สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เข้าใจหลักการลงทุนแบบ VI ลองอ่านดูนะครับเผื่อจะเป็นประโยชน์กับท่านบ้าง

ขออธิบายหลักการลงทุนแบบวีไอให้สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เข้าใจการลงทุนแบบนี้    ส่วนท่านที่เป็นวีไอพันธุ์แท้ก็อย่าหาว่าผมเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนเลยนะครับ   คิดว่าแชร์ความรู้เพื่อปรับทัศนคติให้กับนักลงทุนมือใหม่ละกันครับ


      การลงทุนแบบวีไอหรือ   VALUE  INVESMENT นั้น  เป็นวิธีการลงทุนอีกรูปแบบหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับนักลงทุนบ้านเรา    โดยผู้ที่ลงทุนแบบ VALUE INVESMENT  เราเรียกพวกเค้าว่า  VALUE INVESTOR   หรือเรียกย่อๆว่า  การลงทุนแบบวีไอ   และนักลงทุนแบบวีไอ นั่นเอง    เพราะฉะนั้นคำว่า VI จึงหมายถึงรูปแบบการลงทุน  และชื่อเรียกประเภทนักลงทุนนะครับ  


      นักลงทุนน้อยคนที่จะศึกษาการลงทุนแบบนี้อย่างแตกฉานเนื่องจากมันต้องใช้ความพยายามค่อนข้างสูง   ผมขออธิบายแบบภาษาบ้านๆให้มือใหม่เข้าใจง่ายๆนะครับว่า  การลงทุนแบบวีไอนั้นคนส่วนใหญ่คิดว่าจะต้องใช้เวลาในการลงทุนยาวนาน หรือถือหุ้นระยะยาวถึงจะเป็นการลงทุนแบบวีไอ     จริงๆแล้วมันมีอะไรมากกว่านั้นครับ   


      การลงทุนแบบวีไอนั้นคือการที่เราซื้อสินค้าต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของมันซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นหุ้นเสมอไปนะครับ     ที่ดิน  บ้านเดี่ยว  ทาวเฮ้าส์  คอนโด   พันธบัตรรัฐบาล  หุ้นกู้  รถยนต์  พระเครื่อง  นาฬิกา  ก็สามารถลงทุนแบบวีไอได้   ถ้าคุณรู้มูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์เหล่านั้น     เช่น     มีคนมาเสนอขายที่ดินแปลงนึงให้กับคุณในราคา ตรว.ละ 300,000 บาท  ในขณะที่คุณรู้อยู่ว่าราคาที่ดินบริเวณนั้นเค้าซื้อขายราคากลางอยู่ที่ประมาณ ตรว.ละ 500,000 บาท   คุณก็รับซื้อเอาไว้ขายต่อเพื่อทำกำไร  หรือคุณเห็นว่าราคาที่ดินแปลงนั้นมีโอกาสที่จะเพิ่มราคาสูงขึ้นได้อีกในอนาคตเพราะรู้ว่าที่ดินบริเวณนั้นมีอยู่จำกัด   และอยู่ในทำเลที่ดี  สามารถสร้างสิ่งปลูกสร้างที่สร้างมูลค่าเพิ่มได้อีกมาก       

         หุ้นก็เช่นกันครับ   โดยมากเราจะพูดถึงหลักการลงทุนแบบวีไอเฉพาะในหุ้นเท่านั้น   แต่ในความเป็นจริงแล้วถ้าคุณเข้าใจหลักการที่แท้จริงของการลงทุนแบบนี้   คุณสามารถใช้วิธีการลงทุนแบบวีไอได้ในสินทรัพย์แทบจะทุกอย่างที่คุณประเมินมูลค่าที่แท้จริงของมันได้และราคาที่คุณลงทุนซื้อนั้นเป็นราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของมัน        

  
       ฟังดูเหมือนง่ายใช่มั๊ยครับ  แต่พอเอามาใช้ในหุ้นแล้วทำไมคนจำนวนน้อยถึงประสบความสำเร็จกับการลงทุนแบบวีไอ  ในขณะที่คนจำนวนมากมักจะบอกว่าตัวเองเป็นวีไอแต่ก็ยังลงทุนแล้วขาดทุนอยู่ร่ำไป       นั่นเพราะคนที่ประสบความสำเร็จเค้าสามารถประเมินมูลค่าหุ้นที่แท้จริงได้  และซื้อหุ้นตัวนั้นได้ในราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของมัน   
    

      การจะทำแบบนั้นได้ก็ต้องหาข้อมูล  วิเคราะห์ข้อมูล  วิเคราะห์งบการเงิน อ่านอนาคตของธุรกิจนั้นๆได้อย่างแตกฉาน   จนเค้ามองเห็นภาพในอนาคตของธุรกิจ(หุ้น)นั้นๆชัดเจนที่เค้าจะซื้อเพื่อลงทุน       ส่วนคนที่ล้มเหลวในการลงทุนแบบวีไอหลักๆก็คือยังซื้อหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงไม่ได้นั่นเองครับ   คนส่วนใหญ่มักจะซื้อหุ้นในราคาที่ไม่รู้มูลค่าที่แท้จริงแล้วหวังจะขายออกไปให้ได้ในราคาสูงกว่าที่ตัวเองซื้อมาเสมอ     ซึ่งตามธรรมชาติมันจะมีราคาเหมาะสมของสิ่งของนั้นๆอยู่เสมอตามหลักดีมานด์และซัพพลาย  

   สิ่งที่วีไอที่ประสบความสำเร็จทำมีอะไรบ้าง   เอาเป็นสิ่งที่ควรจะทำเพื่อหาข้อมูลมาตัดสินใจนะครับ

   1)  การอ่านรายงานทางธุรกิจ เช่น แบบ 56-1 , รายงานประจำปี  เป็นต้น
   2) การวิเคราะห์งบการเงิน   (งบดุล   งบกำไรขาดทุน   งบกระแสเงินสด    งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น    และหมายเหตุประกอบงบการเงิน)    
   3) การไป agm (ประชุมผู้ถือหุ้น)
   4) การไป company visit (เยี่ยมชมกิจการที่เราสนใจจะลงทุนและสอบถามข้อมูลจากผู้บริหารเพื่อประกอบการตัดสินใจ)
   5) การขอข้อมูลสำคัญๆทางธุรกิจหรือติดตามข่าวสารทางธุรกิจจาก IR   
   6)การติดตามข้อมูลข่าวสารของธุรกิจที่เราสนใจจากการไปร่วมงาน opportunity day หรือเรียกสั้นๆว่า  opp day    
   7) การติดตามข่าวสารทางธุรกิจ  ไม่ว่าจะเป็นข่าวสารจากหนังสือพิมพ์  เว็บไซท์เกี่ยวกับหุ้น  หรือข่าวที่บริษัทจดทะเบียนแจ้งอย่างเป็นทางการต่อตลาดหลักทรัพย์ (หาข้อมูลได้ในเว็บตลาดหลักทรัพย์)
   
       จริงๆนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงเค้าทำมากกว่า 7 ข้อนี้อีก   แต่ผมแนะนำทางสายกลางให้สำหรับมือใหม่ก็พอ     เพราะคนที่ประสบความสำเร็จพอร์ทร้อยล้านพันล้าน เค้าทำมากกว่านี้อีกเยอะครับ


     สิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานเบื้องต้นส่วนใหญ่ของคนที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนแบบวีไอ         คนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงทางการลงทุนส่วนใหญ่จะผ่านกระบวนการนี้มาแล้วทั้งนั้น       บางท่านเมื่อขนาดของพอร์ทใหญ่ขึ้นอาจจะเปลี่ยนวิธีการหาข้อมูลจากนี้ไปบ้าง เช่น   เมื่อพอร์ทใหญ่มากๆก็สามารถรวมตัวกันเป็นกลุ่มเพื่อขอทำการเยี่ยมชมกิจการ  หรือแม้แต่ขอพูดคุยกับผู้บริหารบริษัทโดยตรงเพื่อขอข้อมูลทางธุรกิจที่สำคัญๆ  มาประกอบการตัดสินใจลงทุน    เซียนรายใหญ่ของเหล่าวีไอมักจะไปถึงจุดนี้กันแล้ว   

     อีกเรื่องนึงที่ผมลืมกล่าวถึงคือเรื่อง ระยะเวลาของการลงทุน     มีการเข้าใจผิดเสมอว่าการลงทุนแบบวีไอคือ  การซื้อหุ้นแล้วถือยาวๆถึงจะเรียกว่าเป็นวีไอ    ซึ่งมันมีทั้งถูกและผิดนะครับ       การลงทุนแบบวีไอคือการซื้อของต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงและขายเมื่อราคามันมาถึงมูลค่าที่แท้จริง หรือเกินมูลค่าที่แท้จริง    

       ยกตัวอย่างเช่น    เราซื้อหุ้น A ซึ่งเราได้ประเมินมูลค่าอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วพบว่า   มูลค่าที่แท้จริงของมันควรจะราคา  10 บาท   แต่ราคาตลาดในขณะที่เราซื้อคือ 5 บาท   เมื่อเราซื้อมาแล้ว ปรากฏว่ามีข่าวที่เข้ามากระทบกับหุ้นของเราทำให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้น  100% ได้ภายในอาทิตย์เดียว  ซึ่งก็คือราคา 10 บาท  เมื่อเป็นแบบนี้ถ้าคิดตามหลักการลงทุนแบบวีไอเราควรจะขายหุ้นออกไปเพราะราคาหุ้นได้ขึ้นมาถึงมูลค่าที่แท้จริงของมันแล้ว   ทั้งๆที่เราอาจจะซื้อหุ้นตัวนี้ได้เพียงอาทิตย์เดียว เราก็ควรจะขาย      

       เพราะฉะนั้นการลงทุนแบบวีไอไม่ได้บอกว่าต้องถือหุ้นยาวๆเท่านั้นถึงจะเป็นวีไอ     วีไอคือการซื้อต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงและขายเมื่อมันถึงมูลค่าหรือเกินมูลค่าที่แท้จริงครับ      

          อีกตัวอย่างเช่น   รถยนต์มือสองรุ่นหนึ่งซื้อขายกันในราคาตลาดห้าแสนบาท  แต่คุณสามารถหารถรุ่นเดียวกันปีเดียวกันได้ในราคาสามแสนบาท  คุณก็สามารถซื้อเพื่อลงทุนได้   นี่คือหลักการลงทุนของวีไอครับ        ถ้าคุณไม่ถนัดกับหุ้น  เพราะเบื่อที่จะอ่านข้อมูล  เบื่อที่จะวิเคราะห์งบการเงิน  เบื่อที่จะไปประชุมผู้ถือหุ้น และเบื่ออีกหลายอย่างที่เหล่าวีไอเค้าทำๆกัน      คุณก็ควรหาการลงทุนที่เหมาะกับความชอบของคุณเอง    เช่น   บางคนชอบพระเครื่อง  บางคนชอบนาฬิกาข้อมือหรูๆ    บางคนชอบคอนโด  บางคนชอบที่ดิน  บางคนชอบรถยนต์  บางคนชอบบ้านเดี่ยว      


          คุณก็ควรจะหาสิ่งที่ตัวเองชอบและถนัดแล้วลงทุนในสิ่งที่คุณถนัด     บางคนวันหยุดชอบตระเวนดูที่ดิน  หรือชอบไปดูคอนโดโครงการที่เปิดใหม่ๆในทำเลดีๆ    ทุกๆอย่างที่คุณมีความถนัด คุณสามารถนำการลงทุนแบบวีไอไปประยุกต์ใช้ได้ทั้งนั้นครับ        ขอเพียงแต่คุณรู้มูลค่าที่แท้จริงของมัน และซื้อสินทรัพย์นั้นได้ในราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง    คุณก็สามารถเป็นวีไอได้เช่นกันครับ
      

         อีกเรื่องของระยะเวลาการลงทุน   คือการถือหุ้นยาวๆ   ยกตัวอย่างกรณีเดียวกัน   หุ้น A เหมือนกัน  ซื้อมาที่ราคา 5 บาท  ภายในอาทิตย์เดียวราคาขึ้นไป 10 บาท  นักลงทุนวีไอบางคนอาจจะไม่ขาย   ถ้าเค้าเห็นว่าในอนาคตอันใกล้นี้หุ้นบริษัทดังกล่าวกำลังจะขยายงาน หรือลงทุนเพิ่มเติม  ทำให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นได้อีกมาก    เค้าก็อาจจะถือหุ้นตัวนั้นต่อไปก็ได้   ในกรณีนี้คือแล้วแต่มุมมองของแต่ละคนนะครับ


        บางคนมองว่าราคาขึ้นมาถึงมูลค่าที่แท้จริงแล้วก็ขายหุ้นออกไปเพื่อรับรู้กำไร    แต่อีกคนต้นทุนเดียวกันแต่คิดว่าราคาจะไปได้ต่อเพราะบริษัทจะเติบโตได้อีกมาก   ซึ่งจะทำให้หุ้น A  ราคา under value ได้อีกมากในอนาคต เค้าก็อาจจะถือหุ้นตัวนั้นต่อไป        อันนั้นอยู่ที่มุมมองของนักลงทุนแต่ละคนแล้วครับ      คงบอกว่าถูกหรือผิดไม่ได้    ในระยะยาวนักลงทุนวีไอเชื่อว่าราคาจะสะท้อนออกมาตามผลประกอบการเสมอ     แต่ในระยะสั้นราคาจะผันผวนไปตามอารมณ์และข่าวสารในตลาด      คนที่ลงทุนระยะสั้นเราจึงเรียกเค้าว่าเป็นนักเก็งกำไร     และคนที่ลงทุนระยะยาวเราจึงเรียกพวกเค้าเป็นนักลงทุนครับ    


หมายเหตุ    หุ้นวีไอไม่มีนะครับ   มีแต่ การลงทุนแบบวีไอ ครับ    เพราะหุ้นทุกตัวสามารถมีราคาเกินมูลค่าของมันได้เสมอ  แต่การลงทุนแบบวีไอคือการซื้อของสิ่งนั้นในราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของมันเสมอครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่