การเงิน - การลงทุน : ถนนนักลงทุน
วันที่ 15 กรกฎาคม 2556 01:00
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
เปิดเคล็ด (ไม่) ลับ เรื่องลงทุน "ณัฐฑี จุฑาวรากุล" แห่ง “คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส” รักมาก!! ต้องยกให้ “เรื่องหุ้นๆ” พอร์ตไม่ใหญ่แค่ 8 หลัก
“อายุน้อยไม่ใช่อุปสรรค หากความตั้งใจเกินร้อย
“ณัฐ” ณัฐฑี จุฑาวรากุล สาวสวยวัย 28 ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส” ลูกสาวคนกลาง จากจำนวนพี่น้อง 3 คน ของ “วิชัย จุฑาวรากุล” เจ้าของกลุ่มห้างทองเจียบเซ่งเฮง เชื่อมั่นเช่นนั้น!!
“ทองคำซึมอยู่ในสายเลือด เกิดมาก็เจอทองแล้ว!!”
ทายาทรุ่น 3 ดีกรี เกียรตินิยมอันดับ 2 ปริญญาตรี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเกียรตินิยมอันดับ 2 ปริญญาโท The ICMA Centre, Henley Business School,University of Reading MSc International Securities, Investment and Banking (วิทยาศาสตร์ บัณฑิต สาขาการลงทุนและการธนาคาร) พยายามบอกความรอบรู้ในแวดวง “ค้าขายทองคำ” ที่มีมานานตั้งแต่ สมัย “คุณปู่” สานต่อมาถึง “รุ่นคุณพ่อ” ให้ “กรุงเทพธุรกิจ BizWeek” รับรู้
“ร้านทองตู้แดงๆ” นั่นแหละ “จุดเริ่มต้น” ในการทำธุรกิจทองคำของ “ตระกูลจุฑาวรากุล” ค้าขายทองรูปพรรณไม่นาน เริ่มเห็นพัฒนาการของอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป นักลงทุนหลายรายเริ่มสนใจลงทุนทองคำมากขึ้น คุณพ่อจึงตัดสินใจขยับขยายกิจการ ด้วยการเปิด “คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส”
เมื่ออุตสาหกรรมทองคำมีหน้าตาเปลี่ยนไป เราก็เข้าสู่ระบบซื้อขายทองคำ ด้วยระบบออนไลน์ “ฉันนี่แหละผู้บุกเบิก” เธอบอก
วันนี้ร้านทองแห่งนี้มีทุกอย่าง “ครบครัน” ทุกขั้นตอนเชื่อมโยงผ่านอินเทอร์เน็ต ใช้งานได้แบบเรียลไทม์ ระบบงานลักษณะนี้ทำให้เราสามารถขยายฐานลูกค้าได้กว้างมากขึ้น ปฎิเสธไม่ได้ว่าคนสมัยใหม่นิยมความสะดวกรวดเร็ว ไม่ว่าจะอยู่แห่งไหนของโลก คุณก็สามารถดูข้อมูลเกี่ยวกับทองคำได้ง่ายๆ “ครบเครื่อง” ว่างั้น...
“ทำธุรกิจต้องไม่หยุดนิ่ง”
นี่คือ “คำสอนเด็ดของพ่อ” เธอพูดประโยคนี้ทุกครั้งที่มีคนถาม ก่อนจะขยายความว่า ท่านบอกเสมอว่า เมื่อใดที่เราหยุดนิ่ง ก็เหมือนนับถอยหลังเข้าคลอง เราต้องก้าวและพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ
“เรานิ่งคนอื่นๆไม่ได้นิ่งด้วย” เทคโนโลยีต่างๆพร้อมเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดูง่ายๆเมื่อก่อนเราซื้อขายเพียงทองรูปพรรณ และทองคำแท่ง ผ่านมาวันนี้รูปแบบไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ทุกคนสามารถซื้อขายทองคำผ่านออนไลน์ได้ แถมยังแตกหน่อออกมาเป็น โกลด์ฟิวเจอร์ และ กองทุนรวมเปิดอีทีเอฟ (ETF) เป็นต้น รูปแบบผลันแปรไปจากอดีตมากๆ
เมื่อเติบโตมากบน “โลกแห่งการค้า” ก็ไม่แปลกที่จะชื่นชอบการลงทุน “สาวเก่ง” เล่าว่า รักการลงทุนมาตั้งแต่สมัยเป็นเด็กน้อย แม่สอนให้รู้จักการ “ออมเงิน” ท่านจะให้เราเหลือเงินกลับบ้านมาหยอดกระปุกทุกวัน เมื่อเงินเต็มกระปุก ก็จะนำไปฝากแบงก์
“นิสัยรักการออมติดตัวมาแต่เล็กแต่น้อย”
เริ่มลงทุนจริงจัง ช่วงเรียนจบปริญญาโทใหม่ๆ ก่อนหน้านั้นเป็นเด็กเรียน (ยิ้ม) ไม่ค่อยคิดอะไรนอกจากเรียนๆ มีลงทุนบ้างนิดหน่อย จำพวกพันธบัตรรัฐบาล และฝากเงินกินดอกเบี้ยแบงก์ แบบนี้เรียกว่าลงทุนมั้ยเนี่ย!! (หัวเราะ)
เมื่อเรียนจบกลับมาเมืองไทย ก็เริ่มสนใจอยากลงทุนหุ้น แรกๆ พอร์ตก็เล็กๆ แต่ลงทนไปเรื่อยๆ ชัก “สนุก” แถม “กำไร” เริ่มขยายตัวมากขึ้น ปัจจุบันพอร์ตหุ้นน่าจะยืน 8 หลัก
มีความรู้เรื่องหุ้นมั้ย ?!! ตอบเลย ไม่รู้เรื่องเลย แต่โชคดีตรงที่มีความรู้ด้านการเงิน เมื่อความไม่รู้ครอบงำ แต่ใจอยากลงทุน ทำให้ช่วงแรกๆ ตัดสินใจซื้อหุ้นในสัดส่วนเพียง 10-20% เท่านั้น ระหว่างนั้นก็ศึกษาหาความรู้เรื่องหุ้นไปเรื่อยๆ เรียกว่าเดินหน้าหาข้อมูล “หากเราไม่มีความรู้จะไม่กล้าลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง”
“การลงทุนที่ไม่มีความรู้อยู่ในหัวสมอง เปรียบเสมือนการเสี่ยงโชคธรรมดา” ฉะนั้นเมื่อเรามีความรู้มากขึ้น ก็สามารถจำกัดความเสี่ยงให้น้อยลงได้ “โอกาสที่จะได้ก็มีมากกว่าเสีย”
ปัจจุบันแบ่งพอร์ตออกเป็น 2 ส่วน คือ
ลงทุนในตลาดหุ้นเฉลี่ย 60% ที่เหลือจะนำเงินไปซื้อกองทุนต่างๆ หุ้นกู้ และจากธนาคาร แต่ถ้าดูตามอายุของตัวเองแล้ว ยังสามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงได้มากถึง 80-90% แต่ด้วยความรู้และประสบการณ์ที่ยังไม่มากพอ ทำให้ยังไม่ค่อยความกล้า
“ทุกปีผลตอบแทนเฉลี่ยจากการลงทุนจะชนะดัชนี ถือเป็นที่น่าใจ เฉลี่ยน่าจะประมาณ 50%”
ตอนนี้มีหุ้นมากถึง 20 ตัว!! ทำไมเยอะจัง ใครได้ยินคงคิดแบบนั้น “สนุกดี เลือกลมสูบฉีดดีขึ้น” เธอพูดติดตลก หุ้นหนึ่งตัวเราจะให้ความสำคัญเฉลี่ย 5-10% บางคนบอกมีหุ้นน้อยตัวจะได้ดูแลทั่วถึง แต่ทุกตัวที่เราซื้อมาคัดสรรมาดีแล้ว ที่สำคัญใส่ใจรายละเอียดทั่วถึงทุกตัว (ยิ้ม)
ถามว่าใน 20 ตัวมีหุ้นประเภทไหนบ้าง “ถือยาว กินปันผล” จะให้น้ำหนัก 50% หุ้นลักษณะนี้จะปล่อยให้เขาเติบโตไปเรื่อย ส่วนอีก 50% เป็นแบบ “เล่นสั้น” ความเคลื่อนไหวของหุ้นมักขึ้นลงตามสถานการณ์ และกระแสข่าวต่างๆ
กลยุทธ์การลงทุน!! ไม่มีอะไรมาก
ช่วงไหนตลาดหุ้นบูมๆ หุ้นระยะสั้น จะมีสัดส่วนเยอะกว่าปกติ เพราะหุ้นลักษณะนี้จะให้ผลตอบแทนดี เมื่อมีจังหวะและโอกาสก็ควรเข้าไปลงทุน แต่ถ้าตลาดหุ้นไม่ดี ก็จะให้ความสำคัญกับหุ้นพื้นฐาน พอร์ตลงทุนสามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลาขึ้นอยู่กับสถานการณ์รอบด้าน
ก่อนจะซื้อหุ้นสักตัว เราจะเข้าไปดูว่าบริษัทนั้นทำธุรกิจอะไร ธุรกิจนั้นมีทิศทางเป็นอย่างไร ผลประกอบการของเขาหน้าตาดีมั้ย เป้าหมายธุรกิจคืออะไร จากนั้นจะกลับมาคิดต่อว่าจะเข้าไปซื้อลงทุนช่วงไหนดี บางครั้งเพื่อนก็แนะนำหุ้นดีๆ แต่สุดท้ายจะกลับมาทบทวนเองอยู่ดี ถ้าดีจริงใช้เวลาคิดไม่นานหรอก แต่ถ้าต้องซื้อ 2-3 ตัว ในเวลาใกล้ๆกัน มูลค่าลงทุนมันสูง ความเสี่ยงมากขึ้น ลักษณะนั้นต้องคิดนานหน่อย เงินนี่นา!!
“หุ้นอสังหาริมทรัพย์” กลุ่มนี้ชอบมาก!! ที่ผ่านมาไม่เคยทำให้ผิดหวังสักครั้ง ผลตอบแทนระยะยาวอยู่ในเกณฑ์ดีมาก แต่ละปีได้เงินปันผลสม่ำเสมอ ธุรกิจเขาขยายตัวตลอด ฉะนั้นในพอร์ตจะมีหุ้น อสังหาริมทรัพย์ติดตัวตตลอด เรียกว่า “ขาประจำ” ง่ายกว่า (ฮา ฮา)
“สื่อสาร” หุ้นกลุ่มนี้ไม่ค่อยปลื้มเท่าไร ราคาค่อนข้างผันผวน มีข่าวมากมายคอยกดดันราคา เราไม่ค่อยมีเวลาตามข่าวสาร ขอเลือกลงทุนในหุ้นที่ไม่หวือหวา แต่หากมีตัวที่น่าสนใจมากๆ ขอเป็นตัวเล็กๆที่ไม่ต้องติดตามข้อมูลมากมาย น่าจะง่ายกว่า
3 ปี ติด 1 ใน 3
ถามถึงอนาคตของ “คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส”? “นายหญิงน้อย” ตอบว่า จริงๆไม่ได้วางเป้าหมายยาวมาก แต่จะวางเพียงให้เห็นภาพลางๆเท่านั้น หากมองไกลเกินไป ยังไม่ทันจะลงมือทำก็เหนื่อยแล้ว (ยิ้ม)
ในช่วง 3 ปีข้างหน้า อยากเห็น “คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส” เป็นบริษัท “1 ใน 3” ที่นักลงทุนต้องนึกถึงทุกครั้งที่อยากลงทุนทองคำ ที่สำคัญจะพยายามรักษามาร์เก็ตแชร์ตลาดอนุพันธ์ให้อยู่อันดับ 1 ใน 10 หรือมีตัวเลขอยู่ในเกณฑ์ 2 หลัก ความ “ครบเครื่อง” ของเราจะทำให้ “ฝันเป็นจริง”
“จุดแข็ง” ของบริษัทอยู่ที่การซื้อขายทองคำแท่ง ผ่านระบบออนไลน์ เธอย้ำอีกรอบ ระบบของเรามี ความสเถียรภาพ-ปลอดภัย เรียกว่ารวดเร็วสามารถดูราคาทองคำได้แบบเรียลไทม์ ข้อมูลแม่นยำ ลูกค้าที่เป็นสมาชิกสามารถเข้าดูได้ 24 ชั่วโมง แม้ตลาดโกลด์ฟิวเจอร์ในบ้านเราจะไม่ได้ซื้อขายในช่วงเวลานั้นก็ตาม เรายังสามารถพัฒนาระบบให้ดียิ่งๆขึ้นไปอีก
ถามถึงแผนธุรกิจปี 2556? เธอตอบสั้นๆว่า อยากเห็นมาร์เก็ตแชร์ในตลาดอนุพันธ์ระดับ 6% ได้เท่านี้ก็พอใจแล้ว เพราะมีโบรกเกอร์มากถึง 41 ราย ที่ลงมาเล่นในตลาดอนุพันธ์ ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ลึกๆเราเชื่อมั่นว่าลูกค้าจะยอมรับและเดินเข้ามาซื้อขายกับ “คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส” มากขึ้น
เธอ ถือโอกาสวิเคราะห์ราคาทองคำภายในปีนี้ให้ฟังว่า ห
ากมองกรอบใหญ่ๆ ราคาทองคำในช่วงครึ่งปีหลังยังคงเป็นช่วง “ขาลง” โอกาสจะกลับมาเป็น “ขาขึ้น” ยังมองไม่เห็น ประเด็นนี้ต้องยอมรับตรงๆ ถ้าพิจารณาช่วงสั้นๆ ราคายังขึ้นลงอยู่ในกรอบไซด์เวย์
ฉะนั้นสำหรับนักลงทุนที่ชื่นชอบทองคำ แนะนำหาจังหวะ “ทยอยสะสม” ส่วนใครเล็งจะขายก็ควรทยอยขายได้แล้ว ไม่อยากให้นักลงทุนลงทุนทองคำเต็มพอร์ต เพราะราคายังคงผันผวนต่อเนื่อง ดังนั้นควรบริหารพอร์ตให้มีความยืดหยุ่น ถือเป็นการกระจายความเสี่ยง
แม่สั่ง “ออม” พ่อสอน “งาน”ตำราชีวิต “ณัฐฑี จุฑาวรากุล”
วันที่ 15 กรกฎาคม 2556 01:00
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
เปิดเคล็ด (ไม่) ลับ เรื่องลงทุน "ณัฐฑี จุฑาวรากุล" แห่ง “คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส” รักมาก!! ต้องยกให้ “เรื่องหุ้นๆ” พอร์ตไม่ใหญ่แค่ 8 หลัก
“อายุน้อยไม่ใช่อุปสรรค หากความตั้งใจเกินร้อย
“ณัฐ” ณัฐฑี จุฑาวรากุล สาวสวยวัย 28 ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส” ลูกสาวคนกลาง จากจำนวนพี่น้อง 3 คน ของ “วิชัย จุฑาวรากุล” เจ้าของกลุ่มห้างทองเจียบเซ่งเฮง เชื่อมั่นเช่นนั้น!!
“ทองคำซึมอยู่ในสายเลือด เกิดมาก็เจอทองแล้ว!!”
ทายาทรุ่น 3 ดีกรี เกียรตินิยมอันดับ 2 ปริญญาตรี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเกียรตินิยมอันดับ 2 ปริญญาโท The ICMA Centre, Henley Business School,University of Reading MSc International Securities, Investment and Banking (วิทยาศาสตร์ บัณฑิต สาขาการลงทุนและการธนาคาร) พยายามบอกความรอบรู้ในแวดวง “ค้าขายทองคำ” ที่มีมานานตั้งแต่ สมัย “คุณปู่” สานต่อมาถึง “รุ่นคุณพ่อ” ให้ “กรุงเทพธุรกิจ BizWeek” รับรู้
“ร้านทองตู้แดงๆ” นั่นแหละ “จุดเริ่มต้น” ในการทำธุรกิจทองคำของ “ตระกูลจุฑาวรากุล” ค้าขายทองรูปพรรณไม่นาน เริ่มเห็นพัฒนาการของอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป นักลงทุนหลายรายเริ่มสนใจลงทุนทองคำมากขึ้น คุณพ่อจึงตัดสินใจขยับขยายกิจการ ด้วยการเปิด “คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส”
เมื่ออุตสาหกรรมทองคำมีหน้าตาเปลี่ยนไป เราก็เข้าสู่ระบบซื้อขายทองคำ ด้วยระบบออนไลน์ “ฉันนี่แหละผู้บุกเบิก” เธอบอก
วันนี้ร้านทองแห่งนี้มีทุกอย่าง “ครบครัน” ทุกขั้นตอนเชื่อมโยงผ่านอินเทอร์เน็ต ใช้งานได้แบบเรียลไทม์ ระบบงานลักษณะนี้ทำให้เราสามารถขยายฐานลูกค้าได้กว้างมากขึ้น ปฎิเสธไม่ได้ว่าคนสมัยใหม่นิยมความสะดวกรวดเร็ว ไม่ว่าจะอยู่แห่งไหนของโลก คุณก็สามารถดูข้อมูลเกี่ยวกับทองคำได้ง่ายๆ “ครบเครื่อง” ว่างั้น...
“ทำธุรกิจต้องไม่หยุดนิ่ง”
นี่คือ “คำสอนเด็ดของพ่อ” เธอพูดประโยคนี้ทุกครั้งที่มีคนถาม ก่อนจะขยายความว่า ท่านบอกเสมอว่า เมื่อใดที่เราหยุดนิ่ง ก็เหมือนนับถอยหลังเข้าคลอง เราต้องก้าวและพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ
“เรานิ่งคนอื่นๆไม่ได้นิ่งด้วย” เทคโนโลยีต่างๆพร้อมเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดูง่ายๆเมื่อก่อนเราซื้อขายเพียงทองรูปพรรณ และทองคำแท่ง ผ่านมาวันนี้รูปแบบไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ทุกคนสามารถซื้อขายทองคำผ่านออนไลน์ได้ แถมยังแตกหน่อออกมาเป็น โกลด์ฟิวเจอร์ และ กองทุนรวมเปิดอีทีเอฟ (ETF) เป็นต้น รูปแบบผลันแปรไปจากอดีตมากๆ
เมื่อเติบโตมากบน “โลกแห่งการค้า” ก็ไม่แปลกที่จะชื่นชอบการลงทุน “สาวเก่ง” เล่าว่า รักการลงทุนมาตั้งแต่สมัยเป็นเด็กน้อย แม่สอนให้รู้จักการ “ออมเงิน” ท่านจะให้เราเหลือเงินกลับบ้านมาหยอดกระปุกทุกวัน เมื่อเงินเต็มกระปุก ก็จะนำไปฝากแบงก์
“นิสัยรักการออมติดตัวมาแต่เล็กแต่น้อย”
เริ่มลงทุนจริงจัง ช่วงเรียนจบปริญญาโทใหม่ๆ ก่อนหน้านั้นเป็นเด็กเรียน (ยิ้ม) ไม่ค่อยคิดอะไรนอกจากเรียนๆ มีลงทุนบ้างนิดหน่อย จำพวกพันธบัตรรัฐบาล และฝากเงินกินดอกเบี้ยแบงก์ แบบนี้เรียกว่าลงทุนมั้ยเนี่ย!! (หัวเราะ)
เมื่อเรียนจบกลับมาเมืองไทย ก็เริ่มสนใจอยากลงทุนหุ้น แรกๆ พอร์ตก็เล็กๆ แต่ลงทนไปเรื่อยๆ ชัก “สนุก” แถม “กำไร” เริ่มขยายตัวมากขึ้น ปัจจุบันพอร์ตหุ้นน่าจะยืน 8 หลัก
มีความรู้เรื่องหุ้นมั้ย ?!! ตอบเลย ไม่รู้เรื่องเลย แต่โชคดีตรงที่มีความรู้ด้านการเงิน เมื่อความไม่รู้ครอบงำ แต่ใจอยากลงทุน ทำให้ช่วงแรกๆ ตัดสินใจซื้อหุ้นในสัดส่วนเพียง 10-20% เท่านั้น ระหว่างนั้นก็ศึกษาหาความรู้เรื่องหุ้นไปเรื่อยๆ เรียกว่าเดินหน้าหาข้อมูล “หากเราไม่มีความรู้จะไม่กล้าลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง”
“การลงทุนที่ไม่มีความรู้อยู่ในหัวสมอง เปรียบเสมือนการเสี่ยงโชคธรรมดา” ฉะนั้นเมื่อเรามีความรู้มากขึ้น ก็สามารถจำกัดความเสี่ยงให้น้อยลงได้ “โอกาสที่จะได้ก็มีมากกว่าเสีย”
ปัจจุบันแบ่งพอร์ตออกเป็น 2 ส่วน คือ ลงทุนในตลาดหุ้นเฉลี่ย 60% ที่เหลือจะนำเงินไปซื้อกองทุนต่างๆ หุ้นกู้ และจากธนาคาร แต่ถ้าดูตามอายุของตัวเองแล้ว ยังสามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงได้มากถึง 80-90% แต่ด้วยความรู้และประสบการณ์ที่ยังไม่มากพอ ทำให้ยังไม่ค่อยความกล้า
“ทุกปีผลตอบแทนเฉลี่ยจากการลงทุนจะชนะดัชนี ถือเป็นที่น่าใจ เฉลี่ยน่าจะประมาณ 50%”
ตอนนี้มีหุ้นมากถึง 20 ตัว!! ทำไมเยอะจัง ใครได้ยินคงคิดแบบนั้น “สนุกดี เลือกลมสูบฉีดดีขึ้น” เธอพูดติดตลก หุ้นหนึ่งตัวเราจะให้ความสำคัญเฉลี่ย 5-10% บางคนบอกมีหุ้นน้อยตัวจะได้ดูแลทั่วถึง แต่ทุกตัวที่เราซื้อมาคัดสรรมาดีแล้ว ที่สำคัญใส่ใจรายละเอียดทั่วถึงทุกตัว (ยิ้ม)
ถามว่าใน 20 ตัวมีหุ้นประเภทไหนบ้าง “ถือยาว กินปันผล” จะให้น้ำหนัก 50% หุ้นลักษณะนี้จะปล่อยให้เขาเติบโตไปเรื่อย ส่วนอีก 50% เป็นแบบ “เล่นสั้น” ความเคลื่อนไหวของหุ้นมักขึ้นลงตามสถานการณ์ และกระแสข่าวต่างๆ
กลยุทธ์การลงทุน!! ไม่มีอะไรมาก ช่วงไหนตลาดหุ้นบูมๆ หุ้นระยะสั้น จะมีสัดส่วนเยอะกว่าปกติ เพราะหุ้นลักษณะนี้จะให้ผลตอบแทนดี เมื่อมีจังหวะและโอกาสก็ควรเข้าไปลงทุน แต่ถ้าตลาดหุ้นไม่ดี ก็จะให้ความสำคัญกับหุ้นพื้นฐาน พอร์ตลงทุนสามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลาขึ้นอยู่กับสถานการณ์รอบด้าน
ก่อนจะซื้อหุ้นสักตัว เราจะเข้าไปดูว่าบริษัทนั้นทำธุรกิจอะไร ธุรกิจนั้นมีทิศทางเป็นอย่างไร ผลประกอบการของเขาหน้าตาดีมั้ย เป้าหมายธุรกิจคืออะไร จากนั้นจะกลับมาคิดต่อว่าจะเข้าไปซื้อลงทุนช่วงไหนดี บางครั้งเพื่อนก็แนะนำหุ้นดีๆ แต่สุดท้ายจะกลับมาทบทวนเองอยู่ดี ถ้าดีจริงใช้เวลาคิดไม่นานหรอก แต่ถ้าต้องซื้อ 2-3 ตัว ในเวลาใกล้ๆกัน มูลค่าลงทุนมันสูง ความเสี่ยงมากขึ้น ลักษณะนั้นต้องคิดนานหน่อย เงินนี่นา!!
“หุ้นอสังหาริมทรัพย์” กลุ่มนี้ชอบมาก!! ที่ผ่านมาไม่เคยทำให้ผิดหวังสักครั้ง ผลตอบแทนระยะยาวอยู่ในเกณฑ์ดีมาก แต่ละปีได้เงินปันผลสม่ำเสมอ ธุรกิจเขาขยายตัวตลอด ฉะนั้นในพอร์ตจะมีหุ้น อสังหาริมทรัพย์ติดตัวตตลอด เรียกว่า “ขาประจำ” ง่ายกว่า (ฮา ฮา)
“สื่อสาร” หุ้นกลุ่มนี้ไม่ค่อยปลื้มเท่าไร ราคาค่อนข้างผันผวน มีข่าวมากมายคอยกดดันราคา เราไม่ค่อยมีเวลาตามข่าวสาร ขอเลือกลงทุนในหุ้นที่ไม่หวือหวา แต่หากมีตัวที่น่าสนใจมากๆ ขอเป็นตัวเล็กๆที่ไม่ต้องติดตามข้อมูลมากมาย น่าจะง่ายกว่า
3 ปี ติด 1 ใน 3
ถามถึงอนาคตของ “คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส”? “นายหญิงน้อย” ตอบว่า จริงๆไม่ได้วางเป้าหมายยาวมาก แต่จะวางเพียงให้เห็นภาพลางๆเท่านั้น หากมองไกลเกินไป ยังไม่ทันจะลงมือทำก็เหนื่อยแล้ว (ยิ้ม)
ในช่วง 3 ปีข้างหน้า อยากเห็น “คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส” เป็นบริษัท “1 ใน 3” ที่นักลงทุนต้องนึกถึงทุกครั้งที่อยากลงทุนทองคำ ที่สำคัญจะพยายามรักษามาร์เก็ตแชร์ตลาดอนุพันธ์ให้อยู่อันดับ 1 ใน 10 หรือมีตัวเลขอยู่ในเกณฑ์ 2 หลัก ความ “ครบเครื่อง” ของเราจะทำให้ “ฝันเป็นจริง”
“จุดแข็ง” ของบริษัทอยู่ที่การซื้อขายทองคำแท่ง ผ่านระบบออนไลน์ เธอย้ำอีกรอบ ระบบของเรามี ความสเถียรภาพ-ปลอดภัย เรียกว่ารวดเร็วสามารถดูราคาทองคำได้แบบเรียลไทม์ ข้อมูลแม่นยำ ลูกค้าที่เป็นสมาชิกสามารถเข้าดูได้ 24 ชั่วโมง แม้ตลาดโกลด์ฟิวเจอร์ในบ้านเราจะไม่ได้ซื้อขายในช่วงเวลานั้นก็ตาม เรายังสามารถพัฒนาระบบให้ดียิ่งๆขึ้นไปอีก
ถามถึงแผนธุรกิจปี 2556? เธอตอบสั้นๆว่า อยากเห็นมาร์เก็ตแชร์ในตลาดอนุพันธ์ระดับ 6% ได้เท่านี้ก็พอใจแล้ว เพราะมีโบรกเกอร์มากถึง 41 ราย ที่ลงมาเล่นในตลาดอนุพันธ์ ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ลึกๆเราเชื่อมั่นว่าลูกค้าจะยอมรับและเดินเข้ามาซื้อขายกับ “คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส” มากขึ้น
เธอ ถือโอกาสวิเคราะห์ราคาทองคำภายในปีนี้ให้ฟังว่า หากมองกรอบใหญ่ๆ ราคาทองคำในช่วงครึ่งปีหลังยังคงเป็นช่วง “ขาลง” โอกาสจะกลับมาเป็น “ขาขึ้น” ยังมองไม่เห็น ประเด็นนี้ต้องยอมรับตรงๆ ถ้าพิจารณาช่วงสั้นๆ ราคายังขึ้นลงอยู่ในกรอบไซด์เวย์ ฉะนั้นสำหรับนักลงทุนที่ชื่นชอบทองคำ แนะนำหาจังหวะ “ทยอยสะสม” ส่วนใครเล็งจะขายก็ควรทยอยขายได้แล้ว ไม่อยากให้นักลงทุนลงทุนทองคำเต็มพอร์ต เพราะราคายังคงผันผวนต่อเนื่อง ดังนั้นควรบริหารพอร์ตให้มีความยืดหยุ่น ถือเป็นการกระจายความเสี่ยง