แอฟริกาใต้ถังแตก คิดหนักขายทิ้ง "กริพเพน" ทั้งฝูง

กระทู้ข่าว
ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- กองกำลังป้องกันตนเองแห่งชาติแอฟริกาใต้ (South African National Defense Force) กำลังพิจารณานำเครื่องบินขับไล่ JAS-39 กริพเพน (Gripen) ที่มีประจำการทั้งหมด 26 ลำออกขาย พร้อมกับเฮลิคอปเตอร์เอนกประสงค์แบบออกุสตา เอ109 (Augusta A109) เนื่องจากไม่มีงบประมาณพอที่จะให้อากาศยานเหล่านี้ปฏิบัติการต่อไป หนังสือพิมพ์ในท้องถิ่นรายงานเรื่องนี้ โดยยังไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับกรอบเวลาในการดำเนินการ
       
       อย่างไรก็ตามการเปิดเผยเรื่องนี้ได้สะท้อนให้เห็นภาพรวมเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดกับกองทัพอากาศของประเทศนี้ รวมทั้งช่วยให้คำตอบว่า เพราะเหตุใดกองทัพแอฟริกาจึงไม่สนับสนุนความริเริ่มของกลุ่มซาบแห่งสวีเดน ที่เสนอตั้งโรงเรียนฝึกและสอนการใช้อาวุธของเครื่องบินรบกริพเพนในแอฟริกาใต้ และ ทำให้ต้องมองมายังประเทศไทยเป็นที่ตั้งแห่งใหม่
       
       หนังสือพิมพ์บีลด์ (Beeld) รายงานเมื่อวันที่ 24 ก.ค.2556 ระบุว่า สำหรับเฮลิคอปเตอร์ A109 ที่มีใช้ในกองทัพอากาศจำนวน 18 ลำนั้น เป็นปัญหาเกี่ยวกับการใช้งานคือ "บินได้บ้าง บินไม่ได้บ้าง" ส่วนกริพเพนทั้ง 26 ลำ เป็นปัญหาจากการตัดงบประมาณของกองทัพทำให้ไม่สามารถบำรุงรักษาหรือแม้กระทั่งให้นักบินขึ้นบินฝึกและบินลาดตระเวนได้ตามปรกติ ทำให้ต้องพิจารณาหาทางจำหน่าย
       
       แอฟริกาใต้ได้พยายามปกปิดเรื่องนี้เป็นความลับมาตลอด จนกระทั่งมีการอภิปรายในรัฐสภาเมื่อเร็วๆ นี้ จึงทำให้สาธารณชนได้รับทราบว่า ปัจจุบันมีการนำ JAS-39 ออกปฏิบัติการตามปรกติเพียง 14 ลำเท่านั้นซึ่งได้ "บินบ้าง ไม่ได้บินบ้าง" อีก 12 ลำที่เหลือ "เก็บเอาไว้ในโรงเก็บระยะยาว"
       
       เมื่อข่าวนี้เผยแพร่ออกไปเพียงข้ามวันได้มีผู้อ่านนับร้อยๆ คนเข้าไปแสดงความคิดเห็นในเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ และเสียงส่วนใหญ่สนับสนุนให้รัฐบาลขายกริพเพนทั้งฝูงหรือครึ่งหนึ่งของทั้งหมด เพื่อนำเงินค่าดูแลรักษา ค่าปฏิบัติการ และนำรายได้จากการขยาย ไปใช้ในโครงการพัฒนาต่างๆ ในขณะที่เหตุการณ์กับประเทศเพื่อนบ้านกลับคืนสู่ภาวะปรกติมาร่วม 20 ปีแล้ว
       
       บางคนเขียนว่า “ในทศวรรษนี้คงจะไม่มีกองทัพจักรพรรดิญี่ปุ่นไปรุกรานอีก” เช่นเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2
       
       มีเพียงผู้เชี่ยวชาญด้านกลาโหมจำนวนหนึ่งที่เห็นว่า เครื่องบินรบยังมีความจำเป็นในการป้องกันประเทศ
       
       "กองทัพอากาศที่ไม่มีเครื่องบินขับไล่ ไม่ต่างกับเป็ดตายในความหมายของกองทัพในแอฟริกา และกองทัพบกที่ไม่มีเฮลิคอปเตอร์กับเครื่องบินลำเลียงขนส่งไม่ต่างจากไดโนเสาในบึง" นายเฮลโหมด-โรเมอร์ ไฮต์แมน (Helmoed-Romer Heitman) ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารกล่าวกับบีลด์
       
       "กองทัพที่ไม่มีเฮลิคอปเตอร์โจมตีและเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงขนส่งคือเป็ดง่อยดีๆ นี่เอง กองทัพเรือที่ไม่มีเฮลิคอปเตอร์กับเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเลไม่ต่างกับคนตาบอด" นายไฮต์แทนกล่าว
       
       ปัจจุบันแอฟริกาใต้เป็น 1 ใน 6 ประเทศที่มี JAS-39 ประจำการโดยจัดซื้อเป็น 2 ล็อต ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากบรรดานักการเมืองที่มองไม่เห็นความจำเป็น กลุ่มซาบแห่งสวีเดนทยอยส่งมอบจนครบทั้ง 26 ลำปลายปีที่แล้ว
       
       ในยุคแห่งสันติภาพ และผ่านพ้นยุคของรัฐบาลเหยียดผิว เหยียดเชื้อชาติ แอฟริกาใต้ที่เคยร่ำรวยด้วยแร่ธาตุโลหะล้ำค่าต่างๆ กลับเผชิญกับวิกฤติทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลถึงกองทัพที่ขาดการปรับปรุงให้ทันสมัย
       
       เพิ่งมีการเปิดเผยเมื่อเร็วๆ นี้เช่นกันว่า นับตั้งได้รับมอบล็อตแรกๆ เครื่องบินขับไล่ JAS-39 ถูกใช้งานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น การถูกตัดงบประมาณทำให้ต้องลดชั่วโมงบินลง ขณะเดียวกันกองทัพอากาศได้มอบหมายให้ฝูงบินฮอว์ค MK120 ซึ่งเป็นเครื่องบินฝึกสำหรับนักบินขับไล่ผลิตในอังกฤษที่มีอยู่ 24 ลำ ออกบินลาดตระเวนเป้าหมายต่างๆ แทนกริพเพน
       
       นอกจากนั้นยังมีสัญญาณอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นปัญหาด้านการเงินที่ส่งผลกระทบต่อกองทัพ รวมทั้งข่าวชิ้นหนึ่งที่ระบุว่า ปี 2556 นี้ แอฟริกาใต้เป็นหุ้นส่วนกริพเพนเพียงประเทศเดียว ที่ไม่ต่อสัญญาการดูแลรักษาเครื่องบินรบกับซาบ หลังจากสัญญาฉบับแรกหมดอายุลงสิ้นปี 2555
       
       กริพเพนทั้ง 2 ฝูงเป็นเครื่องบินขับไล่เพียงแบบเดียวที่ประจำการในกองทัพแอฟริกาใต้ปัจจุบัน นอกจากนั้นเป็นเครื่องบินขนาดเล็ก สำหรับบินฝึกและบินตรวจการณ์ทั่วไป มีเครื่องบินขนส่งแบบซี-130 เฮอร์คิวลีส อีก 7 ลำ เป็นกำลังหลักในการลำเลียงขนส่ง ที่เหลือเป็นเครื่องบินขนส่งใบพัดขนาดเล็กทั้งสิ้น
       
       แอฟริกาใต้ยังมีเฮลิคอปเตอร์ที่ผลิตในยุโรปอีกหลายสิบลำ แต่ส่วนใหญ่เป็น ฮ.ขนส่งลำเลียงขนาดเล็ก กับ ฮ.โจมตีอีก 11 ลำ ซึ่งผลิตเอง สำหรับ A109 ที่ต้องการกำลังพิจารณานำออกขายนี้ เป็น ฮ.เอนกประสงค์ขนาดเบา ซื้อจากผู้ผลิตในประเทศอิตาลี.


"กริพเพน" ที่ฐานทัพอากาศเคปทาวน์ จ.เวสต์เคป ในภาพวันที่ 3 ก.ย.2549 ประเทศมีประจำการจำนวน 2 ฝูง 26 ลำ เป็นกริพเพนซี/ดี แบบเดียวกับไทย เพิ่งทราบกันว่านับตั้งแต่ได้รับมอบล็อตแรกๆ จนถึงปัจจุบันมีแอฟริกาใต้นำกริพเพนออกงานเพียง 14 ลำเท่านั้น ที่เหลืออีก 12 ลำ "เก็บไว้ในโรงเก็บระยะยาว" เนื่องจากปัญหางบประมาณ หนังสือพิมพ์ในแอฟริกาใต้รายงานสัปดาห์นี้ว่ากองทัพกำลังพิจารณานำกริพเพนออกขาย เรื่องนี้ยังช่วยตอบข้อสงสัยที่ว่าเพราะเหตุใดประเทศนี้จึงไม่สนับสนนุนความริเริ่มของกลุ่มซาบที่จะตั้งโรงเรียนฝึกการใช้อาวุธของกริพเพน ทำให้สวีเดนต้องมองมายังประเทศไทย. -- ภาพ: Flickr.Com/DanieVDM


"ฮอว์ค" (BAE Hawk) ในภาพวันที่ 12 พ.ค.2555 ปัจจุบันกองทัพอากาศแอฟริกาใต้ต้องมอบหมายให้เครื่องบินฝึกรุ่นนี้บินลาดตระเวนแทนกริพเพน เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย -- ภาพ: วิกิพีเดีย/Leo za1.


อกุสตา A109 ที่ถูกระบุว่ามีปัญหา "บินได้บ้าง ไม่ได้บ้าง" ในภาพวันที่ 10 พ.ย.2550 ที่สนามบินเคปทาวน์ หนังสือพิมพ์ในแอฟริกาใต้รายงานว่ากองทัพกำลังพิจารณานำออกขายทั้ง 18 ลำ พร้อม JAS-39 กริพเพน. -- ภาพ: En.Wikipedia.Org/Vaughan Leiberum

credit: http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9560000091624
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่