[กระทู้มุงกองทุน] วันหยุด เสาร์ที่ 20 กรกฎาคม 2556

กระทู้คำถาม

ค่าเงินภูมิภาค

ตลาดหุ้นภูมิภาค

ดอกเบี้ยพันธบัตรเมกา 10 ปี


1.set week +1.94% ขึ้นมาเป็นอาทิตย์ที่สอง หลังจากตกลงมา 20.48%
ตอนนี้ขึ้นมาจากจุดต่ำสุดเหลือครึ่งทาง 10.90%
แต่จากการที่สมาคมนักวิเคราะห์ปรับเป้า set เหลือ 1569 จุด ทำให้เหลืออัพไซด์แค่ 5.88%

2.วันนี้เพิ่มช่อง อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลเมกา อายุ 10 ปี ที่ลุงเบน พูดว่า
ถึงแม้อัตราการว่างงานต่ำกว่า 6.5% ก็จะไม่เพิ่มดอกเบี้ย เพราะเฟดทำ qe เพื่อกดลงมาต่ำสุดที่ 1.625%
ก่อนที่จะมาพูดเมื่อวันที่ 21 พ.ค. ว่าจะลด qe และทำให้เงินไหลกลับ
วันที่ 22 พ.ค. ดอกเบี้ยกระโดดขึ้นมาที่ 2.04% หรือขึ้นมา 15.62%
พอลุงมาพูดซ้ำอีกครั้งวันที่ 19 มิ.ย. ดอกเบี้ยอยู่ที่ 2.414% ขึ้นมา 30.91%
และขึ้นมาถึงจุดสูงสุดคือวันที่ 5 ก.ค. คือ 2.739% ขึ้นมา 40.66%
ลุงเริ่มอยู่ไม่ไหว ต้องออกมาแตะเบรค ในวันที่ 10 ก.ค. ต่างชาติเริ่มกลับมาซื้อหุ้นไทย และดัชนีดีดขึ้นในวันที่ 11 ก.ค. 4.22%
สองอาทิตย์ที่ลุงเบน ออกมาพูด อัตราดอกเบี้ย 10 ปี ลดลงอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้อยู่ที่ 2.48%
(ดอกเบี้ยเมกา 10 ปี เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4%)

3.ค่าเงินบาท อาทิตย์ที่ผ่านมาก็ขึ้นๆ ลงๆ อยู่ที่ 31.04 บาท
  3.1 ผมอ่านเจอในหนังสือ ลงทุนถูกนิสัยยังไงก็ชนะ ตอนที่ โซรอส โจมตีต่าเงินบาท เมื่อปี 40
ตอนนั้นประเทศไทยค่าเงินคงที่ อยู่ที่ 25 บาท แต่ค่าเงินที่ควรจะเป็นคือ 32 บาท
เมื่อโซรอสโจมตี ประเทศไทยประเมินว่าไม่น่าลงเกิน 32 บาท แต่ตลาดมักจะดี หรือร้ายเกินจริงเสมอ
สุดท้ายลงไปที่ 50 บาท/ดอลล่าร์ ทำให้เกิด ต้มยำกุ้ง
  3.2 ตอนวิกฤติ แฮมเบอร์เกอร์ ค่าเงินบาท ตกไปที่ 36 บาท และเริ่มแข็งค่ามาเรื่อยๆ จนปี 09
มาอยู่ที่ 32 บาท และหุ้นก็เริ่มกลับตัวขึ้น และค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาตลอด
(สรปุเลยว่า ค่าเงินบาทที่เหมาะสมควรจะเป็น 32 บาท ตอนนี้แข็งนิดๆ)

4.ทองคำเริ่มคงที่แล้ว แต่ไม่น่าลงทุน เพราะคงขึ้นได้ไม่มาก น่าจะปีละ 4-5%

5.ต่างชาติเริ่มแอบกลับมาซื้อตราสารหนี้ ขณะที่หุ้นชะลอการซื้อลงจนมาขายสุทธิในวันสุดท้าย

เมื่อวาน แบงค์ชาติ ออกมาปรับ gdp เหลือ 4.2%

ส่งออก คงลำบากเพราะจีนชะลอตัว และปัญหาเรื่องการส่งออกข้าว
การบริโภคภายในประเทศ ชะลอตัวเพราะคนมีหนี้มากขึ้นจึงใช้จ่ายน้อยลง
ลงทุนภาคเอกชน ก็ชะลอตัวเพราะค่าแรง ที่เห็นจากกรณี สหฟาร์ม
ลงทุนภาครัฐ เหลืออีกแค่ไตรมาสเดียวที่จะเบิกจ่าย (งบราชการ สิ้นสุดเดือนกันยายน)

สรุป
1.ผมยังคิดว่า qe ลดแน่ ปลายปีนี้ หรืออย่างช้า ต้นปีหน้า
2.คิดว่าจะแบ่งพอร์ต ไปลงที่ กองทุนญี่ปุ่นบ้างสักเล็กน้อย เพราะญี่ปุ่นยังมีเป้าหมายจะทำให้ค่าเงินอ่อนค่าลงอีก
และตัวญี่ปุ่นเองก็มี qe แม้จะเข้าสู่ตลาดเงิน ไม่ได้เข้าตลาดทุนโดยตรง และดัชนีก็ปรับฐานลงมาแล้ว
3.มอง กองทุนเมกา เหมือนกัน อาจจะเปิดบัญชีไว้ก่อน รอให้ลงมาตอน ลด qe แล้วค่อยเข้าไปซื้อ
เพราะคิดว่า ค่าเงินบาทต้องอ่อนค่าลงไปกว่านี้ และหุ้นเมกาต้องปรับฐาน
(ส่วนกองทุนไหนดี ใครทราบช่วยแชร์ด้วยครับ)

**ผิดพลาดตรงไหนขออภัยด้วย เพราะเป็นเม่าเหมือนกันครับ เม่าอ่านหนังสือพิมพ์
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
ขอบคุณคุณภูตน้อยค่ะ
    
หยุดสามวัน  อ่านเยอะๆ นะคะ

http://ppantip.com/topic/30742454

ส่วนตัว  ไม่อยากสนับสนุนให้ลงทุนต่างประเทศนะคะ  โดยเฉพาะมือใหม่  มันมีปัจจัยหลายอย่างมากที่ต้องมองค่ะ

1. ส่วนมากบลจ.ไทย มักเปิดกองต่างปท. ตอนที่ดัชนีต่างปท. ขึ้นมาค่อนข้างสูงแล้ว  ดังนั้นเหลืออัพไซด์ไม่มาก
และก็ยังค่อนข้างผันผวนด้วย   ไม่ว่าญี่ปุ่น จีน  เหมือนกันหมด  เวลาปรับฐานขึ้นลงที  500 -700 จุด

2. เราอยู่ไกลข่าวสาร  ดังนั้นตัดสินใจลำบาก  ไม่ค่อยทันกาล    เวลาก็ไม่ตรงกัน  ตลาดญี่ปุ่นปิด 14.00 น.เมืองไทย
จีนปิด 15.00 น.เมืองไทยค่ะ  บลจ.ต่างๆ มักให้ซื้อขายเร็วกว่านั้นเข้าไปอีก

3. ค่าธรรมเนียมซื้อขายกองพวกนี้ค่อนข้างสูง  

4. หลายๆ บลจ.ไม่มีการประกันค่าเงิน  ดังนั้นราคาผันผวนหนักขึ้นไปอีก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่