ได้ฤกษ์เก็บหุ้นปันผลระหว่างกาลสูง

กระทู้สนทนา
http://www.efinancethai.com/hotnews/hot/index.aspx?name=h_050713h&release=y

โบรกเกอร์ประสานเสียง แนะนำนักลงทุนทยอยสะสมหุ้นปันผลระหว่างกาลสูง เพื่อสร้างผลตอบแทนและป้องกันความเสี่ยงของพอร์ต เน้นบริษัทที่ให้ยีลด์ 2.5-3.5% ระบุควรซื้อตั้งแต่ก่อนประกาศปันผล 1-2 เดือน จะได้ผลตอบแทนสูงถึง 8% "กรุงศรี"เชียร์ MK-STANLY-MAJOR-DRT- DCC แจ๋วสุด ด้าน"โนมูระพัฒนสิน" มอง INTUCH-AIT- MAJOR เด่น ส่วนหุ้นไทยสัปดาห์นี้ทรงตัว หลังนักลงทุนรอลุ้นงบไตรมาส 2/56 ในช่วงนี้กำลังจะเข้าสู่ฤดูกาลประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/56 และประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล จึงเป็นโอกาสที่ดีที่นักลงทุนจะพิจารณาเลือกซื้อหุ้นที่มีผลการดำเนินงานดี จ่ายปันผลสูงเพื่อสร้างผลตอบแทนและป้องกันความเสี่ยงให้กับพอร์ตของตัวเอง โดยนักวิเคราะห์แนะนำว่าควรเลือกซื้อหุ้นในช่วงก่อนการประกาศจ่ายปันผลประมาณ 1-2 เดือน เพราะจากสถิติในอดีตชี้ชัดว่าสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงถึง 8% เลยทีเดียว รวมทั้งเตือนนักลงทุนว่าไม่ควรซื้อหุ้นในช่วงก่อนขึ้นเครื่องหมายผู้ซื้อหุ้นไม่มีสิทธิรับเงินปันผล(XD)3-4 วัน เพราะให้ผลตอบแทนเพียง 1% ซึ่งอาจไม่คุ้มกับความเสี่ยงที่มีมาก
  
** เปิดโผหุ้นปันผลระหว่างกาลสูง  
             บริษัทหลักทรัพย์ บล.คันทรี่กรุ๊ป แนะนำซื้อหุ้นที่ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสูง ประกอบด้วย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ MCOT คาดให้อัตราตอบแทนเงินปันผล(Dividend yield)ที่ราว 3% บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน)หรือ(MAJOR) คาดให้ Dividend yield สูงถึง 3.6% โดยมองแนวโน้มภาพรวมการจ่ายเงินปันผลทั้งปีของทั้ง 2 บริษัทสูงถึงระดับ 6%
นอกจากนี้ยังแนะนำซื้อ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)หรือ(ANDVANC) คาดให้ Dividend yield ประมาณ 2.1% บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ INTUCH คาดให้ Dividend yield ราว 2.5% และบริษัท แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)หรือ AIT คาดให้ Dividend yield ประมาณ 2.6%
             ด้านบล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) แนะนำทยอยซื้อสะสมหุ้นบริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน)หรือ KCE คาดให้ Dividend yield ราว 2.5% ขณะที่ทั้งปีคาดว่าจะให้ Dividend yield ประมาณ 5% ซึ่งเป็นผลจากการคาดการณ์ว่า KCE จะมีผลการดำเนินงานขยายตัวสูงสุดในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ หรือเติบโต 296% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จากการเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่ของบริษัทย่อยอย่างเคซีอีเทคโนโลยีส่งผลให้ประสิทธิภาพการผลิตดีขึ้น และการใช้กำลังการผลิตมากขึ้น ซึ่งทำให้เห็นการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันคาดว่า ยอดขายในไตรมาส 2/56 จะสูงขึ้น 5-10% จากไตรมาสก่อนหน้า และจะดีต่อเนื่องมายังไตรมาส 3/56 ซึ่งเป็นไปตามซีซั่นของธุรกิจ
             ส่วนบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) แนะนำทยอยสะสม INTUCH คาดให้ Dividend yield ราว 2.6% บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)หรือ BTS คาดให้ Dividend yield ประมาณ 3.5% ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด(มหาชน) หรือ KK คาดให้ Dividend yield ราว 2% และบริษัทมั่นคงเคะการ จำกัด(มหาชน)หรือ MK คาดให้ Dividend yield ประมาณ 2.5%

** แบงก์-อสังหาฯ-ไอซีที ให้ยีลด์สูง
             นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า หุ้นที่มีความสามารถในการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในกลุ่มสื่อสารได้แก่ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) DTAC บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ADVANC บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) INTUCH ซึ่งทั้ง 3 บริษัทฯจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยทั้งปีที่ 5% โดยมีหุ้นที่แนะนำได้แก่ INTUCH ซึ่งสามารถทยอยซื้อก่อนที่จะเริ่มประการผลการดำเนินงานในไตรมาส 2
             สำหรับหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลได้แก่บริษัท บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) LH โดยคาดว่าทั้งปีจะสามารถจ่ายปันผลได้เฉลี่ย 0.50 บาทต่อหุ้น บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) MK จะสามารถจ่ายปันผลทั้งปีได้ 0.30 บาทต่อหุ้น ซึ่งแนะนำนักลงทุนสามารถเริ่มทยอยซื้อได้ ในขณะเดียวกันสามารถถือได้ในระยะยาวเนื่องจากประเมินว่าทั้ง 2 บริษัทฯมีพื้นฐานที่ดี
             ด้านนายประกิต สิริวัฒนเกตุ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เอเซียพลัส เปิดเผยว่า แนะนำให้นักลงทุนเริ่มทยอยซื้อหุ้นแบงก์ก่อนการประกาศผลประกอบการ Q2/56 นี้ ทั้งนี้ คาดว่าหุ้นธนาคาร BBL จะให้ผลตอบแทนเงินปันผลตลอดทั้งปีเฉลี่ยอยู่ที่ 3.8% จ่ายปันผลต่อหุ้นที่ 7.50 บาท ส่วนหุ้น TCAP ผลตอบแทนเฉลี่ยตลอดทั้งปีอยู่ที่ 7.8% จ่ายปันผลตลอดทั้งปีหุ้นละ 3.02 บาท SCB ให้ผลตอบแทนตลอดทั้งปีเฉลี่ย 2.5% คาดว่าจะจ่ายเงินปันผลทั้งปีหุ้นละ 4 บาท และ KK คาดว่าจะให้ผลตอบแทนทั้งปี 6.2% คาดจ่ายปันผลหุ้นละ 3.10 บาทต่อหุ้น

** บล.กรุงศรี แนะเก็บหุ้นก่อนประกาศปันผล 1-2 เดือน
             บทวิเคราะห์ บล.กรุงศรี ระบุว่า ในระหว่างที่ SET Index ปรับฐานแรงจากจุดสูงสุดเมื่อ 21 พ.ค.ที่ระดับ 1650 จุด มาถึงจุดต่ำสุดในเดือน มิ.ย.ที่ 1339 จุด หรือลดลงราว 23% กลยุทธ์ในเดือนกรกฎาคมนี้ จึงเน้นการป้องกันพอร์ตด้วยหุ้น Defensive ประเมินว่า หุ้นที่จ่ายเงินปันผลสูง จะช่วยป้องกันความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนได้ในระดับหนึ่ง เพราะเงินปันผล สร้างแรงจูงใจให้กับผู้ถือหุ้น ถือหุ้นข้ามช่วงเวลาที่ตลาดผันผวนมาก โดยไม่ขายออกมาเสียก่อน ในขณะเดียวกัน ฤดูกาลจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจะเริ่มขึ้นในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า หากตลาดเริ่มฟื้นตัวกลับมาได้ในเดือนนี้ หุ้นปันผลน่าจะได้รับความสนใจจากผู้ซื้อก่อน นอกจากนี้ การปรับตัวลดลงของราคาหุ้นในช่วงเดือนที่ผ่านมา ทำให้ Dividend Yield สูงจูงใจมากขึ้น
             จากการศึกษาเชิงปริมาณ พบว่า การลงทุนในหุ้นปันผลให้ได้กำไรเต็มเม็ดเต็มหน่วยจากทั้ง Capital gain และเงินปันผล ควรซื้อล่วงหน้าตั้งแต่ 1-2 เดือน ก่อนวันขึ้นเครื่องหมาย XD จากข้อมูลในอดีตตั้งแต่ปี 2543-2556 บ่งชี้ว่า จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 8%ในกรณีซื้อล่วงหน้า 2 เดือนและขายในวัน XD และให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 5% หากซื้อล่วงหน้า 1 เดือน (รวมผลตอบแทนจากทั้งเงินปันผลและราคาหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้น)
             เราแนะนำให้ขาย ณ วันขึ้น XD เพราะจากสถิติ ราคาหุ้นหลัง XD มักปรับตัวลดลงและทรงตัวไปอย่างน้อย 1 สัปดาห์ – 1 เดือน กว่าจะเริ่มมีแรงซื้อเข้ามาดันราคาอีกครั้ง จึงแนะนำให้ switch ไปยังหุ้นตัวอื่นที่มีโอกาส outperform มากกว่า อย่างไรก็ตาม เราไม่แนะนำให้ซื้อหุ้นเพื่อรับปันผลในระยะเวลากระชั้นชิดเพียง 1-3 วันก่อนขึ้น XD เนื่องจากผลตอบแทนจะอยู่ในระดับต่ำมากเพียง 1%
ทั้งนี้ แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นปันผลดังนี้ หุ้นปันผล Defensive เน้นหุ้น Market Cap ใหญ่, ให้ผลตอบแทนเงินปันผลระหว่างกาลไม่น้อยกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นไทยปี 2556ที่ระดับ 1.5% และมีค่า Beta ต่ำ (ต่ำกว่า 1 ยิ่งดี) Top Picksได้แก่ INTUCH, ADVANC, RATCH, SCCC, PTT, PTTEP, BCP,KTB หุ้นปันผลขนาดเล็ก เหมาะแก่การเก็งกำไรระยะสั้น เน้นหุ้นที่คาดจะให้ผลตอบแทนเงินปันผลระหว่างกาลสูงกว่าค่าเฉลี่ยมากๆ ได้แก่ MK, STANLY, MAJOR, DRT, DCC

* โนมูระพัฒนสิน คาด INTUCH-AIT- MAJOR จ่ายปันผลระหว่างกาล 2.05-3.11%  
             บทวิเคราะห์ บล.โนมูระพัฒนสิน ระบุว่า ภาวะที่ตลาดฯยังคงมีความผันผวนสูง จากแรงกดดันของความเสี่ยงจากการทยอยไถ่ถอน QEของสหรัฐฯ ที่มีอยู่ ส่งผลให้ราคาหลักทรัพย์หลายบริษัทปรับตัวลดลงค่อนข้างมากในช่วงก่อนหน้า และยังแกว่งตัว ซึ่งการลงทุนภายใต้ความเสี่ยงนี้ นักลงทุนอาจมองหาบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และยังมีแนวโน้มอัตราการเติบโตของกำไรในอนาคตอย่างต่อเนื่องรวมถึงมีอัตราการจ่ายปันผลแก่ผู้ถือหุ้นจะอยู่ในระดับสูงกว่า 5%(Annual Yield) น่าจะเป็ นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนได้ดีในระยะกลาง-ยาว โดยเฉพาะบริษัทที่คาดว่าจะจ่ายเงินปันผล 1H13 ในช่วง กค-สค 13 นี้น่าจะเป็นบริษัททีมีความปลอดภัยต่อการลงทุนในภาวะตลาดผันผวนสูง
             กลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ยึดแนวทางการลงทุนแบบ Defensive เราแนะนำให้หาจังหวะเข้าทยอยสะสมหุ้นที่พื้นฐานแกร่งและมีอัตราการจ่ายปันผลในช่วง 1H13สูง จึงเป็นกลยุทธ์ “1H13 Dividend Play”
             เราได้ทำการคัดกรองหุ้น โดยพิจารณาจาก อัตราการจ่ายปันผลระหว่างกาล (Interim Yield)ระหว่าง 2-5%(Annual Yield มากกว่า 5%) และยังคงมี Upside จาก Bloomberg Consensus สูงกว่า 30% เพื่อเพิ่ม Margin of Safety จะได้กลุ่มหุ้นที่น่าสนใจเหมาะแก่การเข้าสะสม คือ SRICHA, ASP, INTUCH, BTS, ADVANC, AIT และ MAJOR

  **โบรกฯ คาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ทรงตัว นักลงทุนรอลุ้นงบ Q2/56
นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้(8-12 ก.ค.56)คาดว่าจะทรงตัว ต้องรอดูความเคลื่อนไหวของการประกาศงบไตรมาส2/56 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.)ว่าจะออกมาในทิศทางใด รวมถึงความชัดเจนเกี่ยวกับพระราชบัญญัติการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท ว่าจะขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ อีกทั้งปัจจัยเรื่องกระแสเงินทุนจากต่างชาติ (fund flow)ยังเป็นเรื่องน่ากังวลอยู่ เพราะจากสถิติตั้งแต่ต้นปี 2556 เป็นต้นมา ยังไม่มีเงินมาชดเชยหลังจากที่ต่างชาติขายสุทธิไปเป็นจำนวนมาก
"บรรยากาศการลงทุนในสัปดาห์นี้ ค่อนข้างจะเงียบพอควร เพราะไม่มีปัจจัยทั้งบวกและลบเข้ามากระทบ ทั้งที่ตามสถิติภาพรวมของดัชนีฯในช่วงเดือนก.ค. ที่ผ่านมาจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นส่วนใหญ่ ยิ่งถ้าไม่มีความชัดเจนเรื่อง พ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาท ก็จะต้องมองภาพรวมดัชนีฯในเดือนถัดไปที่จะต้องนำเรื่องเข้าสภาฯ ก็อาจจะกดดันหุ้นหลายกลุ่มอยู่ " นายชัย กล่าว
ด้านกลยุทธ์การลงทุนแนะนำให้ถือเพื่อรอปรับพอร์ตและรอข่าวปัจจัยบวก ทั้งนี้ประเมินแนวรับที่ 1,415 จุด และแนวต้านที่ 1,450 จุด

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่