คำเตือน ผลงานในอดีต ไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันผลงานในอนาคต
เปิดโผ 9 หุ้น SET100 ราคาต่ำ 10 บาท ปันผลสูงเกิน 4% หุ้น JAS เงินปันผลตอบแทน YTD สูงสุด 24.10% ราคาปิด 17 ก.ค.2567 ที่ 2.58 บาท รองลงมา หุ้น SIRI เงินปันผลตอบแทน YTD 10.33%
หุ้นที่มีราคาซื้อขายต่ำกว่า 10 บาท ยังคงเป็นที่นิยมของนักลงทุนรายย่อย และนักลงทุนที่มีจำนวนเงินลงทุนไม่สูง เนื่องจากการซื้อขายแต่ละครั้งจะใช้เงินไม่มาก รวมไปถึงนักลงทุนที่ต้องการการซื้อขายในระยะสั้นๆ หรือลักษณะเก็งกำไร จึงทำให้หุ้นประเภทนี้ เป็นหุ้นที่มีความคึกคักในการซื้อขาย
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนรายย่อยที่มีต้นทุนไม่สูงนัก แต่หวังผลในเรื่องอัตราปันผล ในหุ้นราคาต่ำ 10 บาท ที่ยังคงเป็นหุ้นที่มีคุณภาพผ่านการคัดกรองจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมาแล้ว เบื้องต้น "กรุงเพทพธุรกิจ" ได้สำรวจ หุ้นSET 100 ราคาต่ำ 10 บาท ปันผลสูงเกิน 4% มีด้วยกัน 9 หลักทรัพย์ (ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ 17 ก.ย.2567)
1.บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) JAS การดำเนินงานเป็น 3 กลุ่ม 1.ธุรกิจบริการอินเทอร์เน็ตทีวี 2. ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยี โซลูชั่น 3. ธุรกิจอื่นๆ
หมวดธุรกิจ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ราคาปิด 17 ก.ค.2567 ที่ 2.58 บาท
ราคา YTD +22.86%
เงินปันผลตอบแทน YTD 24.10%
มาร์เก็ตแคป 22,169 ล้านบาท
กำไร 6 เดือน 102.22 ล้านบาท
2.บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) SIRI พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก โดยพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตลอดจนจังหวัดต่าง ๆ ที่สำคัญ นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจบริการอสังหาริมทรัพย์ โดยให้บริการด้านการบริหารและจัดการโครงการอสังหาริมทรัพย์ บริหารงานขายโครงการ และบริการตัวแทนซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์
หมวดธุรกิจ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ราคาปิด 17 ก.ค.2567 ที่ 1.86 บาท
ราคา YTD +5.08%
เงินปันผลตอบแทน YTD 10.33%
มาร์เก็ตแคป 32,096 ล้านบาท
กำไร 6 เดือน 2,702.03 ล้านบาท
3.บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) LH พัฒนาโครงการที่พักอาศัยประเภทบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และอาคารชุดพักอาศัยที่มีคุณภาพ เพื่อจำหน่ายให้แก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายตามระดับความต้องการของลูกค้าในแต่ละระดับราคาที่แตกต่างกันไป โดยเน้นการพัฒนาโครงการในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และโครงการตามจังหวัดใหญ่ๆ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย นครราชสีมา ขอนแก่น มหาสารคาม อุดรธานี ประจวบคีรีขันธ์ อยุธยา และภูเก็ต
หมวดธุรกิจ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ราคาปิด 17 ก.ค.2567 ที่ 6.10 บาท
ราคา YTD -25.15%
เงินปันผลตอบแทน YTD 8.20%
มาร์เก็ตแคป 72,893.25 ล้านบาท
กำไร 6 เดือน 2,248.05 ล้านบาท
4.บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) QH พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายและให้เช่า บ้านพร้อมที่ดิน หน่วยในอาคารชุดพักอาศัย อาคารที่พักอาศัยให้เช่า (ธุรกิจเซอร์วิส อะพาร์ตเมนต์ โรงแรม) อาคารสำนักงาน รวมทั้งรับจ้างบริหาร และร่วมลงทุนในธุรกิจอื่นๆ
หมวดธุรกิจ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ราคาปิด 17 ก.ค.2567 ที่ 1.91 บาท
ราคา YTD -14.73%
เงินปันผลตอบแทน YTD 7.85%
มาร์เก็ตแคป 20,464 ล้านบาท
กำไร 6 เดือน 1,110.09 ล้านบาท
5.บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) AP ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หมวดธุรกิจ ธนาคาร
ราคาปิด 17 ก.ค.2567 ที่ 9.75 บาท
ราคา YTD -13.27%
เงินปันผลตอบแทน YTD 7.14%
มาร์เก็ตแคป 30,829.82 ล้านบาท
กำไร 6 เดือน 2,277.13 ล้านบาท
6.บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) BANPU บริษัทพลังงานแบบครบวงจร โดย 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน (ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ รวมถึงงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ การตลาด การค้า โลจิสติกส์ และการจัดหาเชื้อเพลิง และสายส่ง) กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน (โรงไฟฟ้าจากพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป และจากพลังงานหมุนเวียน) และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน (ระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบครบวงจร ระบบจัดเก็บพลังงาน และระบบการจัดการเทคโนโลยีพลังงาน
หมวดธุรกิจ พลังงานและสาธารณูปโภค
ราคาปิด 17 ก.ค.2567 ที่ 6.50 บาท
ราคา YTD -8.09%
เงินปันผลตอบแทน YTD 6.58%
มาร์เก็ตแคป 62,618.14 ล้านบาท
กำไร 6 เดือน 2,488.71 ล้านบาท
7.บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) TLI ธุรกิจประกันชีวิต
หมวดธุรกิจ ประกันภัยและประกันชีวิต
ราคาปิด 17 ก.ค.2567 ที่ 9.00 บาท
ราคา YTD -1.64%
เงินปันผลตอบแทน YTD 5.56%
มาร์เก็ตแคป 103,050.00 ล้านบาท
กำไร 6 เดือน 5,901.76 ล้านบาท
8.ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) TTB ธุรกิจการธนาคารพาณิชย์ทุกประเภทตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน และประกอบกิจการประเภทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการทางการเงิน ตามที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง
หมวดธุรกิจ ธนาคาร
ราคาปิด 17 ก.ค.2567 ที่ 1.94 บาท
ราคา YTD -14.73%
เงินปันผลตอบแทน YTD 5.34%
มาร์เก็ตแคป 20,464 ล้านบาท
กำไร 6 เดือน 1,110.09 ล้านบาท
9.บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) PRM ประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป และปิโตรเคมีเหลว ทางเรือให้กับลูกค้าตามความต้องการอย่างครบวงจร รวมถึงการให้บริการเรือขนส่งที่ให้การสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล และการบริหารจัดการเรือ
หมวดธุรกิจ ขนส่งและโลจิสติกส์
ราคาปิด 17 ก.ค.2567 ที่ 8.85 บาท
ราคา YTD +63.55%
เงินปันผลตอบแทน YTD 4.35%
มาร์เก็ตแคป 21,875.00 ล้านบาท
กำไร 6 เดือน 1,202.51 ล้านบาท
กิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ดัชนีหุ้นไทยใกล้ 1,440 จุด เริ่มเป็นระดับที่อัพไซด์ค่อนข้างจำกัด และมีการตอบรับปัจจัยบวกหลาย ๆ อย่างไปพอสมควรแล้ว ดังนั้นนักลงทุจะต้องระมัดระวังในการทำกำไรในหุ้นหลัก ๆ เช่น สื่อสาร ธนาคารพาณิชย์จะทำให้การเก็งกำไรหมุนไปยังกลุ่มหุ้นขนาดกลาง ขนาดเล็ก หรือกลุ่มหุ้นที่มีการปรับตัวขึ้นได้น้อย โดยภาพ ณ ปัจจุบันมองว่า เป็นจุดไม่ได้มีการไล่ซื้อสักเท่าไร แต่เป็นการรอจังหวะมากกว่า
"หุ้นในกลุ่ม SET100 เป็นหุ้นขนาดกลาง ขนาดเล็ก ซึ่งมองว่า มีความน่าสนใจ เพียงแต่ว่า ระดับการเก็งกำไรของตลาดเริ่มลงมาในหุ้นกลุ่ม SET100 และต่ำกว่า SET100 ลงมา"
พิริยพล คงวาณิช ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์พื้นฐานสายงานวิจัย บล.บัวหลวง ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ภาพตลาดของตลาดหุ้นหลังจากมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเฟด ในช่วง 1 เดือน ค่อนข้างดี โดยเฉลี่ยมีการปรับขึ้นประมาณ 1-3% นั่นแปลว่า เป็นจุดที่ดีที่สุดของตลาดหุ้นไทยในปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในช่วงต้นไตรมาส 4/67 ซึ่งได้รับแรงหนุนจากต่างชาติที่เข้ามาในตลาดหุ้นที่มีการแลกการ์ด รวมถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ จึงทำให้ตลาดหุ้นไทยมีจุดที่ดีสุด
แต่ทว่า ก่อนหน้าหน้าเริ่มมีการส่งสัญญาณของเศรษฐกิจโลก ว่ามีการเห็นสัญญาณที่ชะลอตัว เช่น ตัวเลขเศรษฐกิจที่มีการประกาศออกมาของทั่วโลก ส่วนใหญ่ต่ำคาดหมด นั่นแปลว่า ต่อจากนี้จะเห็นโฟลด์ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจตามมา แต่ปัจจุบันตลาดยังไม่ได้ให้ความสนใจในประเด็นนี้ แต่กลับไปในความสนใจในเรื่องของเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยก่อน
ทั้งนี้ เมื่อเศรษฐกิจโลกชะลอตัวก็จะส่งผลกระทบมายังเศรษฐกิจไทย เนื่องจาก 60% มีการพึ่งพิงส่งออกเป็นหลัก ขณะที่ 10-20% พึ่งท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 3/67 ถึงต้นไตรมาส 4/67
ขณะที่หุ้นกลุ่ม SET100 ยังคงมีความน่าสนใจ แม้ว่าเศรษฐกิจโลกอ่อนแอ แต่กลุ่มที่ดีมาก ๆ ที่นักลงทุนจะเข้าจะเข้ามาลงทุนจะเป็นกลุ่ม Quality Defensive เช่น CPALL CPAXT ของใช้ที่มีความจำเป็น กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มไอซีที กลุ่มโรงไฟฟ้าเป็นหลัก ช่วงประมาณเดือน 9 - 10 คิดว่า กลุ่มที่นักลงทุจะเข้าไปลงทุนจะเป็นกลุ่มจากมาตรการรัฐต่าง ๆ
รวมถึงกลุ่มกำไรเด่น เช่นหุ้น CBG เนื่องจากจะมีการปรับขึ้นค่าแรง และคนในระดับฐานรากเงินจะเยอะขึ้น ส่งผลให้ดีมานด์เครื่องดื่มเยอะขึ้นไปด้วย และกลุ่มสงครามการค้าที่เริ่มมา กลุ่มที่น่าสนใจจะเป็นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม และกลุ่มโรงไฟฟ้า
ทั้งในหุ้นกลุ่ม SET100 ที่มีราคาต่ำกว่า 10 บาท และให้ผลตอบแทนที่ดี มองว่าจะนักลงทุนควรพิจารณาที่เอินนิ่งโมเมนตัม แม้ว่า ณ ปัจจุบัน หุ้นจะมีการไล่ขึ้นมาเกือบทุกกลุ่ม โดยในตอนแรกมีการกวาดหุ้นขนาดใหญ่ขึ้นมาก่อน และตามด้วยหุ้นกลาง และเล็ก หลังจากนั้นเมื่อราคาปรับขึ้นมาหมด ตลาดจะมาโฟกัสที่หุ้นดีเท่านั้น นั่นแปลว่า จะเลือกหุ้นที่มีเอินนิ่งที่ดี แม้ต่อให้มีการจ่ายปันผลดี แต่ราคาหุ้นอาจจะโดนปรับลดลงมาได้ เพราะฉะนั้นหลักการที่ใช้คัดหุ้น เลือกที่มีปันผลดี และต้องเห็นการปรับประมาณการกำไรขึ้นด้วย ก็จะทำให้นักลงทุนเซฟและได้หุ้นที่ดีกว่า
Cr.
https://www.bangkokbiznews.com/finance/stock/1145232
เปิดโผ 9 หุ้น SET100 ราคาต่ำ 10 บาท ปันผลสูงเกิน 4%
เปิดโผ 9 หุ้น SET100 ราคาต่ำ 10 บาท ปันผลสูงเกิน 4% หุ้น JAS เงินปันผลตอบแทน YTD สูงสุด 24.10% ราคาปิด 17 ก.ค.2567 ที่ 2.58 บาท รองลงมา หุ้น SIRI เงินปันผลตอบแทน YTD 10.33%
หุ้นที่มีราคาซื้อขายต่ำกว่า 10 บาท ยังคงเป็นที่นิยมของนักลงทุนรายย่อย และนักลงทุนที่มีจำนวนเงินลงทุนไม่สูง เนื่องจากการซื้อขายแต่ละครั้งจะใช้เงินไม่มาก รวมไปถึงนักลงทุนที่ต้องการการซื้อขายในระยะสั้นๆ หรือลักษณะเก็งกำไร จึงทำให้หุ้นประเภทนี้ เป็นหุ้นที่มีความคึกคักในการซื้อขาย
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนรายย่อยที่มีต้นทุนไม่สูงนัก แต่หวังผลในเรื่องอัตราปันผล ในหุ้นราคาต่ำ 10 บาท ที่ยังคงเป็นหุ้นที่มีคุณภาพผ่านการคัดกรองจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมาแล้ว เบื้องต้น "กรุงเพทพธุรกิจ" ได้สำรวจ หุ้นSET 100 ราคาต่ำ 10 บาท ปันผลสูงเกิน 4% มีด้วยกัน 9 หลักทรัพย์ (ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ 17 ก.ย.2567)
1.บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) JAS การดำเนินงานเป็น 3 กลุ่ม 1.ธุรกิจบริการอินเทอร์เน็ตทีวี 2. ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยี โซลูชั่น 3. ธุรกิจอื่นๆ
หมวดธุรกิจ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ราคาปิด 17 ก.ค.2567 ที่ 2.58 บาท
ราคา YTD +22.86%
เงินปันผลตอบแทน YTD 24.10%
มาร์เก็ตแคป 22,169 ล้านบาท
กำไร 6 เดือน 102.22 ล้านบาท
2.บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) SIRI พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก โดยพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตลอดจนจังหวัดต่าง ๆ ที่สำคัญ นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจบริการอสังหาริมทรัพย์ โดยให้บริการด้านการบริหารและจัดการโครงการอสังหาริมทรัพย์ บริหารงานขายโครงการ และบริการตัวแทนซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์
หมวดธุรกิจ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ราคาปิด 17 ก.ค.2567 ที่ 1.86 บาท
ราคา YTD +5.08%
เงินปันผลตอบแทน YTD 10.33%
มาร์เก็ตแคป 32,096 ล้านบาท
กำไร 6 เดือน 2,702.03 ล้านบาท
3.บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) LH พัฒนาโครงการที่พักอาศัยประเภทบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และอาคารชุดพักอาศัยที่มีคุณภาพ เพื่อจำหน่ายให้แก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายตามระดับความต้องการของลูกค้าในแต่ละระดับราคาที่แตกต่างกันไป โดยเน้นการพัฒนาโครงการในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และโครงการตามจังหวัดใหญ่ๆ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย นครราชสีมา ขอนแก่น มหาสารคาม อุดรธานี ประจวบคีรีขันธ์ อยุธยา และภูเก็ต
หมวดธุรกิจ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ราคาปิด 17 ก.ค.2567 ที่ 6.10 บาท
ราคา YTD -25.15%
เงินปันผลตอบแทน YTD 8.20%
มาร์เก็ตแคป 72,893.25 ล้านบาท
กำไร 6 เดือน 2,248.05 ล้านบาท
4.บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) QH พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายและให้เช่า บ้านพร้อมที่ดิน หน่วยในอาคารชุดพักอาศัย อาคารที่พักอาศัยให้เช่า (ธุรกิจเซอร์วิส อะพาร์ตเมนต์ โรงแรม) อาคารสำนักงาน รวมทั้งรับจ้างบริหาร และร่วมลงทุนในธุรกิจอื่นๆ
หมวดธุรกิจ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ราคาปิด 17 ก.ค.2567 ที่ 1.91 บาท
ราคา YTD -14.73%
เงินปันผลตอบแทน YTD 7.85%
มาร์เก็ตแคป 20,464 ล้านบาท
กำไร 6 เดือน 1,110.09 ล้านบาท
5.บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) AP ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หมวดธุรกิจ ธนาคาร
ราคาปิด 17 ก.ค.2567 ที่ 9.75 บาท
ราคา YTD -13.27%
เงินปันผลตอบแทน YTD 7.14%
มาร์เก็ตแคป 30,829.82 ล้านบาท
กำไร 6 เดือน 2,277.13 ล้านบาท
6.บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) BANPU บริษัทพลังงานแบบครบวงจร โดย 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน (ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ รวมถึงงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ การตลาด การค้า โลจิสติกส์ และการจัดหาเชื้อเพลิง และสายส่ง) กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน (โรงไฟฟ้าจากพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป และจากพลังงานหมุนเวียน) และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน (ระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบครบวงจร ระบบจัดเก็บพลังงาน และระบบการจัดการเทคโนโลยีพลังงาน
หมวดธุรกิจ พลังงานและสาธารณูปโภค
ราคาปิด 17 ก.ค.2567 ที่ 6.50 บาท
ราคา YTD -8.09%
เงินปันผลตอบแทน YTD 6.58%
มาร์เก็ตแคป 62,618.14 ล้านบาท
กำไร 6 เดือน 2,488.71 ล้านบาท
7.บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) TLI ธุรกิจประกันชีวิต
หมวดธุรกิจ ประกันภัยและประกันชีวิต
ราคาปิด 17 ก.ค.2567 ที่ 9.00 บาท
ราคา YTD -1.64%
เงินปันผลตอบแทน YTD 5.56%
มาร์เก็ตแคป 103,050.00 ล้านบาท
กำไร 6 เดือน 5,901.76 ล้านบาท
8.ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) TTB ธุรกิจการธนาคารพาณิชย์ทุกประเภทตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน และประกอบกิจการประเภทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการทางการเงิน ตามที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง
หมวดธุรกิจ ธนาคาร
ราคาปิด 17 ก.ค.2567 ที่ 1.94 บาท
ราคา YTD -14.73%
เงินปันผลตอบแทน YTD 5.34%
มาร์เก็ตแคป 20,464 ล้านบาท
กำไร 6 เดือน 1,110.09 ล้านบาท
9.บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) PRM ประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป และปิโตรเคมีเหลว ทางเรือให้กับลูกค้าตามความต้องการอย่างครบวงจร รวมถึงการให้บริการเรือขนส่งที่ให้การสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล และการบริหารจัดการเรือ
หมวดธุรกิจ ขนส่งและโลจิสติกส์
ราคาปิด 17 ก.ค.2567 ที่ 8.85 บาท
ราคา YTD +63.55%
เงินปันผลตอบแทน YTD 4.35%
มาร์เก็ตแคป 21,875.00 ล้านบาท
กำไร 6 เดือน 1,202.51 ล้านบาท
กิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ดัชนีหุ้นไทยใกล้ 1,440 จุด เริ่มเป็นระดับที่อัพไซด์ค่อนข้างจำกัด และมีการตอบรับปัจจัยบวกหลาย ๆ อย่างไปพอสมควรแล้ว ดังนั้นนักลงทุจะต้องระมัดระวังในการทำกำไรในหุ้นหลัก ๆ เช่น สื่อสาร ธนาคารพาณิชย์จะทำให้การเก็งกำไรหมุนไปยังกลุ่มหุ้นขนาดกลาง ขนาดเล็ก หรือกลุ่มหุ้นที่มีการปรับตัวขึ้นได้น้อย โดยภาพ ณ ปัจจุบันมองว่า เป็นจุดไม่ได้มีการไล่ซื้อสักเท่าไร แต่เป็นการรอจังหวะมากกว่า
"หุ้นในกลุ่ม SET100 เป็นหุ้นขนาดกลาง ขนาดเล็ก ซึ่งมองว่า มีความน่าสนใจ เพียงแต่ว่า ระดับการเก็งกำไรของตลาดเริ่มลงมาในหุ้นกลุ่ม SET100 และต่ำกว่า SET100 ลงมา"
พิริยพล คงวาณิช ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์พื้นฐานสายงานวิจัย บล.บัวหลวง ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ภาพตลาดของตลาดหุ้นหลังจากมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเฟด ในช่วง 1 เดือน ค่อนข้างดี โดยเฉลี่ยมีการปรับขึ้นประมาณ 1-3% นั่นแปลว่า เป็นจุดที่ดีที่สุดของตลาดหุ้นไทยในปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในช่วงต้นไตรมาส 4/67 ซึ่งได้รับแรงหนุนจากต่างชาติที่เข้ามาในตลาดหุ้นที่มีการแลกการ์ด รวมถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ จึงทำให้ตลาดหุ้นไทยมีจุดที่ดีสุด
แต่ทว่า ก่อนหน้าหน้าเริ่มมีการส่งสัญญาณของเศรษฐกิจโลก ว่ามีการเห็นสัญญาณที่ชะลอตัว เช่น ตัวเลขเศรษฐกิจที่มีการประกาศออกมาของทั่วโลก ส่วนใหญ่ต่ำคาดหมด นั่นแปลว่า ต่อจากนี้จะเห็นโฟลด์ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจตามมา แต่ปัจจุบันตลาดยังไม่ได้ให้ความสนใจในประเด็นนี้ แต่กลับไปในความสนใจในเรื่องของเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยก่อน
ทั้งนี้ เมื่อเศรษฐกิจโลกชะลอตัวก็จะส่งผลกระทบมายังเศรษฐกิจไทย เนื่องจาก 60% มีการพึ่งพิงส่งออกเป็นหลัก ขณะที่ 10-20% พึ่งท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 3/67 ถึงต้นไตรมาส 4/67
ขณะที่หุ้นกลุ่ม SET100 ยังคงมีความน่าสนใจ แม้ว่าเศรษฐกิจโลกอ่อนแอ แต่กลุ่มที่ดีมาก ๆ ที่นักลงทุนจะเข้าจะเข้ามาลงทุนจะเป็นกลุ่ม Quality Defensive เช่น CPALL CPAXT ของใช้ที่มีความจำเป็น กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มไอซีที กลุ่มโรงไฟฟ้าเป็นหลัก ช่วงประมาณเดือน 9 - 10 คิดว่า กลุ่มที่นักลงทุจะเข้าไปลงทุนจะเป็นกลุ่มจากมาตรการรัฐต่าง ๆ
รวมถึงกลุ่มกำไรเด่น เช่นหุ้น CBG เนื่องจากจะมีการปรับขึ้นค่าแรง และคนในระดับฐานรากเงินจะเยอะขึ้น ส่งผลให้ดีมานด์เครื่องดื่มเยอะขึ้นไปด้วย และกลุ่มสงครามการค้าที่เริ่มมา กลุ่มที่น่าสนใจจะเป็นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม และกลุ่มโรงไฟฟ้า
ทั้งในหุ้นกลุ่ม SET100 ที่มีราคาต่ำกว่า 10 บาท และให้ผลตอบแทนที่ดี มองว่าจะนักลงทุนควรพิจารณาที่เอินนิ่งโมเมนตัม แม้ว่า ณ ปัจจุบัน หุ้นจะมีการไล่ขึ้นมาเกือบทุกกลุ่ม โดยในตอนแรกมีการกวาดหุ้นขนาดใหญ่ขึ้นมาก่อน และตามด้วยหุ้นกลาง และเล็ก หลังจากนั้นเมื่อราคาปรับขึ้นมาหมด ตลาดจะมาโฟกัสที่หุ้นดีเท่านั้น นั่นแปลว่า จะเลือกหุ้นที่มีเอินนิ่งที่ดี แม้ต่อให้มีการจ่ายปันผลดี แต่ราคาหุ้นอาจจะโดนปรับลดลงมาได้ เพราะฉะนั้นหลักการที่ใช้คัดหุ้น เลือกที่มีปันผลดี และต้องเห็นการปรับประมาณการกำไรขึ้นด้วย ก็จะทำให้นักลงทุนเซฟและได้หุ้นที่ดีกว่า
Cr. https://www.bangkokbiznews.com/finance/stock/1145232