะอยู่รอดหรือจะมีกำไรต้องแข็งแกร่งและมีความสามารถจริงๆ มันไม่ง่ายเหมือนพวกหาผลประโยชน์เขาชักชวนให้ คนภายนอกเข้ามากันหรอกครับ
ผมนำภาพนี้เป็น scenario มาให้ศึกษาไม่ได้บอกนะว่า ตลาดหุ้นจะไปต่อหรือลงอีก อันนี้ผมเองก็เดาไม่ได้ แต่สาระที่จะเน้นคือ เราอยู่ในเกมส์ อยู่ในสนามรบ อย่าประมาท อย่าหลอกตัวเอง อย่ามองโลกในแง่ดี จนเกินไป คิดให้ถี่ถ้วน คิดอย่างมีสติ
การจะอยู่รอดได้ ในสนามนี้ คือ "ความพอเพียง" พอใจในกำไรที่เราได้รับ มีจุดออกหรือทยอยออก เพื่อรักษากำไร อย่าโลภ มีวินัยทำตามแผน ตามระบบที่เราวางไว้เสมอครับ
ที่มา http://www.cway-investment.com/2013/06/blog-post.html