สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เมื่อวันที่ 19 ก.ค.ว่า สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ได้ดำเนินคดีหญิงสาวชาวนอร์เวย์รายหนึ่ง โดยจำคุกเธอเป็นเวลา 16 เดือน ในข้อหากระทำผิดกฎหมาย มีความสัมพันธ์นอกการสมรส ภายหลังเธอได้แจ้งความว่า เธอถูกข่มขืนในเมืองดูไบ แต่ทางการยูเออีมองว่าเธอโกหก
รายงานระบุว่า ก่อนหน้านี้ หญิงสาวดังกล่าว ซึ่งมีอายุ 25 ปี ได้เดินทางมายังประเทศนี้เพื่อทำธุรกิจ ก่อนจะประสบเหตุถูกข่มขืนในเมืองดูไบ เมื่อเดือน มี.ค.และเธอได้แจ้งความต่อตำรวจ แต่ตำรวจไม่เชื่อเธอ และได้ยึดพาสปอร์ตไว้ พร้อมทั้งจำคุกเธอในข้อหามีความสัมพันธ์นอกการสมรส ก่อนจะอนุญาตให้เธอสามารถใช้โทรศัพท์ได้ โดยเธอได้ติดต่อไปทางครอบครัว และทำให้กงสุลนอร์เวย์สามารถเจรจาเพื่อให้ทางการยูเออีฯ ปล่อยตัวเธอออกมาก่อน ภายใต้การดูแลของโบสถ์นอร์เวย์ ก่อนที่เธอจะถูกพิพากษาจำคุกดังกล่าว
ขณะที่เจ้าตัวกล่าวว่า เธอต้องเจอกับการลงโทษที่รุนแรงจากข้อหาดังกล่าว รวมทั้งในข้อหาดื่มแอลกฮอล์ โดยถูกตัดสินอย่างมีอคติยิ่ง ส่วนนักบวชประจำโบสถ์กล่าวว่า หญิงสาวผู้นี้ต้องเผชิญกับสถานการณ์น่าวิตกมาก เพราะนอร์เวย์และยูเออีฯไม่มีข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดน ทำให้อนาคตของหญิงสาวผู้นี้ไม่แน่นอน และโบสถ์รู้สึกแปลกใจว่าหญิงสาวนอร์เวย์ผู้นี้ควรจะได้ความเป็นธรรมจากเคราะห์ร้ายของเธอ แต่ระบบศาลที่นี่ยึดมั่นกับหลักศาสนาที่เคร่งจารีต
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับหญิงยุโรปที่เดินทางมาสหรัฐอาหรับอิมิเรสต์ และต้องถูกจำคุกแม้ว่าเจ้าตัวจะเผชิญเหตุร้าย โดยเมื่อช่วงต้นปี หญิงสาวออสเตรเลียวัย 27 ปี ก็ถูกตัดสินจำคุก 8 เดือน หลังจากแจ้งความว่าถูกข่มขืน โดยเธอได้ดื่มแอลกฮอลล์ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ก่อนพบว่าตัวเองถูกชาย 3 คน ข่มขืน และเธอได้เดินทางไปโรงพยาบาล แต่ฝ่ายหลังกลับนำตัวเธอส่งให้ตำรวจ และตั้งข้อหาเธอว่ามีความสัมพันธ์นอกการสมรส โดยข้อหานี้ถือเป็นข้อหาร้ายแรงตามกฎหมายหลักจารีต "ชาเรีย" ที่จะเล่นงานแม้กระทั่งหญิงสาวที่ไม่ใช่คู่สมรส แต่จับมือกันในที่สาธารณะ ขณะที่ทางการยูเออีฯจะส่งตัวชาวต่างชาติที่ถูกตัดสินว่ากระทำผิดกลับประเทศทันทีหลังชดใช้โทษครบกำหนด
สลดหญิงยุโรปซวย ถูกยูเออี "สั่งขังคุก" ทั้งที่ตัวเองถูก "ข่มขืน" เผย "รายที่สอง" แล้ว - มติชนออนไลน์
รายงานระบุว่า ก่อนหน้านี้ หญิงสาวดังกล่าว ซึ่งมีอายุ 25 ปี ได้เดินทางมายังประเทศนี้เพื่อทำธุรกิจ ก่อนจะประสบเหตุถูกข่มขืนในเมืองดูไบ เมื่อเดือน มี.ค.และเธอได้แจ้งความต่อตำรวจ แต่ตำรวจไม่เชื่อเธอ และได้ยึดพาสปอร์ตไว้ พร้อมทั้งจำคุกเธอในข้อหามีความสัมพันธ์นอกการสมรส ก่อนจะอนุญาตให้เธอสามารถใช้โทรศัพท์ได้ โดยเธอได้ติดต่อไปทางครอบครัว และทำให้กงสุลนอร์เวย์สามารถเจรจาเพื่อให้ทางการยูเออีฯ ปล่อยตัวเธอออกมาก่อน ภายใต้การดูแลของโบสถ์นอร์เวย์ ก่อนที่เธอจะถูกพิพากษาจำคุกดังกล่าว
ขณะที่เจ้าตัวกล่าวว่า เธอต้องเจอกับการลงโทษที่รุนแรงจากข้อหาดังกล่าว รวมทั้งในข้อหาดื่มแอลกฮอล์ โดยถูกตัดสินอย่างมีอคติยิ่ง ส่วนนักบวชประจำโบสถ์กล่าวว่า หญิงสาวผู้นี้ต้องเผชิญกับสถานการณ์น่าวิตกมาก เพราะนอร์เวย์และยูเออีฯไม่มีข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดน ทำให้อนาคตของหญิงสาวผู้นี้ไม่แน่นอน และโบสถ์รู้สึกแปลกใจว่าหญิงสาวนอร์เวย์ผู้นี้ควรจะได้ความเป็นธรรมจากเคราะห์ร้ายของเธอ แต่ระบบศาลที่นี่ยึดมั่นกับหลักศาสนาที่เคร่งจารีต
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับหญิงยุโรปที่เดินทางมาสหรัฐอาหรับอิมิเรสต์ และต้องถูกจำคุกแม้ว่าเจ้าตัวจะเผชิญเหตุร้าย โดยเมื่อช่วงต้นปี หญิงสาวออสเตรเลียวัย 27 ปี ก็ถูกตัดสินจำคุก 8 เดือน หลังจากแจ้งความว่าถูกข่มขืน โดยเธอได้ดื่มแอลกฮอลล์ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ก่อนพบว่าตัวเองถูกชาย 3 คน ข่มขืน และเธอได้เดินทางไปโรงพยาบาล แต่ฝ่ายหลังกลับนำตัวเธอส่งให้ตำรวจ และตั้งข้อหาเธอว่ามีความสัมพันธ์นอกการสมรส โดยข้อหานี้ถือเป็นข้อหาร้ายแรงตามกฎหมายหลักจารีต "ชาเรีย" ที่จะเล่นงานแม้กระทั่งหญิงสาวที่ไม่ใช่คู่สมรส แต่จับมือกันในที่สาธารณะ ขณะที่ทางการยูเออีฯจะส่งตัวชาวต่างชาติที่ถูกตัดสินว่ากระทำผิดกลับประเทศทันทีหลังชดใช้โทษครบกำหนด