จขกท.ขอแจ้งว่านี่เป็นกระทู้ต่อเนื่องนะคะ สำหรับเพื่อนๆ ที่เคยเข้ามาอ่าน ขอแจ้งว่า จขกท.ทนไม่ไหวอยากเขียนเลยเขียนต่อ
สำหรับท่านที่เข้ามาใหม่ กระทู้นี้ลงของเก่าให้ลองอ่านด้วยค่ะ
เรื่องที่ลงยังไม่ได้เป็นรูปแบบนิยายสมบูรณ์นะคะ แต่เป็นคล้ายๆ โครงเรื่องใหญ่ที่ใส่รายละอียดลงไปแล้ว
เมื่อวิไลรัมภา...คือนางเอก (๖)
เมื่อหลายปีก่อนในงานฉลองพิธีรับกระบี่ของคุณชายรณพีร์ วิไลรัมภาเป็นเด็กสาวที่เพิ่งออกจากรั้วโรงเรียน เธอเพียงอยากจะให้คู่เต้นรำในการออกงานสังคมครั้งแรกเป็นพี่ชายพีร์ แต่เขาหาทางหลีกเลี่ยงทุกอย่าง ที่จริงชายหนุ่มไม่ได้รังเกียจน้องสาวจากวังเทวพรหมที่เขาเล่นด้วยมาตั้งแต่เด็กเพราะวัยใกล้เคียงกันที่สุด แต่เพราะสัญญาระหว่างสองวังที่ทำให้พอยิ่งโตผู้ใหญ่ยิ่งจับคู่ คนทั่วไปยิ่งจับตามอง เมื่อเป็นหนุ่มรณพีร์จึงเริ่มต่อต้านด้วยการผลักไสน้องรัมภาให้ห่างจากตัว
แต่ความจริงเบื้องหลังอีกอย่างที่ทำให้คืนนั้นรณพีร์ปฏิบัติกับเด็กสาวอย่างเย็นชา มีที่มาจากตัวสอดแทรกอย่างนายปารัญ...พระเอกของวิไลรัมภานั่นเอง
ความที่สองเสืออากาศหนุ่มขับเคี่ยวกันมาสูสี ปารัญกับรณพีร์จึงกลายเป็นตัวแทนการช่วงชิงความเป็นเลิศระหว่างสายเลือดผู้ดีเก่ากับทายาทเศรษฐีใหม่ไปโดยปริยาย
ยิ่งในคืนสำคัญเช่นนี้ เพื่อนทั้งรุ่นต่างแอบลุ้นแอบจับตามองว่าคู่ควงของสองนายทหารที่โดดเด่นที่สุดของรุ่นอย่างหม่อมราชวงศ์รณพีร์ จุฑาเทพกับนายปารัญ สุภาริญ งานนี้...สาวของใครจะเฉิดฉายกว่ากัน
แต่คู่ควงของรณพีร์เล่นเอาร้องเอ้อเฮอกันถ้วนหน้า เพื่อนที่ถือหางข้างคุณชายบ่นกันอู้ว่า “ไหงวันนี้เจ้าพีร์มาเสียท่าได้ คู่ควงแพ้เจ้ารัญขาดลอย” แต่ไม่มีใครประหลาดใจเท่าตัวคู่ปรับเอง ตอนเห็นเด็กสาวในชุดสีขาวที่เดินตามรณพีร์ต้อยๆ ปารัญถึงกับออกปาก “ผู้หญิงทั้งพระนครหาไม่มีแล้วรึไง ไปจับเด็กที่ไหนมาแต่งตัวออกงานวะ”
“ก็พวกลูกท่านหลานเธอด้วยกัน คนนี้ไงที่เป็นหม่อมหลวง” เพื่อนคนหนึ่งตอบ
ยิ่งปารัญรู้ว่าผู้หญิงที่เป็นคู่ควงของรณพีร์เป็นคู่หมายกันมาตั้งแต่เด็ก ยิ่งได้ทีเกทับ เขาเดินไปเกาะไหล่แซวเพื่อนคู่ปรับ “เฮ้ย ยายเด็กหน้าเป็ดนี่เหรอวะ ว่าที่คู่หมั้นนาย เจ้าชัชวีร์บอกว่าเป็นคู่หมายกันตั้งแต่เด็กตามสัญญาของสองวัง พวกมีเชื้อมีสายนี่ทำอะไรกันตลกเนอะ...คุณชายรณพีร์”
แหย่เสร็จก็ส่ายหัวผละไป พร้อมพูดแทงทิ้งทวน “โบราณชิบ”
จากนั้นนายปารัญนี่แหละล้อคู่หมายของเจ้าพีร์ว่า “ยายเด็กหน้าเป็ด” หนำซ้ำเป็นตัวนำตั้งกองกับกลุ่มเพื่อนร้องเพลงแต่งงาน แถ่น...แท๊น...แถ่น...แทน... เวลาเห็นหม่อมราชวงศ์กับหม่อมหลวงคู่นี้เดินผ่าน ด้วยความที่ฝ่ายหญิงแต่งชุดขาวเดินเกาะแขนฝ่ายชายในชุดนายทหารเต็มยศจนดูคล้ายบ่าวสาว
รณพีร์เบื่อหน่ายที่จะถูกล้อเรื่องเก่าๆ เต็มทน เลยเอาแต่หนีคู่ของตัวเอง ขณะที่ปารัญปฏิบัติกับสาวสวยที่เป็นคู่ควงมางานกับเขาอย่างดี แต่ไม่รู้ทำไมสายตาเริ่มสอดส่ายหา “ผู้หญิงของคู่ปรับ”
ฝ่ายวิไลรัมภาทั้งรู้สึกประดักประเดิดตัวเองในเครื่องแต่งกายและการแต่งหน้าทำผมซึ่งไม่คุ้นชิน ทั้งรู้สึกทำตัวไม่ถูก เธอพยายามจะสวยให้สมกับเป็นคู่ควงพี่ชายพีร์ แต่ถูกเขาปล่อยให้ลอยเคว้งกลางงานคนเดียว เด็กสาวไม่รู้ตัวว่าขณะนั้นมีผู้ชายอีกคนแอบจับตามองเธอด้วยความแปลกใจและสนใจอยู่ไม่ห่าง ท่ามกลางผู้คนมากหน้าหลายตา ชายหนุ่มเห็นยายเด็กเป็ดคอยกระดุบกระดิบไปยืนเคียงคู่หนุ่มเจ้าเสน่ห์ สกัดสายตาสาวๆ ที่ชม้ายตาส่องกันทั้งงาน แต่พอเธอเข้าประชิดเมื่อใดเจ้าพีร์จะฉากหลบเมื่อนั้น ปารัญเต้นรำกับคู่ของตัวเองแต่คอยชายตามองเด็กสาว เริ่มสังเกตว่าทุกครั้งที่วงดนตรีบรรเลงเพลงใหม่ ยายเด็กเป็ดจะค่อยๆ กระดืบๆ ไปยืนก้มหน้าตรงหน้าคู่ควงให้เขาชวนเต้นรำ แต่รณพีร์ก็ยังทำเมินทุกทีไป กิริยาไม่ประสีประสาบางครั้งก็เปิ่นเด๋อของเด็กสาว เห็นแล้วปารัญเป็นต้องหลุดขำออกมา เขาชักสนุกกับการจับตาดูเธอ สุดท้ายก็ลืมตัวคอยมองหม่อมหลวงหญิงคนนั้นอย่างเอาใจช่วย
เมื่อรณพีร์หลบมุมหนีวิไลรัมภามาอย่างสุดเอือม ปารัญตามไปแกล้งเย้าแหย่ต่อ
“อ้าวคุณชาย...ไหงมายืนทำหน้าเหมือนโดนเป็ดงับตรงนี้” เจ้าตัวหน้าบึ้งไม่ตอบโต้ “ก็อย่างว่าล่ะนะ ถ้าคู่หมั้นคู่หมายตั้งแต่เด็กของฉัน โตขึ้นมาหน้าเป็นเป็ดแบบนี้ สงสัยฉันต้องขับเครื่องบินหนีไปสุดขอบโลก ไม่แค่มายืนหลบตรงเสาหรอก”
ทั้งที่ปากค่อนว่าแต่ปารัญสังเกตก่อนใครว่าเด็กสาวหายออกไปจากห้อง บอกใครว่าไปเข้าห้องน้ำ แต่แท้จริงเดินออกมามองหา เลี้ยวมุมเสามาก็ปะทะกับหญิงสาวที่สะดุดส้นสูงตัวเองล้มคะมำลงชนแทบอกเขา ครั้นตั้งตัวได้และอีกฝ่ายเงยหน้า เขาก็เห็นว่าเป็นยายเด็กเป็ดนั่นเอง แต่สะดุ้งที่น้ำตาอาบหน้าเธออยู่ เขาใจหายวูบ หรือเด็กสาวได้ยินที่เขาปากเปราะเราะร้ายล้อเจ้าพีร์!!
ปารัญเอียงคอช้อนตามองเด็กสาวที่ยืนก้มหน้า เสียใจที่คำคึกคะนองของเขาทำเธอร้องไห้ ทั้งที่ไม่ตั้งใจพูดให้เจ้าตัวได้ยิน ทีแรกเหมือนจะเอื้อมไปจับสองแขนปลอบ มือไม้ก็วางไม่ถูก รู้สึกผิดที่ผิดทางเพราะหม่อมหลวงคนนี้ไม่รู้จักเขา แถมจะเด็กก็ไม่ใช่จะสาวก็ไม่เชิง แต่ปารัญก็อยากจะปลอบโยน สุดท้ายโพล่งออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ด้วยกิริยาไม่ต่างจากปลอบเด็กหญิงเล็กๆ
“เป็ดน้อย...พี่ชายพีร์ไม่เต้น” เขาตะกุกตะกัก “เต้นรำกับพี่ชายรัญเอามั้ย”
เด็กสาวเงยหน้าตาโตมองชายตรงหน้า ตกใจที่มีคนล่วงรู้ความในใจ
เหตุการณ์สำคัญนี้มันคือจุดแตกหักในความรู้สึกของเด็กสาว เป็นที่มาของความสัมพันธ์ระหว่างรณพีร์กับวิไลรัมภาในปัจจุบัน เมื่อสาวน้อยพบว่าการกระทำด้วยใจจริงแท้ของตนนั้น ผลตอบกลับยังเป็นความเย็นชาหมางเมินไม่ต่างไปตรงไหน เธอจึงเข้าสวมบทบาท “คนที่สมควรโดนรังเกียจ” นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา
จนถึงวันนี้ หน้าฉากวิไลรัมภาจะคอยตามตื๊อพี่ชายพีร์ แต่เธอตั้งใจแกล้งเขาที่ชอบหนีเธอเล่นมากกว่า อีกส่วนหนึ่งคือลึกลงไปแล้วหญิงสาวหาเรื่องไปอยู่ใกล้ชิดเขาเพราะความรัก
เมื่อวิไลรัมภา...คือนางเอก (กลับมาใหม่)
สำหรับท่านที่เข้ามาใหม่ กระทู้นี้ลงของเก่าให้ลองอ่านด้วยค่ะ
เรื่องที่ลงยังไม่ได้เป็นรูปแบบนิยายสมบูรณ์นะคะ แต่เป็นคล้ายๆ โครงเรื่องใหญ่ที่ใส่รายละอียดลงไปแล้ว
เมื่อวิไลรัมภา...คือนางเอก (๖)
เมื่อหลายปีก่อนในงานฉลองพิธีรับกระบี่ของคุณชายรณพีร์ วิไลรัมภาเป็นเด็กสาวที่เพิ่งออกจากรั้วโรงเรียน เธอเพียงอยากจะให้คู่เต้นรำในการออกงานสังคมครั้งแรกเป็นพี่ชายพีร์ แต่เขาหาทางหลีกเลี่ยงทุกอย่าง ที่จริงชายหนุ่มไม่ได้รังเกียจน้องสาวจากวังเทวพรหมที่เขาเล่นด้วยมาตั้งแต่เด็กเพราะวัยใกล้เคียงกันที่สุด แต่เพราะสัญญาระหว่างสองวังที่ทำให้พอยิ่งโตผู้ใหญ่ยิ่งจับคู่ คนทั่วไปยิ่งจับตามอง เมื่อเป็นหนุ่มรณพีร์จึงเริ่มต่อต้านด้วยการผลักไสน้องรัมภาให้ห่างจากตัว
แต่ความจริงเบื้องหลังอีกอย่างที่ทำให้คืนนั้นรณพีร์ปฏิบัติกับเด็กสาวอย่างเย็นชา มีที่มาจากตัวสอดแทรกอย่างนายปารัญ...พระเอกของวิไลรัมภานั่นเอง
ความที่สองเสืออากาศหนุ่มขับเคี่ยวกันมาสูสี ปารัญกับรณพีร์จึงกลายเป็นตัวแทนการช่วงชิงความเป็นเลิศระหว่างสายเลือดผู้ดีเก่ากับทายาทเศรษฐีใหม่ไปโดยปริยาย
ยิ่งในคืนสำคัญเช่นนี้ เพื่อนทั้งรุ่นต่างแอบลุ้นแอบจับตามองว่าคู่ควงของสองนายทหารที่โดดเด่นที่สุดของรุ่นอย่างหม่อมราชวงศ์รณพีร์ จุฑาเทพกับนายปารัญ สุภาริญ งานนี้...สาวของใครจะเฉิดฉายกว่ากัน
แต่คู่ควงของรณพีร์เล่นเอาร้องเอ้อเฮอกันถ้วนหน้า เพื่อนที่ถือหางข้างคุณชายบ่นกันอู้ว่า “ไหงวันนี้เจ้าพีร์มาเสียท่าได้ คู่ควงแพ้เจ้ารัญขาดลอย” แต่ไม่มีใครประหลาดใจเท่าตัวคู่ปรับเอง ตอนเห็นเด็กสาวในชุดสีขาวที่เดินตามรณพีร์ต้อยๆ ปารัญถึงกับออกปาก “ผู้หญิงทั้งพระนครหาไม่มีแล้วรึไง ไปจับเด็กที่ไหนมาแต่งตัวออกงานวะ”
“ก็พวกลูกท่านหลานเธอด้วยกัน คนนี้ไงที่เป็นหม่อมหลวง” เพื่อนคนหนึ่งตอบ
ยิ่งปารัญรู้ว่าผู้หญิงที่เป็นคู่ควงของรณพีร์เป็นคู่หมายกันมาตั้งแต่เด็ก ยิ่งได้ทีเกทับ เขาเดินไปเกาะไหล่แซวเพื่อนคู่ปรับ “เฮ้ย ยายเด็กหน้าเป็ดนี่เหรอวะ ว่าที่คู่หมั้นนาย เจ้าชัชวีร์บอกว่าเป็นคู่หมายกันตั้งแต่เด็กตามสัญญาของสองวัง พวกมีเชื้อมีสายนี่ทำอะไรกันตลกเนอะ...คุณชายรณพีร์”
แหย่เสร็จก็ส่ายหัวผละไป พร้อมพูดแทงทิ้งทวน “โบราณชิบ”
จากนั้นนายปารัญนี่แหละล้อคู่หมายของเจ้าพีร์ว่า “ยายเด็กหน้าเป็ด” หนำซ้ำเป็นตัวนำตั้งกองกับกลุ่มเพื่อนร้องเพลงแต่งงาน แถ่น...แท๊น...แถ่น...แทน... เวลาเห็นหม่อมราชวงศ์กับหม่อมหลวงคู่นี้เดินผ่าน ด้วยความที่ฝ่ายหญิงแต่งชุดขาวเดินเกาะแขนฝ่ายชายในชุดนายทหารเต็มยศจนดูคล้ายบ่าวสาว
รณพีร์เบื่อหน่ายที่จะถูกล้อเรื่องเก่าๆ เต็มทน เลยเอาแต่หนีคู่ของตัวเอง ขณะที่ปารัญปฏิบัติกับสาวสวยที่เป็นคู่ควงมางานกับเขาอย่างดี แต่ไม่รู้ทำไมสายตาเริ่มสอดส่ายหา “ผู้หญิงของคู่ปรับ”
ฝ่ายวิไลรัมภาทั้งรู้สึกประดักประเดิดตัวเองในเครื่องแต่งกายและการแต่งหน้าทำผมซึ่งไม่คุ้นชิน ทั้งรู้สึกทำตัวไม่ถูก เธอพยายามจะสวยให้สมกับเป็นคู่ควงพี่ชายพีร์ แต่ถูกเขาปล่อยให้ลอยเคว้งกลางงานคนเดียว เด็กสาวไม่รู้ตัวว่าขณะนั้นมีผู้ชายอีกคนแอบจับตามองเธอด้วยความแปลกใจและสนใจอยู่ไม่ห่าง ท่ามกลางผู้คนมากหน้าหลายตา ชายหนุ่มเห็นยายเด็กเป็ดคอยกระดุบกระดิบไปยืนเคียงคู่หนุ่มเจ้าเสน่ห์ สกัดสายตาสาวๆ ที่ชม้ายตาส่องกันทั้งงาน แต่พอเธอเข้าประชิดเมื่อใดเจ้าพีร์จะฉากหลบเมื่อนั้น ปารัญเต้นรำกับคู่ของตัวเองแต่คอยชายตามองเด็กสาว เริ่มสังเกตว่าทุกครั้งที่วงดนตรีบรรเลงเพลงใหม่ ยายเด็กเป็ดจะค่อยๆ กระดืบๆ ไปยืนก้มหน้าตรงหน้าคู่ควงให้เขาชวนเต้นรำ แต่รณพีร์ก็ยังทำเมินทุกทีไป กิริยาไม่ประสีประสาบางครั้งก็เปิ่นเด๋อของเด็กสาว เห็นแล้วปารัญเป็นต้องหลุดขำออกมา เขาชักสนุกกับการจับตาดูเธอ สุดท้ายก็ลืมตัวคอยมองหม่อมหลวงหญิงคนนั้นอย่างเอาใจช่วย
เมื่อรณพีร์หลบมุมหนีวิไลรัมภามาอย่างสุดเอือม ปารัญตามไปแกล้งเย้าแหย่ต่อ
“อ้าวคุณชาย...ไหงมายืนทำหน้าเหมือนโดนเป็ดงับตรงนี้” เจ้าตัวหน้าบึ้งไม่ตอบโต้ “ก็อย่างว่าล่ะนะ ถ้าคู่หมั้นคู่หมายตั้งแต่เด็กของฉัน โตขึ้นมาหน้าเป็นเป็ดแบบนี้ สงสัยฉันต้องขับเครื่องบินหนีไปสุดขอบโลก ไม่แค่มายืนหลบตรงเสาหรอก”
ทั้งที่ปากค่อนว่าแต่ปารัญสังเกตก่อนใครว่าเด็กสาวหายออกไปจากห้อง บอกใครว่าไปเข้าห้องน้ำ แต่แท้จริงเดินออกมามองหา เลี้ยวมุมเสามาก็ปะทะกับหญิงสาวที่สะดุดส้นสูงตัวเองล้มคะมำลงชนแทบอกเขา ครั้นตั้งตัวได้และอีกฝ่ายเงยหน้า เขาก็เห็นว่าเป็นยายเด็กเป็ดนั่นเอง แต่สะดุ้งที่น้ำตาอาบหน้าเธออยู่ เขาใจหายวูบ หรือเด็กสาวได้ยินที่เขาปากเปราะเราะร้ายล้อเจ้าพีร์!!
ปารัญเอียงคอช้อนตามองเด็กสาวที่ยืนก้มหน้า เสียใจที่คำคึกคะนองของเขาทำเธอร้องไห้ ทั้งที่ไม่ตั้งใจพูดให้เจ้าตัวได้ยิน ทีแรกเหมือนจะเอื้อมไปจับสองแขนปลอบ มือไม้ก็วางไม่ถูก รู้สึกผิดที่ผิดทางเพราะหม่อมหลวงคนนี้ไม่รู้จักเขา แถมจะเด็กก็ไม่ใช่จะสาวก็ไม่เชิง แต่ปารัญก็อยากจะปลอบโยน สุดท้ายโพล่งออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ด้วยกิริยาไม่ต่างจากปลอบเด็กหญิงเล็กๆ
“เป็ดน้อย...พี่ชายพีร์ไม่เต้น” เขาตะกุกตะกัก “เต้นรำกับพี่ชายรัญเอามั้ย”
เด็กสาวเงยหน้าตาโตมองชายตรงหน้า ตกใจที่มีคนล่วงรู้ความในใจ
เหตุการณ์สำคัญนี้มันคือจุดแตกหักในความรู้สึกของเด็กสาว เป็นที่มาของความสัมพันธ์ระหว่างรณพีร์กับวิไลรัมภาในปัจจุบัน เมื่อสาวน้อยพบว่าการกระทำด้วยใจจริงแท้ของตนนั้น ผลตอบกลับยังเป็นความเย็นชาหมางเมินไม่ต่างไปตรงไหน เธอจึงเข้าสวมบทบาท “คนที่สมควรโดนรังเกียจ” นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา
จนถึงวันนี้ หน้าฉากวิไลรัมภาจะคอยตามตื๊อพี่ชายพีร์ แต่เธอตั้งใจแกล้งเขาที่ชอบหนีเธอเล่นมากกว่า อีกส่วนหนึ่งคือลึกลงไปแล้วหญิงสาวหาเรื่องไปอยู่ใกล้ชิดเขาเพราะความรัก