เมนูวันนี้อาจจะขัดใจกับคนรักสุขภาพซักหน่อยนะครับ เป็นพะโล้หมูสามชั้นนุ่มๆละลายในปาก ซึ่งเป็นเมนูที่ผมชอบที่สุดเลย และวันนี้พ่อผมลงมือทำด้วยตัวเองเลยครับ
เริ่มจากต้ม กานพลู โป๊ยกั๊ก อบเชย ทั้งสามอย่างนี้ไม่ต้องใส่เยอะนะครับ อย่างละนิดหน่อยก็พอแล้ว
วัตถุดิบวันนี้คือเต้าหู้ ไข่นกกระทาประมาณ120ฟอง(ผมซื้อแบบต้มสุก แกะเปลือกเรียบร้อยแล้วครับ) และพระเอกของเราคือหมูสามชั้น ผมสั่งให้ที่ร้านหั่นชิ้นใหญ่หน่อย เพราะว่าเวลาต้มแล้วมันจะหดลงมานิดหน่อยครับ
เครื่องปรุงตามภาพครับ พ่อผมจะไม่ใช้ซีอิ๋ว หรือน้ำปลาครับ แต่ใช้เกลือแทน
เวลาพ่อผมปรุง จะไม่ได้ใส่ตามอัตราส่วนตายตัว แต่จะกะๆเอา แล้วก็ชิมครับ เมื่อได้ที่แล้วก็ใส่หมูสามชั้นลงไปได้เลยครับ หมูสามชั้นเมื่อซื้อมาแล้วให้ล้างโดยเอาไปขยำกับเกลือซักพักแล้วก็ล้างน้ำออกครับ หลังจากใส่หมูซักพักใหญ่ๆ ก็ตามด้วยเต้าหู้(จริงๆที่บ้านจะชอบเต้าหู้ขาวแบบก้อนมากกว่า แต่วันนี้ไปตลาดเย็นไปครับ ร้านเต้าหู้ปิดหมดแล้ว เหลือร้านที่ขายพวกเส้นก๋วยเตี๋ยว เลยได้เต้าหู้แบบนี้มาครับ) ไข่ จากนั้นก็หรี่ไฟเบาลงหน่อย ค่อยๆตุ๋นไปประมาณชั่วโมงกว่าๆ หมูก็จะนุ่ม มันละลายในปาก อร่อยมากๆเลย ยิ่งเก็บเข้าตู้เย็นแล้วเอามาอุ่น จะอร่อยกว่าเดิมอีกมากโขเลยครับ
วันนี้พ่อสอนว่า พวกเครื่องพะโล้ มันจะมีกลิ่นที่ฉุน อย่างพวกอบเชย พ่อผมบอกว่ากลิ่นของซีอิ๋วดำจะช่วยดับกลิ่นของเครื่องเทศ และช่วยให้อร่อยขึ้น ซึ่งจริงอย่างว่าครับ ผมลองชิมก่อนกับหลังใส่ซีอิ๋วดำ เป็นคนละเรื่องเลยจริงๆ
ชามนี้ของผมเองครับ
วันนี้ผมจัดเป็นชุดแบบนี้ เพราะกลับมาซื้อกล่องโฟมไม่ทันครับ
วันนี้จัดได้51ชุดพอดีเลยครับ
มีคนถามเรื่องเส้นทางมาเยอะเลยครับ ผมก็ขออธิบายคร่าวๆดังนี้ครับ ถ้ามาจากฝั่งธน ให้ขึ้นสะพานพระปกเกล้าข้ามมาฝั่งพระนคร ตรงมาผ่านห้างอินเดียเอ็มโพเรียม(เอทีเอ็มเก่า) จากนั้นก็เลี้ยวซ้ายตรงใต้สะพานลอย ก็ถึงแล้วครับ พอเราเลี้ยวมาจะมีห้างเล็กๆ ไชน่าอะไรซักอย่างครับ
วันนี้มีคุณ กาดุ๊กกาดุม ฝากยาลดไข้ไทลินอลมาสองกล่องใหญ่ๆ วันนี้แจกหมดไปหนึ่งกล่อง เหลืออีกกล่องไว้แจกคราวหน้าครับ ส่วนอีกท่านนึงคุณ Discipline ฝากหมวกกับเสื้อผ้าสวยๆ มาให้เยอะแยะเลยครับ ลุงซาเล้งสีแดง แกดีมากเลยครับ ผมยังไม่ได้บอกว่าจะแจกยังไง แต่แกเดินไปแจกคนข้างๆ คนละตัวๆ เลย แกเก็บหมวกไว้หนึ่งใบ กับเสื้ออีกสองตัว ให้ป้าตัวนึงครับ ลุงแกชอบหมวกมากครับ แกบอกว่ากำลังอยากได้ไว้บังแดดตอนขี่ซาเล้งครับ
ส่วนยาที่แจก ผมจะถามก่อนว่า "อันนี้เป็นยาลดไข้ อยากได้ไว้ด้วยมั๊ย" ถ้าเอา ผมก็ให้ แต่บางคนที่ดูสบายดี ผมก็ไม่ถาม มีอยู่สองสามคน ที่ดูเหมือนเป็นไข้ครับ ผมก็ให้ไปสองแผง(20เม็ด) ผมจะบอกว่าเป็นยาลดไข้ กินครั้งละสองเม็ดเวลามีไข้ปวดหัว ถ้ากินแล้วไม่ดี ควรไปหาหมอ
ช่วงนี้ฝนตกบ่อย วันนี้ช่วงหัวค่ำก็ตกลงมาหนักเลยครับ อยู่ใต้ชายคาก็ยังโดนกระเด็นเปียกเลย
วันนี้ตอนที่ผมไปถึง มีน้องๆวัยรุ่นกลุ่มนึงประมาณ5-6คน เอาขนมมาแจกเยอะแยะเลยครับ แต่ผมไม่ได้เข้าไปคุยด้วย เพราะเห็นว่ากำลังช่วยกันเดินแจกขนมกันอยู่ ลักษณะเหมือนพี่น้องชาวซิกข์ (ใกล้ๆตรงนี้มีวิหารใหญ่ของพี่น้องชาวซิกข์อยู่ด้วย) บ้านผมอยู่ใกล้สี่แยกบ้านแขก จะรู้สึกได้ว่าชาวซิกข์มักจะมีกิจกรรมช่วยสังคมบ่อยมากๆ วันนี้ที่ไปแจกก็แจกกันจริงจัง ไม่มีอาการรังเกียจเลย ดีใจที่ได้เห็นน้องๆในวันนี้จริงๆครับ ต้องขอโทษด้วยครับที่รูปนี้ถ่ายมาไม่ค่อยชัด เพราะไกล แล้วกล้องก็ไม่ค่อยดีแล้วด้วย
ปล. วันนี้คุยกับป้าที่อยู่กับลุงซาเล้งสีแดง เรื่องลูก เพราะคาใจมากๆ เรื่องที่แกมีลูก4คน เลยขอมาเล่าใหม่เพราะก่อนนี้อาจจะเล่าคลาดเคลื่อนไปครับ(ตอนฟังป้าแกเล่าให้แม่ผมฟัง แกเล่าเป็นภาษาจีน ผมพยายามจับใจความเลยอาจคลาดเคลื่อนไปครับ) คือแกมีลูก4คน มี1คนที่เพิ่งเรียนจบ แต่ก็ไม่ได้มีเงินมาให้แกเพราะยังหางานที่แน่นอนไม่ได้ ส่วนอีก3คนก็ยังเรียนทุกคน กู้เรียน แต่แกยังต้องหาเงินซับพอร์ทเรื่องค่าหอพัก ค่ากินค่าใช้อีกบ้าง แต่ถึงแกจะบอกว่าไม่ได้ถูกทอดทิ้ง แต่ผมก็จุกในอกเวลาแกเล่านะ มันรู้สึกยังไงก็บอกไม่ถูกอ่ะ
วันนี้ขอจบเพียงเท่านี้ก่อนนะครับ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามครับ
เมนูจันทร์นี้ ข้าวพะโล้หมูสามชั้นครับ
เริ่มจากต้ม กานพลู โป๊ยกั๊ก อบเชย ทั้งสามอย่างนี้ไม่ต้องใส่เยอะนะครับ อย่างละนิดหน่อยก็พอแล้ว
วัตถุดิบวันนี้คือเต้าหู้ ไข่นกกระทาประมาณ120ฟอง(ผมซื้อแบบต้มสุก แกะเปลือกเรียบร้อยแล้วครับ) และพระเอกของเราคือหมูสามชั้น ผมสั่งให้ที่ร้านหั่นชิ้นใหญ่หน่อย เพราะว่าเวลาต้มแล้วมันจะหดลงมานิดหน่อยครับ
เครื่องปรุงตามภาพครับ พ่อผมจะไม่ใช้ซีอิ๋ว หรือน้ำปลาครับ แต่ใช้เกลือแทน
เวลาพ่อผมปรุง จะไม่ได้ใส่ตามอัตราส่วนตายตัว แต่จะกะๆเอา แล้วก็ชิมครับ เมื่อได้ที่แล้วก็ใส่หมูสามชั้นลงไปได้เลยครับ หมูสามชั้นเมื่อซื้อมาแล้วให้ล้างโดยเอาไปขยำกับเกลือซักพักแล้วก็ล้างน้ำออกครับ หลังจากใส่หมูซักพักใหญ่ๆ ก็ตามด้วยเต้าหู้(จริงๆที่บ้านจะชอบเต้าหู้ขาวแบบก้อนมากกว่า แต่วันนี้ไปตลาดเย็นไปครับ ร้านเต้าหู้ปิดหมดแล้ว เหลือร้านที่ขายพวกเส้นก๋วยเตี๋ยว เลยได้เต้าหู้แบบนี้มาครับ) ไข่ จากนั้นก็หรี่ไฟเบาลงหน่อย ค่อยๆตุ๋นไปประมาณชั่วโมงกว่าๆ หมูก็จะนุ่ม มันละลายในปาก อร่อยมากๆเลย ยิ่งเก็บเข้าตู้เย็นแล้วเอามาอุ่น จะอร่อยกว่าเดิมอีกมากโขเลยครับ
วันนี้พ่อสอนว่า พวกเครื่องพะโล้ มันจะมีกลิ่นที่ฉุน อย่างพวกอบเชย พ่อผมบอกว่ากลิ่นของซีอิ๋วดำจะช่วยดับกลิ่นของเครื่องเทศ และช่วยให้อร่อยขึ้น ซึ่งจริงอย่างว่าครับ ผมลองชิมก่อนกับหลังใส่ซีอิ๋วดำ เป็นคนละเรื่องเลยจริงๆ
ชามนี้ของผมเองครับ
วันนี้ผมจัดเป็นชุดแบบนี้ เพราะกลับมาซื้อกล่องโฟมไม่ทันครับ
วันนี้จัดได้51ชุดพอดีเลยครับ
มีคนถามเรื่องเส้นทางมาเยอะเลยครับ ผมก็ขออธิบายคร่าวๆดังนี้ครับ ถ้ามาจากฝั่งธน ให้ขึ้นสะพานพระปกเกล้าข้ามมาฝั่งพระนคร ตรงมาผ่านห้างอินเดียเอ็มโพเรียม(เอทีเอ็มเก่า) จากนั้นก็เลี้ยวซ้ายตรงใต้สะพานลอย ก็ถึงแล้วครับ พอเราเลี้ยวมาจะมีห้างเล็กๆ ไชน่าอะไรซักอย่างครับ
วันนี้มีคุณ กาดุ๊กกาดุม ฝากยาลดไข้ไทลินอลมาสองกล่องใหญ่ๆ วันนี้แจกหมดไปหนึ่งกล่อง เหลืออีกกล่องไว้แจกคราวหน้าครับ ส่วนอีกท่านนึงคุณ Discipline ฝากหมวกกับเสื้อผ้าสวยๆ มาให้เยอะแยะเลยครับ ลุงซาเล้งสีแดง แกดีมากเลยครับ ผมยังไม่ได้บอกว่าจะแจกยังไง แต่แกเดินไปแจกคนข้างๆ คนละตัวๆ เลย แกเก็บหมวกไว้หนึ่งใบ กับเสื้ออีกสองตัว ให้ป้าตัวนึงครับ ลุงแกชอบหมวกมากครับ แกบอกว่ากำลังอยากได้ไว้บังแดดตอนขี่ซาเล้งครับ
ส่วนยาที่แจก ผมจะถามก่อนว่า "อันนี้เป็นยาลดไข้ อยากได้ไว้ด้วยมั๊ย" ถ้าเอา ผมก็ให้ แต่บางคนที่ดูสบายดี ผมก็ไม่ถาม มีอยู่สองสามคน ที่ดูเหมือนเป็นไข้ครับ ผมก็ให้ไปสองแผง(20เม็ด) ผมจะบอกว่าเป็นยาลดไข้ กินครั้งละสองเม็ดเวลามีไข้ปวดหัว ถ้ากินแล้วไม่ดี ควรไปหาหมอ
ช่วงนี้ฝนตกบ่อย วันนี้ช่วงหัวค่ำก็ตกลงมาหนักเลยครับ อยู่ใต้ชายคาก็ยังโดนกระเด็นเปียกเลย
วันนี้ตอนที่ผมไปถึง มีน้องๆวัยรุ่นกลุ่มนึงประมาณ5-6คน เอาขนมมาแจกเยอะแยะเลยครับ แต่ผมไม่ได้เข้าไปคุยด้วย เพราะเห็นว่ากำลังช่วยกันเดินแจกขนมกันอยู่ ลักษณะเหมือนพี่น้องชาวซิกข์ (ใกล้ๆตรงนี้มีวิหารใหญ่ของพี่น้องชาวซิกข์อยู่ด้วย) บ้านผมอยู่ใกล้สี่แยกบ้านแขก จะรู้สึกได้ว่าชาวซิกข์มักจะมีกิจกรรมช่วยสังคมบ่อยมากๆ วันนี้ที่ไปแจกก็แจกกันจริงจัง ไม่มีอาการรังเกียจเลย ดีใจที่ได้เห็นน้องๆในวันนี้จริงๆครับ ต้องขอโทษด้วยครับที่รูปนี้ถ่ายมาไม่ค่อยชัด เพราะไกล แล้วกล้องก็ไม่ค่อยดีแล้วด้วย
ปล. วันนี้คุยกับป้าที่อยู่กับลุงซาเล้งสีแดง เรื่องลูก เพราะคาใจมากๆ เรื่องที่แกมีลูก4คน เลยขอมาเล่าใหม่เพราะก่อนนี้อาจจะเล่าคลาดเคลื่อนไปครับ(ตอนฟังป้าแกเล่าให้แม่ผมฟัง แกเล่าเป็นภาษาจีน ผมพยายามจับใจความเลยอาจคลาดเคลื่อนไปครับ) คือแกมีลูก4คน มี1คนที่เพิ่งเรียนจบ แต่ก็ไม่ได้มีเงินมาให้แกเพราะยังหางานที่แน่นอนไม่ได้ ส่วนอีก3คนก็ยังเรียนทุกคน กู้เรียน แต่แกยังต้องหาเงินซับพอร์ทเรื่องค่าหอพัก ค่ากินค่าใช้อีกบ้าง แต่ถึงแกจะบอกว่าไม่ได้ถูกทอดทิ้ง แต่ผมก็จุกในอกเวลาแกเล่านะ มันรู้สึกยังไงก็บอกไม่ถูกอ่ะ
วันนี้ขอจบเพียงเท่านี้ก่อนนะครับ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามครับ