วันนี้ขอแถมอีกกระทู้ครับ เมื่อเดือนก่อนทำลากิจไปต่างประเทศ คือ พาน้องสาวแฟนไปส่งเข้าเรียนปอโทที่มหาลัยเซาท์แฮมป์ตัน ที่ประเทศอังกฤษ (หลังจากผมไม่ได้กลับมาอังกฤษกว่า 10 ปี หลังเรียนจบปอเอก) เลยได้มีโอกาสระหว่างที่สาวๆ ไปชอปปิ้งกัน แอบไปเดินเล่นที่่ Natural History Museum หรือ พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาศาสตร์ แถวย่าน Kensington มหานครลอนดอน ของประเทศอังกฤษ ... เลยเอารูปมาฝากให้ชมกันครับ
ใครๆ ที่อยู่สายชีววิทยา หรือชอบธรรมชาติ ถ้าไปเที่ยวลอนดอน แล้วอยากเข้าพิพิธภัณฑ์หรือแกลลารีหรือที่เที่ยวต่างๆ ที่ไม่ต้องเสียตังค์ ซึ่งหาได้ยากมากนั้น นอกจาก British Museum และ National Gallary แล้วก็ขอแนะนำให้ไปเที่ยว Natural History Museum ครับ นั่งรถไฟใต้ดินสาย District line หรือ Circle line แล้วมาขึ้นพื้นดินที่สถานี South Kensington เดินอีกนิดหน่อย ก็จะถึงตึกโบราณ สุดอลังการ นี้ครับ
เดินเข้าไปจะเจอ petrified wood หรือไม้กลายเป็นหิน ตั้งอยู่ด้านนอก สวยดีครับ (บ้านเราก็มีเยอะ แถวโคราช แต่ไม่ค่อยเอามาตั้งโชว์สวยๆ อย่างนี้)
เดินเข้าไปด้านในของพิพิธภัณฑ์ (ซึ่งเข้าฟรีจนถึง 5 โมงเย็น) ก็จะเจอเจ้าไดโนเสาร์พันธุ์กินพืชตัวนี้ ยืนต้อนรับอยู่
ภาพนี้ถ่ายจากมุมสูงอีกด้าน ในเห็นว่าพอเดินเข้าไปในตึกแล้ว (ซึ่งใหญ่โตและสวยงามมากๆ ) จะเจอบันไดทางขึ้นชั้นสอง ซึ่งมีรูปปั้นสีขาว ของปรมาจารย์ Charles Darwin ไอดอลของผม ตั้งตระง่านอยู่โดดเด่นเป็นสง่า (ส่วนช่องซ้ายขวาที่ชั้นล่างนั้น จะนำไปสู่พิพิธภัณฑ์แสดงในส่วนต่างๆ )
ใครๆ ไปที่นั้น ก็ต้องไปขอถ่ายกับ ลุงดาร์วิน ... นับว่าเป็น ฮีโร่ คนสำคัญคนหนึ่งของประเทศอังกฤษทีเดียว
ทนไม่ไหว ขอถ่ายรูปตัวเองกับลุงดาร์วินซักรูปเถอะ แห่ะๆ
เมื่อเดินขึ้นตามบันไดไปชั้นสอง แยกด้านหนึ่งจะนำไปสู่ส่วนแสดงเกี่ยวกับวิวัฒนาการของมนุษย์ (น่าสนใจที่ ถึงแม้ว่าประเทศอังกฤษจะนับถือคริสต์เป็นหลัก แต่คนของเค้าไม่ได้ anti เรื่องวิวัฒนาการเหมือนกับทางฝั่งอเมริกา) ส่วนอีกด้านหนึ่งก็เป็นตู้แสดงเกี่ยวกับบ้านของดาร์วินที่ชื่อว่า Down House (ซึ่งผม ไปเที่ยวในวันถัดมา)
ช่วงนี้ทาง Natural History Museum ได้จัดนิทรรรศการพิเศษที่ชั้นสองด้วย แบบว่าเอาขอหายากหลายๆ อย่างที่ทาง museum เก็บไว้ (บางอัน เป็นร้อยๆ ปี) และมีบทบาทสำคัญต่อการศึกษาทางชีววิทยาและวิวัฒนาการเป็นอย่างมาก ออกมาตั้งให้ดูในห้องพิเศษด้วย
อย่างอันแรก นี้คือ หนังสือ Origin of Species ของดาร์วิน ฉบับพิมพ์ครั้งแรก !! เลยครับ (ผมอยากได้มากๆ แต่ได้ข่าวว่าราคาประมูลใน ebay นี่เป็นล้านแล้ว) สภาพดีมากๆ
อันนี้เป็นกล่องแมลงจากเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ (แถวบ้านเรานี่แหล่ะ) ที่เก็บโดยพ่อหนุ่ม Alfred Russel Wallace ซึ่งเป็นคนสำคัญที่กระตุ้นให้ ลุงดาร์วิน เกิดแรงฮึด ลุกขึ้นมาเขียนหนังสือ Origin ตอนจะหกสิบแล้ว
นกพิราบของดาร์วิน ใครเห็นคงจะงงว่ามันสำคัญอย่างไร จริงๆ สำคัญมาก คือ ตอนที่ดาร์วินทำการทดลองเพื่อพิสูจน์ว่า นกพิราบหลายๆ สายพันธุ์หน้าตาต่างกัน เป็นเพราะคนเราคัดพันธุ์มันขึ้นมา (ถ้าเอาไปต้มจนเหลือแต่กระดูก มันจะออกมาหน้าตาเหมือนกันหมด) ดังนั้น ธรรมชาติ ก็สามารถจะคัดพันธุ์สิ่งมีชีวิตจนหน้าตาต่างกันได้เช่นกัน ... ที่มาของทฤษฎี natural selection ครับ
นกประหลาดที่สูญพันธุ์ไปแล้วเพราะฝีมือมนุษย์ ทราบมั้ยว่ามันคือนกอะไร .... เฉลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้นกโดโด้
ซากฟอสซิลสำคัญ ที่บอกถึงความเชื่อมโยงระหว่างสัตว์เลื้อยคลาน วิวัฒนาการกลายเป็น นก มันคือ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อาร์คีออฟเธอริกซ์
ซากฟอสซิลอีกอันหนึ่ง ที่เป็นตัวเปลี่ยนมุมมองของเราต่อสัตว์เลื้อยคลานไปเลย ว่ามันก็เคยยิ่งใหญ่จนครอบครองโลกได้ในอดีต นี่คือกระดูกฟันของไดโนเสาร์ตัวแรกที่มีการขุดค้นพบ ชื่อว่า อีกัวโนดอน (ตอนแรก เค้าดันเข้าใจกันว่ามันเป็น นอ )
ฟอสซิลหัวกระโหลกบรรพบุรุษของมนุษย์ ขออภัยที่จำไม่ได้แล้วว่าหัวของสปีชีส์ไหน แต่ดูจากหน้าตาก็น่าจะอยู่ในสกุล Homo แล้วนะ
นก Great Auk สตั๊ฟ เป็นนกอีกชนิดที่สูญพันธุ์ไปแล้วด้วยน้ำมือมนุษย์ ดูแล้วน่าจะเป็นญาติกับนกเพนกวิน
พอออกจากห้องแสดงพิเศษนี้ เดินตามทางเดินไปรอบๆ ชั้นสอง (ซึ่งไม่ค่อยมีอะไร) ดันไปเจอรูปปั้นสำคัญอีกรูป ซ่อนอยู่ด้านหลัง
เป็นรูปปั้นของ Richard Owen ครับ เห็นแล้วอดขำไม่ได้ คือ โอเว่น เนี่ยเป็นนักกายวิภาคศาสตร์ที่เก่งมากๆ ในยุคของดาร์วิน และเป็นคนเริ่มก่อตั้ง museum นี้ด้วยซ้ำ แต่เถียงกับดาร์วินมาตลอดเนื่องจากแกเชื่อมั่นในศาสนามาก จนยอมรับความคิดเรื่องวิวัฒนาการไม่ได้เลย
ที่ขำก็เพราะเมื่อก่อนรูปปั้นนี้ (ตอนผมมาครั้งแรก นานมาแล้ว) ตั้งอยู่บันไดด้านหน้าตรงที่รูปปั้นดาร์วินอยู่ตอนนี้แหล่ะ อยู่มานานมากๆๆๆ จนกระทั่งไม่นานมานี้ที่ผู้บริหาร museum ย้ายแกมาซ่อนไว้แถวนี้ แล้วเอารูปป๋าดาร์วินไปไว้ตรงนั้นแทน
เดินต่อไปอีกหน่อย เป็นต้นไม้ยักษ์ ที่เค้าเอามาวางให้ดูวงปี เทียบกับเหตุการณ์ต่างๆ
ชั้นสองไม่ค่อยมีอะไรให้ดูแล้ว เพราะเป็นส่วนที่นักวิจัยเค้าทำงานกัน (ตอนนี้มีตึกวิจัยใหม่ด้านหลังด้วย แต่เข้าไปไม่ได้) เลยกลับลงมาเดินชั้นล่างซึ่งมีร้านขายของ (ไปเลือกซื้อหนังสือ ดาร์วิน อยู่ตั้งนาน) ร้านอาหาร และก็ส่วนแสดงต่างๆ ทั้งที่เป็นส่วนแสดงถาวรของสัตว์ต่างๆ ทั่วโลก และก็ส่วนนิทรรศการพิเศษ ซึ่งตอนนี้มีเรื่องไดโนเสาร์อยู่
พาเดินดูตัวอย่างแปลกๆ รอบโถงกลางก่อน ... มีซากฟอสซิลและซากดองของบรรพบุรุษสัตว์ต่างๆ เช่น (เรียงตามนี้) บรรพบุรุษของตัวอาร์มาดิลโล บรรพบุรุษของสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ปลาซิลาแคน์ซึ่งเป็นปลาโบราณ ตัวสล็อธยักษ์
ที่เจ๋งๆ ตรงทางเดินชั้นล่างนี้อีกอย่าง ก็คือ การเอาซากฟอสซิลสัตว์เลื้อยคลานโบราณที่เป็นสัตว์น้ำ มาแปะฝาผนัง แสดงไว้ด้วย ตื่นตาตื่นใจผมมากเพราะเคยได้แต่เรียนในตำรา นี่มาเห็นของจริงๆ เลย แถมเต็มฝาผนังไปหมดด้วย
ตัวอย่างก็เช่น (เรียงตามลำดับ) เพลสซิโอซอรัส (เป็นไดโนเสาร์ที่อยู่ในน้ำ) อิกไทโอซอรัส (สัตว์เลื้อยคลานตัวคล้ายปลา แต่ตาโตมาก) จรเข้โบราณ
สองรูปนี้ ให้ดูเทียบกับขนาดของคน จะเห็นว่าตัวใหญ่ทีเดียว กินคนทีเดียวเต็มปากแน่
ความจริง ส่วนแสดงที่เด่นๆ ของทาง meseum เค้า ก็คือสัตว์สตั๊ฟจากประเทศเขตร้อน ซึ่งก็คือบ้านเราน่ะแหล่ะ เลยไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่ แต่ชอบตรงที่เค้ามีการจัดเครื่องมือเครื่องไม้ให้เล่นได้มากมาย เช่น ทดลองฟังเสียงสัตว์แปลกๆ
เลยวนไปมาตามห้องสัตว์ต่างๆ ของตึกอย่างรวดเร็ว แล้วเดินแยกไปอีกฟากของตึกชั้นล่างพบว่ามีนิทรรศการ ไดโนเสาร์ พอดี เลยเข้าไปดูดีกว่า
เค้าจัดได้ดีมากๆ อีกแล้ว มีซากฟอสซิลไดโนเสาร์ต่างๆ พร้อมทั้งความรู้ประกอบให้ชวนคิด เช่น มันเดินได้ยังไง หัวใจมันสูบฉีดเลือดพอได้ยังไง เสียงไดโนเสาร์จะเป็นอย่างไร หรือแม้แต่ภาพยนต์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับไดโนเสาร์ ก็เอามาให้ดู
รู้จักกันบ้างมั้ยครับว่ามันชื่ออะไรกันบ้าง
ตัวสุดท้ายนี้คงรู้จักชื่อกันดี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ที เร็กซ์ เป็นแบบหุ่นยนต์ ขยับได้ ร้องได้ เด็กฝรั่งชอบกันมาก
สำหรับ Natural History Museum ก็คงจะพอประมาณนี้ ... ก็จะขอแถมด้วยภาพที่ไปเยี่ยมบ้านของลุงดาร์วินมาให้ดูกันด้วยครับ
บ้านเค้าชื่อว่า Down House อยู่นอกเมืองลอนดอน ต้องนั่งรถไฟ (รถไฟจริงๆ นะ ไม่ใช่รถไฟใต้ดิน) จากสถานี Waterloo (ถ้าจำไม่ผิด) ข้ามเมืองออกจากลอนดอน ไปย่านนอกเมืองที่เรียกว่า Bromley South เสร็จแล้วไปต่อรถเมล์ (ซึ่งเดี๋ยวนี้ขึ้นได้สะดวกมาก จากการที่ซื้อตั๋วแบบเติมเงิน Oyster Card สำหรับใช้ได้ทั้งรถเมล์และรถไฟใต้ดิน) ที่หน้าสถานี ไปลงป้าย Downe Church แล้วเดินตามลูกศรบอกทางไปบ้านดาร์วินอีกที
บ้านดาร์วินนี้ อยู่ในเครือของ English Heritage ซึ่งถ้าเรามีบัตรสมาชิกรายปี ก็สามารถเข้าได้ฟรีเลย (รวมถึงที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์อื่นๆ ในเขต England ด้วย ถ้าไปสก็อตแลนด์ ก็ต้องสมัคร Scottish Heritage แทน) ค่าเข้าตั้ง 10 ปอนด์ (เกือบ 450 บาท) แต่ไม่รุ้เค้าดูยังไง คนขายตั๋วเค้านึกว่าผมเป็น พ่อ ของน้องสาวแฟน เลยกลายเป็นซื้อตั๋วราคาครอบครัวแทน ได้ลดราคาไปจมเลยครับ (แต่แสดงว่าฉันหน้าแก่ล่ะซิเนี่ย หึๆ)
บ้านเค้าสวยมากๆ ครับ มีสวนอยู่ข้างนอกกว้างเชียว และก็เปิดให้ดูห้องข้างใน โดยมีทั้งนิทรรศการประวัติชาร์ล ดาร์วิน และคำบรรยายในหูฟังว่า ลุงแกทำอะไร อยู่ตรงไหนของบ้านบ้าง .... แต่ต้องขออภัยที่เค้าห้ามถ่ายรูปภายในทั้งหมด เลยไม่มีรูปมาฝากให้ดูกัน (ถ้าใครอยากดู ผมก็ทำได้แค่เอาภาพประกอบจากหนังสือที่ซื้อมา ให้ดูแทนครับ)
ขอจบกระทู้เพียงแค่นี้ หวังว่าคงจะทำให้อยากไปเที่ยวแสวงบุญ ตามรอย ดาร์วิน อย่างผมบ้างนะครับ
พาไปเที่ยว Natural History Museum ที่ London (แถม บ้าน Charles Darwin)
ใครๆ ที่อยู่สายชีววิทยา หรือชอบธรรมชาติ ถ้าไปเที่ยวลอนดอน แล้วอยากเข้าพิพิธภัณฑ์หรือแกลลารีหรือที่เที่ยวต่างๆ ที่ไม่ต้องเสียตังค์ ซึ่งหาได้ยากมากนั้น นอกจาก British Museum และ National Gallary แล้วก็ขอแนะนำให้ไปเที่ยว Natural History Museum ครับ นั่งรถไฟใต้ดินสาย District line หรือ Circle line แล้วมาขึ้นพื้นดินที่สถานี South Kensington เดินอีกนิดหน่อย ก็จะถึงตึกโบราณ สุดอลังการ นี้ครับ
เดินเข้าไปจะเจอ petrified wood หรือไม้กลายเป็นหิน ตั้งอยู่ด้านนอก สวยดีครับ (บ้านเราก็มีเยอะ แถวโคราช แต่ไม่ค่อยเอามาตั้งโชว์สวยๆ อย่างนี้)
เดินเข้าไปด้านในของพิพิธภัณฑ์ (ซึ่งเข้าฟรีจนถึง 5 โมงเย็น) ก็จะเจอเจ้าไดโนเสาร์พันธุ์กินพืชตัวนี้ ยืนต้อนรับอยู่
ภาพนี้ถ่ายจากมุมสูงอีกด้าน ในเห็นว่าพอเดินเข้าไปในตึกแล้ว (ซึ่งใหญ่โตและสวยงามมากๆ ) จะเจอบันไดทางขึ้นชั้นสอง ซึ่งมีรูปปั้นสีขาว ของปรมาจารย์ Charles Darwin ไอดอลของผม ตั้งตระง่านอยู่โดดเด่นเป็นสง่า (ส่วนช่องซ้ายขวาที่ชั้นล่างนั้น จะนำไปสู่พิพิธภัณฑ์แสดงในส่วนต่างๆ )
ใครๆ ไปที่นั้น ก็ต้องไปขอถ่ายกับ ลุงดาร์วิน ... นับว่าเป็น ฮีโร่ คนสำคัญคนหนึ่งของประเทศอังกฤษทีเดียว
ทนไม่ไหว ขอถ่ายรูปตัวเองกับลุงดาร์วินซักรูปเถอะ แห่ะๆ
เมื่อเดินขึ้นตามบันไดไปชั้นสอง แยกด้านหนึ่งจะนำไปสู่ส่วนแสดงเกี่ยวกับวิวัฒนาการของมนุษย์ (น่าสนใจที่ ถึงแม้ว่าประเทศอังกฤษจะนับถือคริสต์เป็นหลัก แต่คนของเค้าไม่ได้ anti เรื่องวิวัฒนาการเหมือนกับทางฝั่งอเมริกา) ส่วนอีกด้านหนึ่งก็เป็นตู้แสดงเกี่ยวกับบ้านของดาร์วินที่ชื่อว่า Down House (ซึ่งผม ไปเที่ยวในวันถัดมา)
ช่วงนี้ทาง Natural History Museum ได้จัดนิทรรรศการพิเศษที่ชั้นสองด้วย แบบว่าเอาขอหายากหลายๆ อย่างที่ทาง museum เก็บไว้ (บางอัน เป็นร้อยๆ ปี) และมีบทบาทสำคัญต่อการศึกษาทางชีววิทยาและวิวัฒนาการเป็นอย่างมาก ออกมาตั้งให้ดูในห้องพิเศษด้วย
อย่างอันแรก นี้คือ หนังสือ Origin of Species ของดาร์วิน ฉบับพิมพ์ครั้งแรก !! เลยครับ (ผมอยากได้มากๆ แต่ได้ข่าวว่าราคาประมูลใน ebay นี่เป็นล้านแล้ว) สภาพดีมากๆ
อันนี้เป็นกล่องแมลงจากเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ (แถวบ้านเรานี่แหล่ะ) ที่เก็บโดยพ่อหนุ่ม Alfred Russel Wallace ซึ่งเป็นคนสำคัญที่กระตุ้นให้ ลุงดาร์วิน เกิดแรงฮึด ลุกขึ้นมาเขียนหนังสือ Origin ตอนจะหกสิบแล้ว
นกพิราบของดาร์วิน ใครเห็นคงจะงงว่ามันสำคัญอย่างไร จริงๆ สำคัญมาก คือ ตอนที่ดาร์วินทำการทดลองเพื่อพิสูจน์ว่า นกพิราบหลายๆ สายพันธุ์หน้าตาต่างกัน เป็นเพราะคนเราคัดพันธุ์มันขึ้นมา (ถ้าเอาไปต้มจนเหลือแต่กระดูก มันจะออกมาหน้าตาเหมือนกันหมด) ดังนั้น ธรรมชาติ ก็สามารถจะคัดพันธุ์สิ่งมีชีวิตจนหน้าตาต่างกันได้เช่นกัน ... ที่มาของทฤษฎี natural selection ครับ
นกประหลาดที่สูญพันธุ์ไปแล้วเพราะฝีมือมนุษย์ ทราบมั้ยว่ามันคือนกอะไร .... เฉลย [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ซากฟอสซิลสำคัญ ที่บอกถึงความเชื่อมโยงระหว่างสัตว์เลื้อยคลาน วิวัฒนาการกลายเป็น นก มันคือ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ซากฟอสซิลอีกอันหนึ่ง ที่เป็นตัวเปลี่ยนมุมมองของเราต่อสัตว์เลื้อยคลานไปเลย ว่ามันก็เคยยิ่งใหญ่จนครอบครองโลกได้ในอดีต นี่คือกระดูกฟันของไดโนเสาร์ตัวแรกที่มีการขุดค้นพบ ชื่อว่า อีกัวโนดอน (ตอนแรก เค้าดันเข้าใจกันว่ามันเป็น นอ )
ฟอสซิลหัวกระโหลกบรรพบุรุษของมนุษย์ ขออภัยที่จำไม่ได้แล้วว่าหัวของสปีชีส์ไหน แต่ดูจากหน้าตาก็น่าจะอยู่ในสกุล Homo แล้วนะ
นก Great Auk สตั๊ฟ เป็นนกอีกชนิดที่สูญพันธุ์ไปแล้วด้วยน้ำมือมนุษย์ ดูแล้วน่าจะเป็นญาติกับนกเพนกวิน
พอออกจากห้องแสดงพิเศษนี้ เดินตามทางเดินไปรอบๆ ชั้นสอง (ซึ่งไม่ค่อยมีอะไร) ดันไปเจอรูปปั้นสำคัญอีกรูป ซ่อนอยู่ด้านหลัง
เป็นรูปปั้นของ Richard Owen ครับ เห็นแล้วอดขำไม่ได้ คือ โอเว่น เนี่ยเป็นนักกายวิภาคศาสตร์ที่เก่งมากๆ ในยุคของดาร์วิน และเป็นคนเริ่มก่อตั้ง museum นี้ด้วยซ้ำ แต่เถียงกับดาร์วินมาตลอดเนื่องจากแกเชื่อมั่นในศาสนามาก จนยอมรับความคิดเรื่องวิวัฒนาการไม่ได้เลย
ที่ขำก็เพราะเมื่อก่อนรูปปั้นนี้ (ตอนผมมาครั้งแรก นานมาแล้ว) ตั้งอยู่บันไดด้านหน้าตรงที่รูปปั้นดาร์วินอยู่ตอนนี้แหล่ะ อยู่มานานมากๆๆๆ จนกระทั่งไม่นานมานี้ที่ผู้บริหาร museum ย้ายแกมาซ่อนไว้แถวนี้ แล้วเอารูปป๋าดาร์วินไปไว้ตรงนั้นแทน
เดินต่อไปอีกหน่อย เป็นต้นไม้ยักษ์ ที่เค้าเอามาวางให้ดูวงปี เทียบกับเหตุการณ์ต่างๆ
ชั้นสองไม่ค่อยมีอะไรให้ดูแล้ว เพราะเป็นส่วนที่นักวิจัยเค้าทำงานกัน (ตอนนี้มีตึกวิจัยใหม่ด้านหลังด้วย แต่เข้าไปไม่ได้) เลยกลับลงมาเดินชั้นล่างซึ่งมีร้านขายของ (ไปเลือกซื้อหนังสือ ดาร์วิน อยู่ตั้งนาน) ร้านอาหาร และก็ส่วนแสดงต่างๆ ทั้งที่เป็นส่วนแสดงถาวรของสัตว์ต่างๆ ทั่วโลก และก็ส่วนนิทรรศการพิเศษ ซึ่งตอนนี้มีเรื่องไดโนเสาร์อยู่
พาเดินดูตัวอย่างแปลกๆ รอบโถงกลางก่อน ... มีซากฟอสซิลและซากดองของบรรพบุรุษสัตว์ต่างๆ เช่น (เรียงตามนี้) บรรพบุรุษของตัวอาร์มาดิลโล บรรพบุรุษของสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ปลาซิลาแคน์ซึ่งเป็นปลาโบราณ ตัวสล็อธยักษ์
ที่เจ๋งๆ ตรงทางเดินชั้นล่างนี้อีกอย่าง ก็คือ การเอาซากฟอสซิลสัตว์เลื้อยคลานโบราณที่เป็นสัตว์น้ำ มาแปะฝาผนัง แสดงไว้ด้วย ตื่นตาตื่นใจผมมากเพราะเคยได้แต่เรียนในตำรา นี่มาเห็นของจริงๆ เลย แถมเต็มฝาผนังไปหมดด้วย
ตัวอย่างก็เช่น (เรียงตามลำดับ) เพลสซิโอซอรัส (เป็นไดโนเสาร์ที่อยู่ในน้ำ) อิกไทโอซอรัส (สัตว์เลื้อยคลานตัวคล้ายปลา แต่ตาโตมาก) จรเข้โบราณ
สองรูปนี้ ให้ดูเทียบกับขนาดของคน จะเห็นว่าตัวใหญ่ทีเดียว กินคนทีเดียวเต็มปากแน่
ความจริง ส่วนแสดงที่เด่นๆ ของทาง meseum เค้า ก็คือสัตว์สตั๊ฟจากประเทศเขตร้อน ซึ่งก็คือบ้านเราน่ะแหล่ะ เลยไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่ แต่ชอบตรงที่เค้ามีการจัดเครื่องมือเครื่องไม้ให้เล่นได้มากมาย เช่น ทดลองฟังเสียงสัตว์แปลกๆ
เลยวนไปมาตามห้องสัตว์ต่างๆ ของตึกอย่างรวดเร็ว แล้วเดินแยกไปอีกฟากของตึกชั้นล่างพบว่ามีนิทรรศการ ไดโนเสาร์ พอดี เลยเข้าไปดูดีกว่า
เค้าจัดได้ดีมากๆ อีกแล้ว มีซากฟอสซิลไดโนเสาร์ต่างๆ พร้อมทั้งความรู้ประกอบให้ชวนคิด เช่น มันเดินได้ยังไง หัวใจมันสูบฉีดเลือดพอได้ยังไง เสียงไดโนเสาร์จะเป็นอย่างไร หรือแม้แต่ภาพยนต์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับไดโนเสาร์ ก็เอามาให้ดู
รู้จักกันบ้างมั้ยครับว่ามันชื่ออะไรกันบ้าง
ตัวสุดท้ายนี้คงรู้จักชื่อกันดี [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เป็นแบบหุ่นยนต์ ขยับได้ ร้องได้ เด็กฝรั่งชอบกันมาก
สำหรับ Natural History Museum ก็คงจะพอประมาณนี้ ... ก็จะขอแถมด้วยภาพที่ไปเยี่ยมบ้านของลุงดาร์วินมาให้ดูกันด้วยครับ
บ้านเค้าชื่อว่า Down House อยู่นอกเมืองลอนดอน ต้องนั่งรถไฟ (รถไฟจริงๆ นะ ไม่ใช่รถไฟใต้ดิน) จากสถานี Waterloo (ถ้าจำไม่ผิด) ข้ามเมืองออกจากลอนดอน ไปย่านนอกเมืองที่เรียกว่า Bromley South เสร็จแล้วไปต่อรถเมล์ (ซึ่งเดี๋ยวนี้ขึ้นได้สะดวกมาก จากการที่ซื้อตั๋วแบบเติมเงิน Oyster Card สำหรับใช้ได้ทั้งรถเมล์และรถไฟใต้ดิน) ที่หน้าสถานี ไปลงป้าย Downe Church แล้วเดินตามลูกศรบอกทางไปบ้านดาร์วินอีกที
บ้านดาร์วินนี้ อยู่ในเครือของ English Heritage ซึ่งถ้าเรามีบัตรสมาชิกรายปี ก็สามารถเข้าได้ฟรีเลย (รวมถึงที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์อื่นๆ ในเขต England ด้วย ถ้าไปสก็อตแลนด์ ก็ต้องสมัคร Scottish Heritage แทน) ค่าเข้าตั้ง 10 ปอนด์ (เกือบ 450 บาท) แต่ไม่รุ้เค้าดูยังไง คนขายตั๋วเค้านึกว่าผมเป็น พ่อ ของน้องสาวแฟน เลยกลายเป็นซื้อตั๋วราคาครอบครัวแทน ได้ลดราคาไปจมเลยครับ (แต่แสดงว่าฉันหน้าแก่ล่ะซิเนี่ย หึๆ)
บ้านเค้าสวยมากๆ ครับ มีสวนอยู่ข้างนอกกว้างเชียว และก็เปิดให้ดูห้องข้างใน โดยมีทั้งนิทรรศการประวัติชาร์ล ดาร์วิน และคำบรรยายในหูฟังว่า ลุงแกทำอะไร อยู่ตรงไหนของบ้านบ้าง .... แต่ต้องขออภัยที่เค้าห้ามถ่ายรูปภายในทั้งหมด เลยไม่มีรูปมาฝากให้ดูกัน (ถ้าใครอยากดู ผมก็ทำได้แค่เอาภาพประกอบจากหนังสือที่ซื้อมา ให้ดูแทนครับ)
ขอจบกระทู้เพียงแค่นี้ หวังว่าคงจะทำให้อยากไปเที่ยวแสวงบุญ ตามรอย ดาร์วิน อย่างผมบ้างนะครับ