ท่านที่สนใจ สามารถถอยเลื่อนลงไปดู ตั้งแต่ตอนแรก หรือ FB เสริดหา nowya.vis
สภาวะตลาดช่วงนี้ ควรศึกษาเจาะลึกตรรกะตลาด และหลักกลยุทธ เพื่อไว้ต่อกรกับความผันผวนของตลาด อย่างมืออาชีพ ควรติดตามอ่านและ save เก็บไว้ print ออกมา วางข้างคอมฯ ไว้พิจารณาเสมอ
ข้อ 18 .. Vi & Vs.." ความหวัง " เป็นศัตรูตัวร้าย เมื่อเห็นหุ้นในมือตก คนส่วนใหญ่จะหวังลม ๆ แล้ง ๆ และความหวังนี้ยากที่จะเกิดจริงในเวลาสั้น
(อธิบาย... คนที่ซื้อหุ้นแล้ว ราคาเริ่มตกลงมากกว่า -5 % ถึง - 20 % มักสร้างความหวังหรือ จินตนาการ หรือ จิตปรุงแต่ง ว่า ในไม่ช้าราคาก็จะกลับมาที่ซื้อ อดทนอีกสักนิด แต่พอราคามาถึงหรือสูงขึ้นไปอีก ก็จะชมชอบตนเองว่าคิดถูก และตั้งความหวังสูงขึ้นอีกกลายเป็นความโลภ มากขึ้น สุดท้ายเมื่อราคาตกลงเร็วและแรง ก็เกิดสภาพติดดอยเช่นเคย การติดดอยเกินสองครั้ง ความหวังกลับสู่ราคาเดิมจะเลื่อนนานออกไปมาก เพราะผู้คนเริ่มกลัวไม่กล้ารับเมื่อราคาตกอีกแล้ว)
ข้อ 19..Vi.. หุ้น " ดี " ขึ้นกับ " เวลา " ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ เวลาจึงสำคัญกว่าราคาซึ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่สนใจ
(อธิบาย ... คนเล่นหุ้น ทุกประเภท ก่อนตัดสินใจซื้อ มักต้องอ่านปัจจัยพื้นฐาน หรือปัจจัยเก็งกำไรจากกราฟ จากรูปแบบราคา จากปริมาณซื้อขาย และต้องรอเวลาให้เกิดเป้าหมายก่อน ดังนั้น หากหุ้นที่สนใจ กินเวลานานเกินไปกว่าจะถึงเป้าหมายนั้นหรือโอกาสทองนั้น ก็อาจมีการเปลี่ยนใจนำเงินไปซื้อตัวอื่นแล้ว ดังนั้นเวลาจึงสำคัญมากกว่าราคา เพราะราคาที่ว่า ต่ำๆ หากซื้อแล้วไม่ขึ้นหรือนานมาก ไปสู้ซื้อราคาสูง แต่ราคาขึ้นเร็วในเวลาสั้น ๆ ไม่ได้ อย่างนี้คือการกำไร เวลาก่อน ซึ่งเวลามีค่ามากกว่าที่ทุกคนลืมคิดถึงเสมอ)
ข้อ 20 ..Vs.. เมื่อท่านเสียเงินจากตลาดหุ้น จงอย่าคิดแก้แค้นโดยซื้อหุ้นมากขึ้น (ซื้อถัวเฉลี่ยขาลง) ตลาดไม่เคยกลัวท่านซื้อมากขึ้นเลย เพราะตลาดมีกระแสของมันเอง
(อธิบาย ...เมื่อตลาดขาลง คือคนส่วนมากทั้งรายย่อยรายใหญ่ ต่างมองภาพทางเดียวกัน แย่งกันขายมากกว่าแย่งกันซื้อ ณ บริเวณ ราคาหนึ่ง(อาจมีช่วงต่างกัน 10% ถึง 50% ) การที่ท่านถือหุ้นราคาสูงกว่า แล้วซื้อถัวลง เพื่อหวังจะรีบาวน์ (มองไม่เห็นเป็นการคาดเดาเอาเองทั้งสิ้น) เมื่อลงก็ซื้ออีกเช่นนั้น เป็นความเสี่ยงแบบสิ้นคิดโดยแท้ เพราะกระแสตลาดกำลังเชี่ยว คนหมู่มากไม่กลัวท่านมาซื้อถัวลง และยินดีที่ท่านยอมสละเงินมารองรับราคาต่ำไม่ให้ตกเร็วด้วยซ้ำ สุดท้ายเงินซื้อก็หมด ลงอีกก็ไม่มีเงินซื้ออีก ตามมาด้วยการขายคัทขาดทุนจนได้ )
ข้อ 21 ..Vs..อย่าเปลี่ยนหุ้น เพราะคิดว่าหุ้นอื่นราคาจะขึ้นดีกว่าตัวเก่าที่ถืออยู่ ในสภาวะตลาดขาลงรุนแรง
(อธิบาย ...เมื่อสภาวะตลาดขาลงรุนแรง หุ้นทั้งกระดานจะถูกคนมองไร้ค่า ทุกคนจะมีแผนปกป้องเงินทุนตนเองก่อน ไม่ว่าจะเป็นนักค้าหุ้นประเภทใด Vi หรือ Vs เพราะกระแสตลาดจะถูกนำโดยหลักจิตวิทยามวลชนก่อนเสมอ เหตุผลจะตามมาทีหลัง ซึ่งไม่รู้ว่าอีกเมื่อใด )
ตำราเล่นหุ้น........(ต่อ 4)
สภาวะตลาดช่วงนี้ ควรศึกษาเจาะลึกตรรกะตลาด และหลักกลยุทธ เพื่อไว้ต่อกรกับความผันผวนของตลาด อย่างมืออาชีพ ควรติดตามอ่านและ save เก็บไว้ print ออกมา วางข้างคอมฯ ไว้พิจารณาเสมอ
ข้อ 18 .. Vi & Vs.." ความหวัง " เป็นศัตรูตัวร้าย เมื่อเห็นหุ้นในมือตก คนส่วนใหญ่จะหวังลม ๆ แล้ง ๆ และความหวังนี้ยากที่จะเกิดจริงในเวลาสั้น
(อธิบาย... คนที่ซื้อหุ้นแล้ว ราคาเริ่มตกลงมากกว่า -5 % ถึง - 20 % มักสร้างความหวังหรือ จินตนาการ หรือ จิตปรุงแต่ง ว่า ในไม่ช้าราคาก็จะกลับมาที่ซื้อ อดทนอีกสักนิด แต่พอราคามาถึงหรือสูงขึ้นไปอีก ก็จะชมชอบตนเองว่าคิดถูก และตั้งความหวังสูงขึ้นอีกกลายเป็นความโลภ มากขึ้น สุดท้ายเมื่อราคาตกลงเร็วและแรง ก็เกิดสภาพติดดอยเช่นเคย การติดดอยเกินสองครั้ง ความหวังกลับสู่ราคาเดิมจะเลื่อนนานออกไปมาก เพราะผู้คนเริ่มกลัวไม่กล้ารับเมื่อราคาตกอีกแล้ว)
ข้อ 19..Vi.. หุ้น " ดี " ขึ้นกับ " เวลา " ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ เวลาจึงสำคัญกว่าราคาซึ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่สนใจ
(อธิบาย ... คนเล่นหุ้น ทุกประเภท ก่อนตัดสินใจซื้อ มักต้องอ่านปัจจัยพื้นฐาน หรือปัจจัยเก็งกำไรจากกราฟ จากรูปแบบราคา จากปริมาณซื้อขาย และต้องรอเวลาให้เกิดเป้าหมายก่อน ดังนั้น หากหุ้นที่สนใจ กินเวลานานเกินไปกว่าจะถึงเป้าหมายนั้นหรือโอกาสทองนั้น ก็อาจมีการเปลี่ยนใจนำเงินไปซื้อตัวอื่นแล้ว ดังนั้นเวลาจึงสำคัญมากกว่าราคา เพราะราคาที่ว่า ต่ำๆ หากซื้อแล้วไม่ขึ้นหรือนานมาก ไปสู้ซื้อราคาสูง แต่ราคาขึ้นเร็วในเวลาสั้น ๆ ไม่ได้ อย่างนี้คือการกำไร เวลาก่อน ซึ่งเวลามีค่ามากกว่าที่ทุกคนลืมคิดถึงเสมอ)
ข้อ 20 ..Vs.. เมื่อท่านเสียเงินจากตลาดหุ้น จงอย่าคิดแก้แค้นโดยซื้อหุ้นมากขึ้น (ซื้อถัวเฉลี่ยขาลง) ตลาดไม่เคยกลัวท่านซื้อมากขึ้นเลย เพราะตลาดมีกระแสของมันเอง
(อธิบาย ...เมื่อตลาดขาลง คือคนส่วนมากทั้งรายย่อยรายใหญ่ ต่างมองภาพทางเดียวกัน แย่งกันขายมากกว่าแย่งกันซื้อ ณ บริเวณ ราคาหนึ่ง(อาจมีช่วงต่างกัน 10% ถึง 50% ) การที่ท่านถือหุ้นราคาสูงกว่า แล้วซื้อถัวลง เพื่อหวังจะรีบาวน์ (มองไม่เห็นเป็นการคาดเดาเอาเองทั้งสิ้น) เมื่อลงก็ซื้ออีกเช่นนั้น เป็นความเสี่ยงแบบสิ้นคิดโดยแท้ เพราะกระแสตลาดกำลังเชี่ยว คนหมู่มากไม่กลัวท่านมาซื้อถัวลง และยินดีที่ท่านยอมสละเงินมารองรับราคาต่ำไม่ให้ตกเร็วด้วยซ้ำ สุดท้ายเงินซื้อก็หมด ลงอีกก็ไม่มีเงินซื้ออีก ตามมาด้วยการขายคัทขาดทุนจนได้ )
ข้อ 21 ..Vs..อย่าเปลี่ยนหุ้น เพราะคิดว่าหุ้นอื่นราคาจะขึ้นดีกว่าตัวเก่าที่ถืออยู่ ในสภาวะตลาดขาลงรุนแรง
(อธิบาย ...เมื่อสภาวะตลาดขาลงรุนแรง หุ้นทั้งกระดานจะถูกคนมองไร้ค่า ทุกคนจะมีแผนปกป้องเงินทุนตนเองก่อน ไม่ว่าจะเป็นนักค้าหุ้นประเภทใด Vi หรือ Vs เพราะกระแสตลาดจะถูกนำโดยหลักจิตวิทยามวลชนก่อนเสมอ เหตุผลจะตามมาทีหลัง ซึ่งไม่รู้ว่าอีกเมื่อใด )