เรื่องมีอยู่ว่า พ่อไปค้ำรถให้ญาติ เมื่อประมาณ  10  ปีที่แล้ว  และญาติส่งรถไม่ไหว เขาจึงให้ Finance ของทิสโก้ ยึดรถไป แล้วต่อมาทางทิสโก้ได้มีการฟ้องร้องต่อศาลเพื่อเรียกค่าส่วนต่างจำนวนหนึ่ง ซึ่งตอนไปขึ้นศาลนั้นทางผู้ซื้อรถและทางผู้ค้ำรถทั้งสองคน (พ่อเป็นคนค้ำคนที่ 1 และพี่ชายของผู้ซื้อเป็นคนค้ำคนที่สอง) และศาลตัดสินให้จ่ายค่าส่วนต่างเป็นจำนวน 50000 บาทจากยอดที่ฟ้องประมาณ สองแสนกว่าบาท และทางผู้ซื้อตกลงว่าจะจ่ายให้ทิสโก้เดือนละ 500 บาททุกเดือน แต่ต่อมาทางผู้ซื้อไม่ได้จ่ายเงินให้ทิสโก้ และเมื่อประมาณปี 2554  ก็มีหมายจากกรมบังคับคดี มาหาที่บ้านพ่อ และได้แจ้งว่ายึดที่ดินเป็นจำนวน 5 ไร่  เพื่อจะนำไปชดใช้หนี้จำนวน 50000 รวมดอกเบี้ยอีก 30000 บาท เพราะคนซื้อไม่ได้ชำระมาหลังจากศาลตัดสินเป็นเวลา 3 ปีแล้ว ซึ่งทางคนค้ำไม่ทราบเลยว่าผู้ซื้อไม่ได้ชำระ  จึงมีข้อสงสัยและสอบถามว่า
1.ในเมื่อคนซื้อเขาก็มีทรัพย์สินทำไมเขาไม่ยึดของผู้ซื้อก่อน
2.ที่ดินของพ่อติดจำนองที่ ธกส อยู่เป้นเวลา 15 ปีถึงจะส่งหมด แล้ว ทิสโก้ เขาจะเอาที่ไปขายทอดตลาดได้ไหม
3.เราสามารถเจรจากับธนาคารได้ไหมว่าให้เขาหารเฉลี่ยกันเพื่อใช้หนี้ทั้งหมด 3 คน ไม่ใช่มาตกที่ผู้ค้ำคนแรกคนเดียว เพราะญาติ และพี่ชายของญาติ เขาไม่เดือดร้อนอะไรเลย เขาถือว่าไม่ได้ยึดของของเขา
     และเมื่อวันศุกร์ที่  5 กรกฎาคม 2556  ทางคุณพ่อบอกว่ามีเอกสารมาจากกรมบังคับคดี  เพื่อขอเชิญให้เข้าร่วมโครงการไกล่เกลี่ยกันระหว่างทิสโก้กับคุณพ่อ โดยมีกรมบังคับคดีเป้นตัวกลาง จึงอยากสอบถามว่าควรไปเจรจาและสอบถามในเรื่องที่เราข้องใจใหม  และใครเคยไปเจรจาบ้างหลังจากที่โดนหมายยึดทรัพย์แล้ว  และมีวิธีการเจรจาอย่างไรเพื่อให้เขาลดยอดหนี้ลง หรือให้เขาตัดสินใหม่โดยหารเฉลี่ยยอดหนี้กันทั้ง 3 คน ที่เป็นผู้ซื้อและผู้ค้ำอีกคน  เพราะอยากให้เขาเดือดร้อนกันบ้างไม่ใช่เราเดือดร้อนคนเดียว
        และขอสอบถามเพิ่มเติม  ในกรณีที่เราชำระหนี้แทนผู้ซื้อแล้ว  เราต้องยื้่นเรื่องทำอย่างไรต่อเพื่อฟ้องผู้ซื้อและเรียกเงินของเราคืน  เพราะเขามีที่มีบ้านอยู่ใกล้กันกับเราครับ