พอเดินลงมาจากบันไดทางขวามือจะเป็น Blue Zone ซึ่งจะเป็นโซนเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม วาฬขนาดยักใหญ่ และอีกมากมาย โซนนี้ถือได้ว่าน่าตื่นตาตื่นใจกว่าโซนอื่นๆเลยค่ะ
พอหมดจาก Blue Zone ก็เข้าสู่ Orange Zone ซึ่งเป็น Darwin Centre และ Wildlife Garden ค่ะ แต่ในส่วนนี้เราไม่ได้เข้า ออกมาจากตัวพิพิธภันฑ์แล้วก็เดินชมวิวรอบๆ แวะทานไอศกรีม ก่อนจะไปต่อกันที่ Science Museum ซึ่งอยู่ติดๆกันเลย
รอบๆก็จะมีตึกสวยๆมากมาย รวมทั้งถ้าเดินไปอีกนิดก็จะเจอกับ Imperial College อันโด่งดังของลอนดอน
หลังจากนั้นก็มาต่อกันที่ Science Museum ซึ่งคนน้อยมากๆ ภายในก็จะมีนิทรรศการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นวิวัฒนาการข้าวของเครื่องใช้ รถโบราณ จรวด หรือสารคดีนักวิทยาศาสตร์คนดังหลายๆคน
โดยรวมถ้าเทียบกันแล้ว Natural History Museum จะน่าสนใจและเหมาะสำหรับเด็กๆมากกว่า เพราะ Science Museum จะเน้นหลักการวิทยาศาสตร์จริงๆจังๆ
พอเดินเสร็จก็เริ่มเย็นซะแล้ว ทำให้ไปต่อ British Museum ไม่ทัน เลยตัดสินใจกลับที่พักเลยดีกว่า
เด็ก 15 แบกเป้พาพ่อแม่เที่ยวอังกฤษ!!! [PART 5 : Natural History Museum]
[PART 1 : Introduction & Essentials] >>> http://ppantip.com/topic/35369241
[PART 2 : Westminster + London Eye] >>> http://ppantip.com/topic/35373958
[PART 3 : Covent Garden + Soho] >>> http://ppantip.com/topic/35382267
[PART 4 : Portobello Market + Trafalgar Square] >>> http://ppantip.com/topic/35385803
[PART 5 : Natural History Museum] >>> http://ppantip.com/topic/35423767
[PART 6 : Buckingham Palace] >>> http://ppantip.com/topic/35443028
Day 4 : South Kensington, Natural History Museum, Science Museum
เนื่องจากวันนี้เป็นวันอาทิตย์ ร้านรวงบางแห่งจะปิด ทำให้ตัดสินใจที่จะมาชมพิพิธภัณฑ์แทน เดินทางง่ายๆโดยรถไฟสายสีเขียว (District Line) ลงสถานี South Kensington เพียง 2 สถานีจากที่พัก (Earl’s Court) พอมาถึงเดินตามป้ายทางออก Natural History Museum มาเลย พอออกมาก็จะพบกับคิวอันยาวเหยียดที่มารอเข้าชม โดยส่วนใหญ่จะเป็นครอบครัวที่มีเด็กๆทั้งนั้น ถ้าเลือกได้ขอแนะนำให้มาวันธรรมดาดีกว่าค่ะ
เราตัดสินใจไปหาของกินก่อนเพราะคิดว่ากลับมาคิวอาจจะสั้นลง โดยเลือกๆทานร้านเครปชื่อดังของย่านนี้อย่าง The Kensington Crêperie มีทั้งเมนูเครปคาวและหวาน ร้านหาง่ายมากๆ ถ้าขึ้นมาจากสถานีรถไฟ ร้านอยู่ทางด้านขวามือซึ่งแถวนั้นจะมีอาหารให้เลือกทานหลายร้าน มองไปจะเห็นได้เลย หน้าร้านมีผ้าใบสีเขียวเด่นชัดเจน
จานแรกสั่งเป็น Countryside Crêpe ซึ่งเป็นเครปคาว ข้างในเป็นไก่และผัก อร่อยมากๆ เครปกรอบกำลังดี ราคาประมาณ 8.50 ปอนด์ ถือว่าไม่แพงมากค่ะ คุ้มค่ามาก
ต่อมาเป็นเครปหวานกันบ้าง เราสั่งมาสองอย่าง อันแรกคือ Summer Fruit Crêpe ซึ่งอร่อยอีกเหมือนกัน ครีมไม่หวานมาก เบอร์รี่เปรี้ยวได้ใจจริงๆ
และเมนูสุดท้ายเป็นแบบสั่งเองที่ไม่มีในเมนูค่ะ ใส่กล้วย สตอเบอร์รี่ ไอศกรีมช็อคโกแลต และราดซอสช็อคโกแลต ตัวเครปนุ่มมากเหมือนอันที่แล้ว อร่อยถูกใจจริงๆ คุ้มค่ามากๆ
พอกินอิ่มเรียบร้อยก็เดินกลับไปด้าน Natural History Museum ปรากฎว่าแถวยาวกว่าเดิมอีก เลยตัดสินใจต่อคิวเลยก่อนที่จะมากไปกว่านี้ แถวยาวสุดๆไปเลย รอคิวประมาณเกือบๆชั่วโมงครึ่งได้ ในที่สุดก็ได้เข้า (ไม่เสียค่าเข้าชมนะคะ) ภายในจะมีทั้งหมด 4 โซน
เข้าไปก็จะเจอกับบันไดเลื่อนอันโด่งดั่งที่ขึ้นไปสู่โซนแรก Red Zone โดยโซนนี้จะเกี่ยวกับโลก ไม่ว่าจะเป็นการกำเนิดโลก พัฒนาการมนุษย์ ภูเขาไฟ แผ่นดินไหว
ต่อมาก็จะเป็น Green Zone โซนนี้จะมีตู้โชว์สัตว์ต่างๆเช่น นกหลายๆสายพันธ์ แมลงชนิดต่างๆ ปลา และสัตว์อีกนานาชนิดค่ะ
ถัดมาจะเป็นไฮไลท์ของที่นี่ ซึ่งนั่นก็คือไดโนเสาร์ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลาง Central Hall ส่วนนี้จะคนถ่ายรูปกันค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว
มองเลยไดโนเสาร์ไปจะมีบันไดอยู่ เดินขึ้นไปก็จะพบกับรูปปั้นสีขาวของท่าน Charles Darwin นั่งอยู่
เดินขึ้นไปอีกนิดจะเจอนิทรรศการอยู่ด้านบนอีก และมีรูปปั้นเจ้ากอลลิร่าตัวนนี้อยู่ด้วย
พอเดินลงมาจากบันไดทางขวามือจะเป็น Blue Zone ซึ่งจะเป็นโซนเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม วาฬขนาดยักใหญ่ และอีกมากมาย โซนนี้ถือได้ว่าน่าตื่นตาตื่นใจกว่าโซนอื่นๆเลยค่ะ
ต่อมาก็จะเป็นส่วนไดโนเสาร์ ส่วนนี้จะมีข้อมูลเกี่ยวกับไดโนเสาร์มากมาย คนจะเยอะหน่อย (โดยเฉพาะเด็กๆ)
ในส่วนไดโนเสาร์นั้น สองตัวนี้จะคนมุงเยอะพิเศษเพราะมันขยับได้!!!!
พอหมดจาก Blue Zone ก็เข้าสู่ Orange Zone ซึ่งเป็น Darwin Centre และ Wildlife Garden ค่ะ แต่ในส่วนนี้เราไม่ได้เข้า ออกมาจากตัวพิพิธภันฑ์แล้วก็เดินชมวิวรอบๆ แวะทานไอศกรีม ก่อนจะไปต่อกันที่ Science Museum ซึ่งอยู่ติดๆกันเลย
รอบๆก็จะมีตึกสวยๆมากมาย รวมทั้งถ้าเดินไปอีกนิดก็จะเจอกับ Imperial College อันโด่งดังของลอนดอน
หลังจากนั้นก็มาต่อกันที่ Science Museum ซึ่งคนน้อยมากๆ ภายในก็จะมีนิทรรศการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นวิวัฒนาการข้าวของเครื่องใช้ รถโบราณ จรวด หรือสารคดีนักวิทยาศาสตร์คนดังหลายๆคน
โดยรวมถ้าเทียบกันแล้ว Natural History Museum จะน่าสนใจและเหมาะสำหรับเด็กๆมากกว่า เพราะ Science Museum จะเน้นหลักการวิทยาศาสตร์จริงๆจังๆ
พอเดินเสร็จก็เริ่มเย็นซะแล้ว ทำให้ไปต่อ British Museum ไม่ทัน เลยตัดสินใจกลับที่พักเลยดีกว่า
ขอจบตอนนี้เพียงเท่านี้ เจอกันตอนหน้าค่ะ!
All the love. xx
Sympathetic Unicorn