จากกระทู้ นอร์มังดี วันนี้และวันวาน
http://ppantip.com/topic/30714104
เป็นกระทู้ที่ตามรอยภาพถ่ายเหตุการณ์ยกพลของฝ่ายสัมพันธมิตร และการต่อต้านของฝ่ายเยอรมัน
โดยใช้ Google Street View ค้นหาสภาพปัจจุบันเทียบกับอดีต
คราวนี้จะเป็นการพาไปย้อนรอยไตล์ Google Street View ติดตามพยัคฆ์หนุ่มแห่งหน่วยยานเกราะของกองทัพนาซี ที่ได้รับคำสั่งให้
ทำการต่อต้านฝ่ายสัมพันธมิตรที่กำลังเคลื่อนทัพนอร์มังดีเข้าสู่ปารีส
ถ้าเอ่ยถึง ร้อยเอก มิคาเอล วิทมาน (Hauptsturmf?hrer Michael Wittmann) เหล่าคอรถถัง คงแทบไม่ต้องเล่าซ้ำแล้ว
แต่หลายท่าน อาจจะเคยได้ยินชื่อนี้ครั้งแรกก็เป็นได้ ผมจึงจะแนะนำประวัติย่อๆ ไว้เพื่อเพิ่มอรรถรสในตามตามรอยครับ
หรือต้องการประวัติโดยละเอียด ใช้ชื่อนี้ค้นหาในเน็ตก็จะมีมากมายเลยครับ
พยัคฆ์หนุ่มรูปงามแห่งกองพลรถถังไทเกอร์ และเต็มไปด้วยความเก่งกาจ กล้าหาญ
วิทมาน เกิดเมื่อ 1914 เข้าเป็นทหารเมื่อปี 1934 จากทหารราบ ก็เข้าสู่สมรภูมิต่างๆมากมายในฐานะผู้บังคับยานเกราะ
และเริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้น ในการบุกรัสเซียตามยุทธการบาร์บารอสซาร์ ตอนนั้น วิทมานมีสถิติทำหลายรถถังเกิน 100 คันแล้ว
จากวงสีขาวที่ลำกล้องปืนเป็นการบันทึกสถิติรถถังที่ทำลายได้ วงใหญ่แทนจำนวนสิบคัน คาดว่าตอนแรกก็หนึ่งวงหนึ่งคัน
แต่ตอนหลัง ความยาวลำกล้องคงไม่พอ เลยต้องทำวงใหญ่แทน ในรูปเป็นสถิติที่ 88 คัน
....ตัดภาพกลับมาที่แคว้นนอร์มังดี
ขณะที่พันธมิตรกำลังยกพลขึ้นบก วิทมานก็ได้รับคำสั่งให้มาสกัดการเคลื่อนพลครั้งนี้ เขารีบเดินทางจากเบลเยี่ยมเพื่อเข้าสู่สมรภูมิทันที
Tiger I หมายเลข 205 ของ Michael Wittmann ขณะมุ่งสู่นอร์มังดี
ขณะที่ออกจากเบลเยี่ยมกองร้อยของเขามีรถถังร่วมมาด้วยจำนวน 15 คัน แต่จากการเดินทางที่เร่งรีบ
อีกทั้งขาดอะไหล่ และการซ่อมบำรุง ทำให้เมื่อมาถึงนอร์มังดี ก็เหลือรถถังที่ใช้งานได้เพียงหกคัน
วิทมานได้รับรายงานจากหน่วยสอดแนมว่ามีการเคลื่อนทัพของอังกฤษเข้ามาที่เมืองวิเย โบกาช (Villers-Bocage)
วิทมานมาถึงวิเย โบกาช ในวันที่12 มิถุนายน จึงเลือกที่จะซ่อนพลางตัวเองอยู่ในทุ่งนาริมถนนนอกเมือง บริเวณพิกัด 213
อันเป็นทางที่กองพลยานเกราะที่ 7 จะเคลื่อนกำลังไปยังเมืองก็อง (Caen)
เส้นดำทึบ เป็นเส้นทางที่ กองพลยานเกราะที่ 7 ที่จะมุ่งหน้าไปเมืองก็อง ผ่านทางเมืองวิเย โบกาซ
ขณะที่กองพลที่ 7 มาถึงเมืองวิเย่ โบกาซ ก็มีคำสั่งให้กำลังส่วนหนึ่ง มียานเกราะกึ่งสายพาน ขบวนปืนใหญ่ต่อสู้รถถัง
ออกไปวางกำลังบนถนนนอกเมือง เป็นถนนที่มุ่งไปสู่เมืองติลลี ซูค เซย (Tilly-sur-Seulles) ในเวลารุ่งเช้า
Tiger I
ขณะที่ฝ่ายอังกฤษมีการเคลื่อนกำลังออกมา วิทมานได้ตรวจพบการเคลื่อนกำลังเช้านี้และรออยู่ พร้อมสมองก็คิดวางแผนการไว้
โดยมิหวั่งเกรงจำนวนข้าศึกที่มีมากว่า วิทมานสั่งลูกน้องปรับขบวนเข้าโจมตีในเวลา09.00 น.
ขณะที่วิทมาน เข้ามาใก้ลใจกลางขบวนข้าศึก ฝ่ายตรวจการข้าศึกได้ตรวจพบและเเจ้งเตือนหน่วยต่างๆ ทางวิทยุ
แต่สายไปเสียแล้ว วิทมานจัดการ รถถังคันแรกที่เข้าระยะยิง รถถังCromwell คันแรกถูกทำลาย และ ขณะรถถัง Firefly หันป้อมปืนมาทาง Tiger
แต่ปืนใหญ่ Tiger ของวิทมานก็ส่งกระสุน 88mm ออกไปถึงเจ้า Firefly แล้ว
ไม่รอช้า วิทมานสั่งการให้จัดการยานเกราะกึ่งสายพานลำเลียง และขบวนปืนใหญ่ต่อต้านรถถังที่จอดเรียงอยู่เป็นแถวเหมือนเป้าซ้อมยิง
วิทมานมุ่งหน้าไปตามถนนเข้าสู่ตัวเมือง วิ่งไปยิงไป โดยที่ฝ่ายข้าศึกไม่สามารถตั้งตัวได้ทัน และการวางกำลังก็ยังไม่อยู่ในสภาพพร้อมรบ
ครอมเวลล์
เชอร์แมน ไฟร์ฟลาย
สภาพสองข้างทางเข้าสู่เมืองวิเย โบกาซ หลังวิทมาน ผ่านไป
สภาพรถกึ่งสายพานลำเลียง
ขณะที่วิทมานมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองก็ได้สั่งให้Tiger สองคันอยู่จัดการส่วนที่เหลือ
หน่วยรถถังของอังกฤษก็ได้สั่งการให้ M3A3 Stuart ออกมาป้องกันถนนเข้าเมือง แต่ด้วยปืนขนาดเบา
และเกราะที่แข็งแกร่งของ Tiger ทำให้ วิทมานทำลาย M3A3 Stuart ได้อย่างง่ายดาย
และเขารู้ว่ามีกองกำลังที่เตรียมพร้อมต้อนรับเขาอย่างเต็มที่รออยู่ในเมืองแน่ๆ วิทมานจึงถอยออกจากจุดนั้นและมุ่งหน้า
กลับไปยังกองบัญชาการหน่วยยานเกหราะที่ปราสาทเมือง Orbois
มีคนขนานนามการรบครั้งนี้ว่าการเดินเล่นยามเช้าของวิทมาน
ภาพที่ตั้งกองบัญชาการของวิทมาน อยู่บริเวณปราสาทในเมือง Orbois และ ภาพบริเวณทางเข้าปราสาท
ในช่วงบ่าย หลังจากรับคำสั่งและวางแผนการรบเเล้ว วิทมานก็เคลื่อนกำลังมายังพิกัด213 อีกครั้งหนึ่ง
ครานี้เขาก้ได้ต่อกรกับทั้ง ครอมเวลล์ และ ไฟร์ฟลายอีกครั้ง ซึ่งเข้าก็พิชิตข้าศึกลงได้ทั้งหมด
ครอมเวลล์ และ ไฟร์ฟลาย ที่พิกัด213 ผลงานของวิทมานยามบ่าย
จุดมุ่งหมายต่อไปคือ ตลุยเข้าสู่เมืองวิเย โบกาซ ที่มีทั้ง รถถัง เหล่าปืนต่อต้านรถถัง ปืนใหญ่ต่อต้านรถถังรออยู่
แต่วิทมานก้ได้เกรงกลัวไม่ เขาและลูกน้องแยกกันตลุยเข้าสู่ตัวเมือง
บรรดาอาวุธที่รอต้อนรับ Tiger I
จรวดต่อต้านรถถัง PIAT (Projector, Infantry, Anti Tank)
ปืนใหญ่ต่อต้านรถถัง QF 6-pounder Gun
การรบในตัวเมืองที่มีอาคาร ซอกซอย และการตั้งรับที่เตรียมการมาอย่างดี ทำให้Tiger เสียเปรียบ และถูกจัดการไปทีละคัน
Tiger คันนี้ถูกเจ้าปืนต่อต้านรถถัง PIAT ทำลายบริเวณด้านใต้ของเมือง
ในขณะที่Tiger อีกสองคันวิ่งมาตามถนน จอร์ช เคลมองโซ ผ่านใจกลางเมืองมายังรอยต่อถนน ปาสเตอค ก็ถูกยิงจากไฟร์ฟลาย
ในระยะกระชั้นชิด
จุดที่ Tiger สองคันนี้ถูกยิงปัจจุบันจะหาภาพมาสตรีทวิวเปรียบเทียบไม่ได้เเล้วครับ เนื่องจาก พอปลายมิถุนายน
อังกฤษก็ส่งฝูงบิน Avro Lancaster ถล่มเมืองนี้เเบบไม่เหลือซาก
ภาพถ่ายทางอากาศ ในการทิ้งระเบิดถล่ม วิเย โบกาซ มองดีๆจะเห็นฝูงบิน Avro Lancaster อยุ่ท่ามกลางกลุ่มควัน
สภาพเมือง และรถถังTiger ทั้งสองที่ถูกถล่ม
Tiger ของวิทมานก็ได้รับความเสียหายขณะย้อนกลับออกมาทางตะวันออกของเมือง และสละรถออกมาโดยไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างไร
ขณะที่เยอรมันเข้ายึดเมืองคืนได้ Tiger ของวิทมานก็ถูกลากออกมายังพิกัด213 อีกครั้ง อาจจะถูกนำมาใช้เป็นอะไหล่ให้กลับ Tiger คันอื่น
กลับมาที่ตัวเมืองวิเย โบกาซ ต่อมากองกำลังฝ่ายเยอรมันที่มีจำนวนมากกว่า ก็เข้ายึดเมืองคืนได้
ทั้งยังจับทหารอังกฤษเป็นเชลย จากนั้นก็ถูกกวาดต้อนเป็นมุ่งหน้าไปยังเมืองก็อง
หลังจากนั้นวิทมานก็ได้รับรางวัลกางเขนเหล็กชั้นอัศวิน ประดับด้วยกระบี่ไขว้และใบโอ็ค
(knight's cross with oak leaves and swords)
รูปนี้ถ่ายหลังจากวิทมานได้รับเหรียญกล้าหาญดังกล่าวแล้ว สังเกตุจากเหรียญที่ห้อยคอ
ตัวเขาเองก็ได้รับโอกาสให้กลับมาเป็นครูฝึกในโรงเรียนรถถัง แต่เขาเลือกที่จะกลับมายังนอร์มังดี
ในวันที่ 8 สิงหาคม 1944 เวลาประมาณ 12.45 น. วิทมานพร้อมหน่วยของเขาอีกสามคัน ก็เคลื่อนที่เพื่อจะเข้าโจมตีเมืองเป้าหมาย
แต่เขาหาได้รู้ไม่ว่ามีทั้งกองร้อยรถถังของทั้งแคนาดา(สามเหลี่ยมแดง) และอังกฤษ(วงกลมเหลือง)ตั้งหน่วยอยู่ในชัยภูมิที่ได้เปรียบรอบๆ
เส้นทางของเขาพอดี
เมื่อรถถัง Firefly เห็นว่ารถถัง Tiger(สี่เหลี่ยมดำ) เข้าสู่ระยะยิงแล้ว จึงระดมยิงเข้าใส่ Tiger ทันที
จากนั้นรถถัง Firfly ของแคนาดาก็ยิงใส่ Tiger คันหนึ่งที่อยู่นอกระยะยิงของ Firefly อังกฤษ
ซักครูหนึ่งกระสุนที่เก็บไว้ใน Tiger 007 คันนั้นเกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง ส่งผลให้ป้อมปืนกระเด็นหลุดออกมานอนหงายอยู่ข้างๆลำตัวรถ
หลังเหตุการณ์ มีผู้พยามยามตรวจสอบ เพราะเชื่อว่าหนึ่งในนั้นเป็นพยัคฆ์ร้ายวิทมาน
ผลการเทียบกับประวัติทำฟัน พบว่าหนึ่งในนั้นเป็นวิทมานจริงๆ เนื่องจากวิทมานใส่ฟันปลอมที่ฮิตเลอร์ให้หมอประจำตัวทำให้
หลังจากศึกบาบาร์รอสซาร์ ที่รัสเซีย
การรบครั้งนี้ถือเป็นการปิดฉากความกล้าหาญของเขาที่อายุสามสิบปี
ร่างของวิทมานและผู้ร่วมรบของเขาถูกฝังไว้ที่สุสาน La Cambe
จบบริบูรณ์
ขอบคุณคุณ jeune-maman ที่เขียนการอ่านออกเสียงคำศัพท์ฝรั่งเศสให้ครับ
และขอบคุณแหล่งข้อมูลต่างๆ
http://www.strijdbewijs.nl/uitbraak/wittmanneng.htm
http://en.wikipedia.org/wiki/Joe_Ekins
http://www.panzerace.net/english/pz_bio.asp?page=7
http://www.strijdbewijs.nl/normandie1/home.htm
http://www.strijdbewijs.nl/uitbraak/bocage2eng.htm
http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=401844
ต่อไปคาดว่าจะนำเสนอวีรกรรมเสืออากาศไทยบ้าง มีอยู่หลายท่านทีเดียว แต่คงพึ่งพาสตรีทวิวไม่ได้แล้วครับ
เนื่องจากในไทยยังมีไม่กี่จังหวัดเอง อาจต้องหาแนวทางอื่นมาใช้ในการเล่าเรื่อง ขอเวลาซักพักครับ
ตามรอยพยัคฆ์หนุ่ม แห่งนอร์มังดี
เป็นกระทู้ที่ตามรอยภาพถ่ายเหตุการณ์ยกพลของฝ่ายสัมพันธมิตร และการต่อต้านของฝ่ายเยอรมัน
โดยใช้ Google Street View ค้นหาสภาพปัจจุบันเทียบกับอดีต
คราวนี้จะเป็นการพาไปย้อนรอยไตล์ Google Street View ติดตามพยัคฆ์หนุ่มแห่งหน่วยยานเกราะของกองทัพนาซี ที่ได้รับคำสั่งให้
ทำการต่อต้านฝ่ายสัมพันธมิตรที่กำลังเคลื่อนทัพนอร์มังดีเข้าสู่ปารีส
ถ้าเอ่ยถึง ร้อยเอก มิคาเอล วิทมาน (Hauptsturmf?hrer Michael Wittmann) เหล่าคอรถถัง คงแทบไม่ต้องเล่าซ้ำแล้ว
แต่หลายท่าน อาจจะเคยได้ยินชื่อนี้ครั้งแรกก็เป็นได้ ผมจึงจะแนะนำประวัติย่อๆ ไว้เพื่อเพิ่มอรรถรสในตามตามรอยครับ
หรือต้องการประวัติโดยละเอียด ใช้ชื่อนี้ค้นหาในเน็ตก็จะมีมากมายเลยครับ
พยัคฆ์หนุ่มรูปงามแห่งกองพลรถถังไทเกอร์ และเต็มไปด้วยความเก่งกาจ กล้าหาญ
วิทมาน เกิดเมื่อ 1914 เข้าเป็นทหารเมื่อปี 1934 จากทหารราบ ก็เข้าสู่สมรภูมิต่างๆมากมายในฐานะผู้บังคับยานเกราะ
และเริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้น ในการบุกรัสเซียตามยุทธการบาร์บารอสซาร์ ตอนนั้น วิทมานมีสถิติทำหลายรถถังเกิน 100 คันแล้ว
จากวงสีขาวที่ลำกล้องปืนเป็นการบันทึกสถิติรถถังที่ทำลายได้ วงใหญ่แทนจำนวนสิบคัน คาดว่าตอนแรกก็หนึ่งวงหนึ่งคัน
แต่ตอนหลัง ความยาวลำกล้องคงไม่พอ เลยต้องทำวงใหญ่แทน ในรูปเป็นสถิติที่ 88 คัน
....ตัดภาพกลับมาที่แคว้นนอร์มังดี
ขณะที่พันธมิตรกำลังยกพลขึ้นบก วิทมานก็ได้รับคำสั่งให้มาสกัดการเคลื่อนพลครั้งนี้ เขารีบเดินทางจากเบลเยี่ยมเพื่อเข้าสู่สมรภูมิทันที
Tiger I หมายเลข 205 ของ Michael Wittmann ขณะมุ่งสู่นอร์มังดี
ขณะที่ออกจากเบลเยี่ยมกองร้อยของเขามีรถถังร่วมมาด้วยจำนวน 15 คัน แต่จากการเดินทางที่เร่งรีบ
อีกทั้งขาดอะไหล่ และการซ่อมบำรุง ทำให้เมื่อมาถึงนอร์มังดี ก็เหลือรถถังที่ใช้งานได้เพียงหกคัน
วิทมานได้รับรายงานจากหน่วยสอดแนมว่ามีการเคลื่อนทัพของอังกฤษเข้ามาที่เมืองวิเย โบกาช (Villers-Bocage)
วิทมานมาถึงวิเย โบกาช ในวันที่12 มิถุนายน จึงเลือกที่จะซ่อนพลางตัวเองอยู่ในทุ่งนาริมถนนนอกเมือง บริเวณพิกัด 213
อันเป็นทางที่กองพลยานเกราะที่ 7 จะเคลื่อนกำลังไปยังเมืองก็อง (Caen)
เส้นดำทึบ เป็นเส้นทางที่ กองพลยานเกราะที่ 7 ที่จะมุ่งหน้าไปเมืองก็อง ผ่านทางเมืองวิเย โบกาซ
ขณะที่กองพลที่ 7 มาถึงเมืองวิเย่ โบกาซ ก็มีคำสั่งให้กำลังส่วนหนึ่ง มียานเกราะกึ่งสายพาน ขบวนปืนใหญ่ต่อสู้รถถัง
ออกไปวางกำลังบนถนนนอกเมือง เป็นถนนที่มุ่งไปสู่เมืองติลลี ซูค เซย (Tilly-sur-Seulles) ในเวลารุ่งเช้า
Tiger I
ขณะที่ฝ่ายอังกฤษมีการเคลื่อนกำลังออกมา วิทมานได้ตรวจพบการเคลื่อนกำลังเช้านี้และรออยู่ พร้อมสมองก็คิดวางแผนการไว้
โดยมิหวั่งเกรงจำนวนข้าศึกที่มีมากว่า วิทมานสั่งลูกน้องปรับขบวนเข้าโจมตีในเวลา09.00 น.
ขณะที่วิทมาน เข้ามาใก้ลใจกลางขบวนข้าศึก ฝ่ายตรวจการข้าศึกได้ตรวจพบและเเจ้งเตือนหน่วยต่างๆ ทางวิทยุ
แต่สายไปเสียแล้ว วิทมานจัดการ รถถังคันแรกที่เข้าระยะยิง รถถังCromwell คันแรกถูกทำลาย และ ขณะรถถัง Firefly หันป้อมปืนมาทาง Tiger
แต่ปืนใหญ่ Tiger ของวิทมานก็ส่งกระสุน 88mm ออกไปถึงเจ้า Firefly แล้ว
ไม่รอช้า วิทมานสั่งการให้จัดการยานเกราะกึ่งสายพานลำเลียง และขบวนปืนใหญ่ต่อต้านรถถังที่จอดเรียงอยู่เป็นแถวเหมือนเป้าซ้อมยิง
วิทมานมุ่งหน้าไปตามถนนเข้าสู่ตัวเมือง วิ่งไปยิงไป โดยที่ฝ่ายข้าศึกไม่สามารถตั้งตัวได้ทัน และการวางกำลังก็ยังไม่อยู่ในสภาพพร้อมรบ
ครอมเวลล์
เชอร์แมน ไฟร์ฟลาย
สภาพสองข้างทางเข้าสู่เมืองวิเย โบกาซ หลังวิทมาน ผ่านไป
สภาพรถกึ่งสายพานลำเลียง
ขณะที่วิทมานมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองก็ได้สั่งให้Tiger สองคันอยู่จัดการส่วนที่เหลือ
หน่วยรถถังของอังกฤษก็ได้สั่งการให้ M3A3 Stuart ออกมาป้องกันถนนเข้าเมือง แต่ด้วยปืนขนาดเบา
และเกราะที่แข็งแกร่งของ Tiger ทำให้ วิทมานทำลาย M3A3 Stuart ได้อย่างง่ายดาย
และเขารู้ว่ามีกองกำลังที่เตรียมพร้อมต้อนรับเขาอย่างเต็มที่รออยู่ในเมืองแน่ๆ วิทมานจึงถอยออกจากจุดนั้นและมุ่งหน้า
กลับไปยังกองบัญชาการหน่วยยานเกหราะที่ปราสาทเมือง Orbois
มีคนขนานนามการรบครั้งนี้ว่าการเดินเล่นยามเช้าของวิทมาน
ภาพที่ตั้งกองบัญชาการของวิทมาน อยู่บริเวณปราสาทในเมือง Orbois และ ภาพบริเวณทางเข้าปราสาท
ในช่วงบ่าย หลังจากรับคำสั่งและวางแผนการรบเเล้ว วิทมานก็เคลื่อนกำลังมายังพิกัด213 อีกครั้งหนึ่ง
ครานี้เขาก้ได้ต่อกรกับทั้ง ครอมเวลล์ และ ไฟร์ฟลายอีกครั้ง ซึ่งเข้าก็พิชิตข้าศึกลงได้ทั้งหมด
ครอมเวลล์ และ ไฟร์ฟลาย ที่พิกัด213 ผลงานของวิทมานยามบ่าย
จุดมุ่งหมายต่อไปคือ ตลุยเข้าสู่เมืองวิเย โบกาซ ที่มีทั้ง รถถัง เหล่าปืนต่อต้านรถถัง ปืนใหญ่ต่อต้านรถถังรออยู่
แต่วิทมานก้ได้เกรงกลัวไม่ เขาและลูกน้องแยกกันตลุยเข้าสู่ตัวเมือง
บรรดาอาวุธที่รอต้อนรับ Tiger I
จรวดต่อต้านรถถัง PIAT (Projector, Infantry, Anti Tank)
ปืนใหญ่ต่อต้านรถถัง QF 6-pounder Gun
การรบในตัวเมืองที่มีอาคาร ซอกซอย และการตั้งรับที่เตรียมการมาอย่างดี ทำให้Tiger เสียเปรียบ และถูกจัดการไปทีละคัน
Tiger คันนี้ถูกเจ้าปืนต่อต้านรถถัง PIAT ทำลายบริเวณด้านใต้ของเมือง
ในขณะที่Tiger อีกสองคันวิ่งมาตามถนน จอร์ช เคลมองโซ ผ่านใจกลางเมืองมายังรอยต่อถนน ปาสเตอค ก็ถูกยิงจากไฟร์ฟลาย
ในระยะกระชั้นชิด
จุดที่ Tiger สองคันนี้ถูกยิงปัจจุบันจะหาภาพมาสตรีทวิวเปรียบเทียบไม่ได้เเล้วครับ เนื่องจาก พอปลายมิถุนายน
อังกฤษก็ส่งฝูงบิน Avro Lancaster ถล่มเมืองนี้เเบบไม่เหลือซาก
ภาพถ่ายทางอากาศ ในการทิ้งระเบิดถล่ม วิเย โบกาซ มองดีๆจะเห็นฝูงบิน Avro Lancaster อยุ่ท่ามกลางกลุ่มควัน
สภาพเมือง และรถถังTiger ทั้งสองที่ถูกถล่ม
Tiger ของวิทมานก็ได้รับความเสียหายขณะย้อนกลับออกมาทางตะวันออกของเมือง และสละรถออกมาโดยไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างไร
ขณะที่เยอรมันเข้ายึดเมืองคืนได้ Tiger ของวิทมานก็ถูกลากออกมายังพิกัด213 อีกครั้ง อาจจะถูกนำมาใช้เป็นอะไหล่ให้กลับ Tiger คันอื่น
กลับมาที่ตัวเมืองวิเย โบกาซ ต่อมากองกำลังฝ่ายเยอรมันที่มีจำนวนมากกว่า ก็เข้ายึดเมืองคืนได้
ทั้งยังจับทหารอังกฤษเป็นเชลย จากนั้นก็ถูกกวาดต้อนเป็นมุ่งหน้าไปยังเมืองก็อง
หลังจากนั้นวิทมานก็ได้รับรางวัลกางเขนเหล็กชั้นอัศวิน ประดับด้วยกระบี่ไขว้และใบโอ็ค
(knight's cross with oak leaves and swords)
รูปนี้ถ่ายหลังจากวิทมานได้รับเหรียญกล้าหาญดังกล่าวแล้ว สังเกตุจากเหรียญที่ห้อยคอ
ตัวเขาเองก็ได้รับโอกาสให้กลับมาเป็นครูฝึกในโรงเรียนรถถัง แต่เขาเลือกที่จะกลับมายังนอร์มังดี
ในวันที่ 8 สิงหาคม 1944 เวลาประมาณ 12.45 น. วิทมานพร้อมหน่วยของเขาอีกสามคัน ก็เคลื่อนที่เพื่อจะเข้าโจมตีเมืองเป้าหมาย
แต่เขาหาได้รู้ไม่ว่ามีทั้งกองร้อยรถถังของทั้งแคนาดา(สามเหลี่ยมแดง) และอังกฤษ(วงกลมเหลือง)ตั้งหน่วยอยู่ในชัยภูมิที่ได้เปรียบรอบๆ
เส้นทางของเขาพอดี
เมื่อรถถัง Firefly เห็นว่ารถถัง Tiger(สี่เหลี่ยมดำ) เข้าสู่ระยะยิงแล้ว จึงระดมยิงเข้าใส่ Tiger ทันที
จากนั้นรถถัง Firfly ของแคนาดาก็ยิงใส่ Tiger คันหนึ่งที่อยู่นอกระยะยิงของ Firefly อังกฤษ
ซักครูหนึ่งกระสุนที่เก็บไว้ใน Tiger 007 คันนั้นเกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง ส่งผลให้ป้อมปืนกระเด็นหลุดออกมานอนหงายอยู่ข้างๆลำตัวรถ
หลังเหตุการณ์ มีผู้พยามยามตรวจสอบ เพราะเชื่อว่าหนึ่งในนั้นเป็นพยัคฆ์ร้ายวิทมาน
ผลการเทียบกับประวัติทำฟัน พบว่าหนึ่งในนั้นเป็นวิทมานจริงๆ เนื่องจากวิทมานใส่ฟันปลอมที่ฮิตเลอร์ให้หมอประจำตัวทำให้
หลังจากศึกบาบาร์รอสซาร์ ที่รัสเซีย
การรบครั้งนี้ถือเป็นการปิดฉากความกล้าหาญของเขาที่อายุสามสิบปี
ร่างของวิทมานและผู้ร่วมรบของเขาถูกฝังไว้ที่สุสาน La Cambe
จบบริบูรณ์
ขอบคุณคุณ jeune-maman ที่เขียนการอ่านออกเสียงคำศัพท์ฝรั่งเศสให้ครับ
และขอบคุณแหล่งข้อมูลต่างๆ
http://www.strijdbewijs.nl/uitbraak/wittmanneng.htm
http://en.wikipedia.org/wiki/Joe_Ekins
http://www.panzerace.net/english/pz_bio.asp?page=7
http://www.strijdbewijs.nl/normandie1/home.htm
http://www.strijdbewijs.nl/uitbraak/bocage2eng.htm
http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=401844
ต่อไปคาดว่าจะนำเสนอวีรกรรมเสืออากาศไทยบ้าง มีอยู่หลายท่านทีเดียว แต่คงพึ่งพาสตรีทวิวไม่ได้แล้วครับ
เนื่องจากในไทยยังมีไม่กี่จังหวัดเอง อาจต้องหาแนวทางอื่นมาใช้ในการเล่าเรื่อง ขอเวลาซักพักครับ