เมื่อตะวันเลื่อนลาลับขอบฟ้า ดวงจันทราเริ่มเคลื่อนคล้อยส่องแสง ราตรีนี้ช่างเงียบเหงาจับใจ เด็กหนุ่มเหม่อมองท้องฟ้าส่งสายตาผ่านเลนส์แว่นอย่างวิงวอนหน้าชานบ้าน ประหนึ่งมิให้จันทราสาดส่องท้องฟ้าอย่างทุกวัน เขาถอนหายใจด้วยความหมดหวัง เหมือนมีสิ่งใดที่กัดกินหัวใจของเขาอยู่
“ ธี” หลานเป็นอะไร
หญิงชราเดินตรงเข้ามาหาเด็กหนุ่มพร้อมโอบเอวแล้วถามด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น
“ ยาย” ถ้าธีไปใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยโดยไม่มียาย ธีจะอยู่ได้ไหม
หญิงชรายิ้มละมุนเมื่อได้ยินคำถาม
อยู่ได้สิ หลานต้องมีความมั่นใจในตนเอง มันถึงเวลาแล้วที่หลานต้องโตและออกไปเผชิญในโลกกว้าง
ชายหนุ่มได้ยินหญิงชราตอบก็ไม่ได้คลายสีหน้ากังวล กับรีบชี้แจงหญิงชราทันที
แต่ยายครับ ผมไม่พร้อมจะก้าวออกไป ยายก็รู้ผมเป็นคนเงอะงะซุ่มซ่าม ผมจะอยู่ยังไงถ้าไม่มียาย
หญิงชราพอได้ยินก็หัวเราะ พร้อมดึงมือหลานชายมากุมไว้
ธี หลานรัก ถึงแม้เราจะซุ่มซ่ามอยู่บ้าง แต่ยายก็เชื่อว่าคนเก่งอย่างหลานไม่มีอะไรที่ตั้งใจแล้วทำไม่ได้
บางทีถ้าได้ไปมหาวิทยาลัย เจอสาวๆสวยๆ หลานอาจลืมคนแก่ๆอย่างยายก็ได้
เมื่อสิ้นเสียง หนุ่มน้อยปรี่เข้ากอดหญิงชราพร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลรินเต็มแก้ม
ไม่ครับ ยายเป็นคนเดียวที่คอยดูแลผมตั้งแต่เล็กจนโต ผมขอสัญญา ผมจะไม่มีวันลืมยาย
เช้ามืดวันถัดมา หญิงชรากุลีกุจอช่วยหลานชายถือของไปส่งที่ท่ารถ เมื่อถึงจุดหมาย คนขับรถตู้เรียกให้ธีขึ้นรถในทันที
“ธีรเจต” รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีนะลูก
ครับยาย ธีรักยายนะครับ ชายหนุ่มตอบพร้อมทำหน้าเศร้าและค่อยๆเข้าไปหอมแก้มหญิงชราฟอดใหญ่
พร้อมกับรับของจากมือยายและเดินตรงไปขึ้นรถ และแล้วรถก็ค่อยๆแล่นออกไปอย่างช้าๆ ชายหนุ่มก็ค่อยๆผล็อยหลับไปด้วยความเศร้าใจ
ปัง!!! ธี สะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ เขารีบสำรวจว่าเกิดอะไรขึ้น “ อ่อก็แค่ผู้โดยสารคนหนึ่งที่ขึ้นมาในรถ แต่มันจะปิดประตู โคตรดังไปไหม” ชายหนุ่มบ่นในใจ พร้อมยกข้อมือเพื่อดูนาฬิกา โห่นี่เราหลับไปชั่วโมงกว่าเลยหรือนี่
ในระหว่างที่ดูนาฬิกานั้นเอง ธีก็ต้องสะดุ้งอีกครั้ง เมื่อเก้าอี้ที่อยู่ด้านหน้าถูกปรับเบาะกระแทกเข้ามาที่ตนอย่างจัง แต่แล้วมันไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น ผู้โดยสารที่ขึ้นมาใหม่ปรับเบาะขึ้นปรับเบาะลงเข้ากระแทกธีอย่างจังหลายต่อหลายครั้ง จน ธี เริ่มแสดงสีหน้าไม่พอใจ
เฮ้ย!!! ที่บ้านไม่เคร่งเรื่องมารยาทหรือไงวะ คำขอโทษสักคำก็ไม่ ธี ตะโกนในใจ และส่งสายตาทะตรึงมองไปที่ชายผิวเข้มคู่กรณี
เมื่อได้รัก ตอนแรก
“ ธี” หลานเป็นอะไร
หญิงชราเดินตรงเข้ามาหาเด็กหนุ่มพร้อมโอบเอวแล้วถามด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น
“ ยาย” ถ้าธีไปใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยโดยไม่มียาย ธีจะอยู่ได้ไหม
หญิงชรายิ้มละมุนเมื่อได้ยินคำถาม
อยู่ได้สิ หลานต้องมีความมั่นใจในตนเอง มันถึงเวลาแล้วที่หลานต้องโตและออกไปเผชิญในโลกกว้าง
ชายหนุ่มได้ยินหญิงชราตอบก็ไม่ได้คลายสีหน้ากังวล กับรีบชี้แจงหญิงชราทันที
แต่ยายครับ ผมไม่พร้อมจะก้าวออกไป ยายก็รู้ผมเป็นคนเงอะงะซุ่มซ่าม ผมจะอยู่ยังไงถ้าไม่มียาย
หญิงชราพอได้ยินก็หัวเราะ พร้อมดึงมือหลานชายมากุมไว้
ธี หลานรัก ถึงแม้เราจะซุ่มซ่ามอยู่บ้าง แต่ยายก็เชื่อว่าคนเก่งอย่างหลานไม่มีอะไรที่ตั้งใจแล้วทำไม่ได้
บางทีถ้าได้ไปมหาวิทยาลัย เจอสาวๆสวยๆ หลานอาจลืมคนแก่ๆอย่างยายก็ได้
เมื่อสิ้นเสียง หนุ่มน้อยปรี่เข้ากอดหญิงชราพร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลรินเต็มแก้ม
ไม่ครับ ยายเป็นคนเดียวที่คอยดูแลผมตั้งแต่เล็กจนโต ผมขอสัญญา ผมจะไม่มีวันลืมยาย
เช้ามืดวันถัดมา หญิงชรากุลีกุจอช่วยหลานชายถือของไปส่งที่ท่ารถ เมื่อถึงจุดหมาย คนขับรถตู้เรียกให้ธีขึ้นรถในทันที
“ธีรเจต” รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีนะลูก
ครับยาย ธีรักยายนะครับ ชายหนุ่มตอบพร้อมทำหน้าเศร้าและค่อยๆเข้าไปหอมแก้มหญิงชราฟอดใหญ่
พร้อมกับรับของจากมือยายและเดินตรงไปขึ้นรถ และแล้วรถก็ค่อยๆแล่นออกไปอย่างช้าๆ ชายหนุ่มก็ค่อยๆผล็อยหลับไปด้วยความเศร้าใจ
ปัง!!! ธี สะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ เขารีบสำรวจว่าเกิดอะไรขึ้น “ อ่อก็แค่ผู้โดยสารคนหนึ่งที่ขึ้นมาในรถ แต่มันจะปิดประตู โคตรดังไปไหม” ชายหนุ่มบ่นในใจ พร้อมยกข้อมือเพื่อดูนาฬิกา โห่นี่เราหลับไปชั่วโมงกว่าเลยหรือนี่
ในระหว่างที่ดูนาฬิกานั้นเอง ธีก็ต้องสะดุ้งอีกครั้ง เมื่อเก้าอี้ที่อยู่ด้านหน้าถูกปรับเบาะกระแทกเข้ามาที่ตนอย่างจัง แต่แล้วมันไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น ผู้โดยสารที่ขึ้นมาใหม่ปรับเบาะขึ้นปรับเบาะลงเข้ากระแทกธีอย่างจังหลายต่อหลายครั้ง จน ธี เริ่มแสดงสีหน้าไม่พอใจ
เฮ้ย!!! ที่บ้านไม่เคร่งเรื่องมารยาทหรือไงวะ คำขอโทษสักคำก็ไม่ ธี ตะโกนในใจ และส่งสายตาทะตรึงมองไปที่ชายผิวเข้มคู่กรณี