ทันทีที่ลมฝนสงบลง ประพนธ์ก็รีบพาภคพรขับรถกลับบ้านด้วยความเหนื่อยล้าและเหน็บหนาวที่ไม่ต่างกัน ทั้งเขาและเธอต่างฝ่าย
ต่างมีไข้ขึ้นสูงเพราะสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาหลายนาที
ภคพรและประพนธ์นอนซมอยู่บนเตียงนอนใกล้ๆกันโดยมีประไพรและนมมาลัยเป็นผู้คอยดูแล เพราะไข้ที่ขึ้นสูงทำให้พวกเขาต้องคอยเช็ดตัวกันอยู่ตลอดเวลา
“แม่ เนย์เป็นไงมั่งครับ”
ประพนธ์ถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง รู้สึกเจ็บระบมคอไปหมด
“เมียลูกกินยานอนหลับไปแล้ว ไม่ต้องห่วงนะ แม่ว่าลูกเป็นห่วงตัวเองก่อนดีไหม นอนหลับให้สบายเถอะ”
ภคพรนั่งอยู่ใกล้ๆลูกชาย ยกมือเสยผมที่ปกหน้าผากเขาอยู่อย่างเอ็นดู
“เขาไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
ประพนธ์รู้สึกเบาใจ ก่อนจะหลับตาลงนอนอีกครั้งเพราะฤทธิ์ยาแก้ไข้
เมื่อหมดฤทธิ์ยาและไข้ตัวร้อนที่ค่อยๆดีขึ้น ภคพรก็เริ่มขยับตัวและลืมตาตื่นขึ้นด้วยความหิวโหย ก่อนจะหันไปมองประพนธ์ที่นอนอยู่
ข้างๆเธอด้วยความรู้สึกรักที่เอ่อล้นในดวงใจ เพราะเธอกำลังมีความรัก มันทำให้ความคิดที่จะแก้แค้นไม่ได้อยู่ในหัวสมองของเธอเลยในตอนนี้
“หล่อ...”
ภคพรอมยิ้มกับตัวเองเบาๆ นอนมองประพนธ์อยู่อย่างนั้นด้วยความสุข
“หึหึ”
หญิงสาวรู้สึกเขินขึ้นมาเมื่อนึกถึงสัมผัสอันอ่อนโยนของประพนธ์ ก่อนจะเขยิบเข้าไปใกล้และซบหน้าลงบนไหล่กว้างของเขาด้วยความรู้สึก
ที่แสนอบอุ่น
“ว่าไงคุณ แอบมองผมอยู่ได้ ผมเขินนะ”
ประพนธ์หัวเราะร่วน หันมาหาภคพรและรวบร่างบางของเธอเข้ามากอดเอาไว้ในอกอุ่น แนบแน่น
“คุณจะมากอดฉันทำไม ปล่อยนะ”
ภคพรหน้าแดงกร่ำ พยายามดันให้ประพนธ์ออกห่าง แต่ก็ไม่เป็นผล
“คนโกหก อยากให้ผมกอดก็ไม่บอก”
ประพนธ์ยิ้มหวาน จู่โจมจูบหน้าผากของภคพร รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกเวลาที่ได้อยู่ใกล้ๆเธอ
“คุณ อย่านะ...”
ภคพรพยายามขัดขืน แต่ประพนธ์ไม่ยอมปล่อยเธอ
“อย่าช้าใช่มั้ยคุณ”
ประพนธ์หัวเราะหน้าทะเล้น พลิกตัวเองขึ้นค่อมร่างบางของภคพรไว้อย่างดื้อดึง มือทั้งสองข้างของหญิงสาวถูกประพนธ์ตรึงเอาไว้กับที่นอนอย่างแสนง่ายดาย
“คุณ ฉันเป็นไข้อยู่นะ”
ภคพรรีบร้อนหาข้อแก้ตัวหน้าตาเลิ่กลั่ก
“ไม่เป็นไรคุณ ผมก็ไม่สบายเหมือนกัน ผมไม่กลัวติดหวัดหรอก”
ประพนธ์ยังคงอมยิ้มหน้าทะเล้น
“ฉันหมายถึง ฉันเหนื่อยน่ะคุณ ถอยไปเลยนะ”
ภคพรมองประพนธ์หน้าบึ้งอย่างแสนงอน
“กี่ทีๆ คนที่เหนื่อยก็ผมทุกที นอนเฉยๆยังเหนื่อยอีกหรอคุณ”
ประพนธ์อมยิ้ม กวนประสาท
“คุณ!!!”
ภคพรเสียงดังใส่ประพนธ์เพื่อกลบเกลื่อนความเขินอาย
“ผมไม่ได้ทำแบบนี้กับคุณเพราะผมเกลียดหรือไม่ชอบคุณ แต่ที่ผมทำก็เพราะว่าผมอยากทำ เพราะผู้หญิงที่นอนอยู่ตรงหน้าผมตรงนี้คือคุณ...”
ประพนธ์มองจ้องหน้าหญิงสาวไม่วางสายตา ภคพรนอนนิ่งงันไม่ขยับเขยื้อน รู้สึกอบอุ่นหัวใจเพราะคำพูดไพเราะหน้าฟังของประพนธ์
“รู้แล้ว”
ภคพรยิ้มหวาน หลับตาพริ้มลงอย่างยินยอมพร้อมใจ ประพนธ์เขยิบหน้าเข้ามาใกล้หญิงสาวและบรรจงจูบอย่างแผ่วเบาลงบนฝีปากอวบอิ่มของภคพร ก่อนจะทำทุกสิ่งทุกอย่างตามแรงปรารถนาในหัวใจที่พลุ่งพล่านอย่างไม่อาจควบคุม เขาปฏิเสธไม่ได้อีกแล้วว่าเขาเองก็เริ่มที่จะมีใจให้ภคพร ผู้หญิงแสนร้ายกาจที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขามาเนิ่นนาน
ภคพรนอนสลบไสลอยู่ในอ้อมกอดของประพนธ์จนฟ้าสาง ความรู้สึกดีๆที่ต่างคนต่างมอบให้กันมันทำให้หัวใจของพวกเขารู้สึกอบอุ่น
“ว๊าย!! ตายแล้ว”
ประไพรร้องลั่นด้วยความตกใจ ยืนเอามือปิดหน้า เพราะลูกชายตัวแสบนอนไม่ใส่เสื้อผ้าอยู่ใต้ผ้าห่ม ลูกสะใภ้ของเธอก็เช่นกัน
“เสียงดังอะไรแต่เช้าครับแม่ ผมง่วงนอน”
ประพนธ์ลืมตาขึ้นมาหน้าบึ้ง
“นี่ลูกสองคนไม่สบายอยู่ไม่ใช่หรอ ไม่สบายแล้ว...แล้ว...”
ประไพรลำบากใจที่จะพูดออกมา
“ตายห่าแล้ว!!”
ประพนธ์ดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดแผ่นอกกว้างของเขาและแผ่นหลังขาวเนียนของภรรยาเขาด้วยความตกใจ
“เบาๆครับแม่ เธอยังไม่ตื่น เธอคงเพลียน่ะครับ ตัวยังอุ่นๆอยู่เลย”
ประพนธ์กระซิบกระซาบ ยังคงกอดภคพรเอาไว้ในอ้อมแขน
“แม่ทนดูแกไม่ได้แล้ว ปล่อยให้หนูภคพรเค้าพักผ่อน ทำอะไรก็ไม่รู้ ทะลึ่ง”
ประไพรดุลูกชายเสียงแผ่วเบา รีบร้อนเดินออกจากห้องไปหน้าตาบึ้งตึง ประพนธ์หันมามองหน้าภคพรที่ซบอยู่บนอกอุ่นของเขาด้วยรอยยิ้ม
หวานเยิ้ม
“แม่คุณไปแล้วหรอ”
ภคพรเงยหน้าขึ้นถามประพนธ์
“อ้าว! นี่คุณตื่นแล้วหรอ”
ประพนธ์ยิ้มหวานให้ภคพร แต่ก็รู้สึกประหลาดใจ
“ฉันอายนะ ที่แม่คุณเข้ามาแบบนั้น ป่านนี้ท่านคงคิดว่าฉันโรคจิตตามคุณไปแล้วมั้ง”
ภคพรหน้างอ
“ช่างแม่เถอะคุณ เมื่อคืนคุณก็ดูมีความสุขแล้วก็ให้ความร่วมมือดีนี่”
ประพนธ์ล้อเลียนหญิงสาว
“คุณ ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”
ภคพรรีบร้อนแก้ตัว อายแสนอาย
“โอเคๆ ผมทำเองคนเดียว คุณไม่ได้ทำอะไรเลย ผมเอง ผมคนเดียว”
ประพนธ์ยังคงล้อเลียน
“ไอ้โรคจิต ฉันอายนะ”
ภคพรซบหน้าลงบนแผ่นอกกว้างของประพนธ์เพื่อหลบสายตาเขาเพราะความอาย ในขณะที่ประพนธ์หัวเราะร่วนอย่างชอบอกชอบใจ
ประพนธ์ยืนมองภคพรยืนสั่งการเด็กรับใช้ในบ้านจัดตกแต่งข้าวของอยู่ที่ริมสระน้ำสถานที่จัดงานคืนวันพรุ่งนี้อย่างขะมักเขม้นด้วยรอยยิ้ม เขายืนมองเธออยู่อย่างนั้นอย่างไม่รู้ตัว
“สายตาที่ลูกมองหนูภคพรมันเป็นสายตาแบบเดียวกันกลับที่พ่อมองแม่เลยนะ”
พิภพเดินเข้ามาหาลูกชายหลังจากที่ยืนมองดูเขายิ้มอยู่สักพัก
“ผมเปล่านะ”
ประพนธ์รีบหันหน้าหนี ปฏิเสธอย่างขันแข็ง
“ลูกโกหกพ่อได้ หรือจะโกหกใครๆก็ได้ แต่ลูกโกหกใจตัวเองไม่ได้หรอก ยอมรับซะเถอะว่าลูกหลงเสน่ห์เมียตัวเองเข้าให้แล้ว”
พิภพยืนยิ้มหวาน หัวเราะชอบใจกับท่าทีของลูกชาย
“ผมไม่ได้คิดอะไร จริงๆครับพ่อ เกตุแก้ว ผู้หญิงคนนั้นหน้าสงสาร ผมทำร้ายเธอไม่ลงหรอกครับ”
ประพนธ์ตอกย้ำใจตัวเองด้วยความเศร้าสร้อย เขาต้องดึงตัวเองออกมาจากวังวันแห่งความรักแบบผิดๆในครั้งนี้ให้ได้
ภคพรเดินมาจัดการข้าวของในครัวต่ออย่างขะมักเขม้น เพราะความรักและเคารพที่เธอมีให้ประไพรทำให้เธออยากให้งานในคืนวันพรุ่งนี้ออกมาดูดีที่สุด
“อยู่ไหนนะ”
หญิงสาวมองหาถ้วยใบใหม่ที่เธอซื้อมา แต่เพราะตู้อยู่สูงเกินไปทำให้เธอไม่สามารถมองเห็นจานและต้องเขย่งเท้า พร้อมกับเอื้อมมือสุดแขนเพื่อหยิบจานอย่างทุลักทุเล
“หึหึ”
ประพนธ์อมยิ้มกับตัวเอง ยืนมองดูภคพรพยายามด้วยตัวเองอยู่ซักพัก ก่อนจะเดินไปยืนซ้อนอยู่ข้างหลังเธออย่างตั้งใจ
“แขนขาสั้นแบบคุณ หยิบไม่ถึงหรอก ผมเอง”
ประพนธ์พูดด้วยน้ำเสียงฟังสบายๆ ภคพรหันขวับมามองหน้าเขาตกใจ ก่อนจะต้องถอยหลังผงะเพราะความใกล้ชิดของเขาและเธอ หญิงสาว
เงยหน้ามองชายหนุ่มตาใส รู้สึกอึดอัดกับความใกล้ชิดกันขนาดนี้
“ฉันหายใจไม่ออกถอยออกไปหน่อย”
ภคพรเอ่ยปากก่อน เมื่อประพนธ์ก็เอาแต่ยืนนิ่งและมองจ้องหน้าเธอในระยะประชิด
“โทษที”
ประพนธ์ถอยหลังออกมาหนึ่งก้าว ยืนสงบสติอารมณ์และควบคุมความรู้สึกร้อนลุ่มภายในใจของตัวเอง ตั้งแต่ภคพรตกเป็นของเขา ทุกๆครั้งที่เขาเข้าใกล้เธอมันเหมือนกับมีมนต์สะกดบางอย่างที่ทำให้เขาต้องมีความรู้สึกปรารถนาในตัวเธอทุกครั้งไป กลิ่นน้ำหอมและกลิ่นกลายของ
หญิงสาวยังคงติดอยู่ในใจของเขาอย่างไม่อาจลบลืม
“เอาจานคืนมาเลย”
ภคพรแย่งจานในมือประพนธ์ที่ยังยืนใจลอย
“ก็เอาไปสิ”
ประพนธ์ยิ้มบางๆ รู้สึกทรมานกับการเก็บซ่อนความรู้สึกของตัวเอง
“มองกันตาหวานเยิ้มขนาดนี้ ท่าทางเราจะได้ยินข่าวดีเร็วๆนี้แน่เลยค่ะคุณแม่”
นวพรรษเดินเข้ามาในครัวกับแม่เธอด้วยรอยยิ้มหวาน มองดูภคพรและประพนธ์ยืนมองหน้ากันด้วยความสุข
“ผมออกไปข้างนอกก่อนนะครับ”
ประพนธ์อายจนหน้าแดง รีบร้อนเดินออกจากห้องครัวไป
“เพ้อเจ้อ พี่จะไปมีลูกกับนายคนนั้นได้ยังไง”
ภคพรหลบสายตา
“คุณประไพรเล่าเรื่องทุกอย่างให้แม่ฟังหมดแล้ว คนสองคนเป็นคนคนเดียวกันแล้ว ทำไมจะมีลูกไม่ได้ล่ะจ๊ะ”
เพียงพรจับแขนลูกสาวเบาๆ
“คุณแม่นะคุณแม่”
ภคพรอายหน้าแดงแจ๋ รีบร้อนเดินออกจากครัวไปอีกคน
“ถ้าเขาสองคนรักกันได้จริงๆก็ดีสิคะ เรื่องวุ่นๆนี่จะได้จบลงซะที”
นวพรรษพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มแห่งความหวัง เธอจะขอสวดมนต์ภาวนาให้ความรักของประพนธ์ทำให้เธอและครอบครัวได้พี่สาวคนเดิมกลับคืนมา
ทุกคนในบ้านช่วยกันพูดกรอกหูภคพรและประพนธ์เรื่องการมีลูกของพวกเขาตลอดทั้งบ่ายจนประพนธ์และภคพรเริ่มจะเขินและกลัวการ
ที่จะต้องเข้าใกล้ การมองหน้ากันของเขาทั้งสองคนกลายเป็นเรื่องยากเย็นขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ
“ป่านนี้ตาคนนั้นคงนอนไปแล้วแหละมั้ง”
ภคพรพูดกับตัวเองคนเดียว หลังจากนั่งเล่นอยู่ที่เตียงเล็กๆริมสระน้ำตั้งแต่ตอนหัวค่ำจนถึงขณะนี้
“ตาคนนั้นของคุณนี่ ผมหรือเปล่า ผมยังไม่หลับ”
ประพนธ์เดินออกมาจากความมืด ภคพรหันขวับไปมองตกตะลึง เธอเริ่มจะไม่ไว้ใจหัวใจของตัวเองที่มันเริ่มอ่อนแอขึ้นทุกวันๆ
“งั้นฉันก็จะไปนอนและ”
ภคพรรีบร้อนลุกขึ้น แต่ถูกประพนธ์ฉุดแขนเอาไว้ หน้าตาท่าทางเป็นทุกข์ของเขา ทำให้ภคพรเองก็เริ่มที่จะลำบากใจกับความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงและความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นในใจเธอเช่นกัน
“คุณรู้ใช่มั้ย ว่าผมมีคนรักอยู่แล้ว และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมต้องรับผิดชอบเธอ”
ประพนธ์พูดถ้อยคำที่มันบาดหัวใจของทั้งคนพูดและคนฟังพอๆกัน
“ฉันมีความแค้นที่ต้องชำระ และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จนกว่าผู้ชายคนนั้นจะพังพินาศย่อยยับ ฉันจะไม่ยอมหย่ากับคุณ”
ภคพรพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก หัวใจของเธอตอนนี้มันเจ็บปวดเหลือเกิน
“แค่นี้ทุกคนยังเจ็บปวดกันไม่พออีกหรอ คุณไม่เห็นหรอว่าพี่กันย์เขากำลังทุกข์ทรมานขนาดไหน ผม คุณ เกตุแก้ว ความสัมพันธ์ของเราสามคนตอนนี้ มัน…มัน…มันมีแต่ความทุกข์ทรมาน มันมีแต่ความเสียใจ เพราะคุณผมต้องกลายเป็นไอ้
ที่ข่มเหงผู้หญิง เพราะคุณทำให้ผมทรยศผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุด เพราะคุณทำให้ผมต้องมารู้สึกแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดมันเพราะคุณ…เพราะคุณ…”
ประพนธ์ยืนน้ำตาเอ่อไหลอยู่ตรงหน้าภคพรอย่างไม่อาจปิดบัง ความทุกข์ทรมานในใจเขามันหนักหนาและไม่มีทีท่าว่าจะทุเรา
“ฉันเคยเป็นผู้หญิงธรรมดาๆคนนึงที่ไม่ได้ร้ายกาจแบบนี้ ฉันเคยมีน้องสาวที่น่ารักและมีแต่รอยยิ้มเธอพูดเก่ง ยิ้มเก่งและมีแต่ความสุข แต่เพราะผู้ชายเลวๆคนนั้น ฉันต้องกลายเป็นคนเลวร้ายแบบนี้ เพราะคนคนนั้นน้องสาวของฉันต้องกลายเป็นซากศพเดินได้ ใช้ชีวิตไปวันๆอย่าง
ไร้จุดหมาย ถ้าเป็นคุณ คุณจะให้อภัยผู้ชายคนนั้นได้หรอ ฉันทำไม่ได้ ฮือๆๆๆ ฉันทำไม่ได้”
ภคพรร้องไห้โฮออกมาต่อหน้าประพนธ์ เปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงในใจของเธอ
“ผมรักคุณไม่ได้ ผมจะมีลูกกับคุณไม่ได้ ผมทำร้ายเกตุแก้วอย่างเลือดเย็นแบบนั้นไม่ได้ ผมจะรักผู้หญิงสองคนพร้อมๆกันไม่ได้”
ประพนธ์มองจ้องหน้าภคพรทั้งน้ำตา ร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความทุกข์ทรมาน เขาจนปัญญาแล้วจริงๆสำหรับทางออกของปัญหาทั้งหมดนี้
“อย่ามาใกล้ฉันอีก อย่ามาทำแบบนั้นกับฉันอีก อย่ามาทำให้ฉันต้องตกหลุมรักคุณอีก…”
คำว่ารักจากปากภคพรทำให้ประพนธ์ปวดร้าวไปหมดทั้งหัวใจ ความรู้สึกของเขาไม่ได้ผิด ภคพรมีใจให้เขาเหมือนกัน
“.. อย่ามาทำให้ฉันต้องทุกข์ทรมานเพราะคุณอีก ฮือๆๆๆ”
ภคพรร้องไห้สะอึกสะอื้น น้ำตานองใบหน้า เรื่องทั้งหมดเธอเป็นคนเริ่มต้น เธอจะต้องยอมรับในทุกข์ความเจ็บปวดและต้องผ่านมันไปให้ได้
“ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป อย่าหวังว่าคุณจะได้เข้าใกล้หัวใจของฉันอีก”
ภคพรพูดประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เดินหนีประพนธ์ไปทั้งน้ำตา เรื่องราวของพวกเขามันมีแต่ความทุกข์ทรมานและเต็มไปด้วย
ความเสียใจ
ต่อด้านล่างเลยจร้า
ไร้หัวใจ ตอนที่ 27
ต่างมีไข้ขึ้นสูงเพราะสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาหลายนาที
ภคพรและประพนธ์นอนซมอยู่บนเตียงนอนใกล้ๆกันโดยมีประไพรและนมมาลัยเป็นผู้คอยดูแล เพราะไข้ที่ขึ้นสูงทำให้พวกเขาต้องคอยเช็ดตัวกันอยู่ตลอดเวลา
“แม่ เนย์เป็นไงมั่งครับ”
ประพนธ์ถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง รู้สึกเจ็บระบมคอไปหมด
“เมียลูกกินยานอนหลับไปแล้ว ไม่ต้องห่วงนะ แม่ว่าลูกเป็นห่วงตัวเองก่อนดีไหม นอนหลับให้สบายเถอะ”
ภคพรนั่งอยู่ใกล้ๆลูกชาย ยกมือเสยผมที่ปกหน้าผากเขาอยู่อย่างเอ็นดู
“เขาไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
ประพนธ์รู้สึกเบาใจ ก่อนจะหลับตาลงนอนอีกครั้งเพราะฤทธิ์ยาแก้ไข้
เมื่อหมดฤทธิ์ยาและไข้ตัวร้อนที่ค่อยๆดีขึ้น ภคพรก็เริ่มขยับตัวและลืมตาตื่นขึ้นด้วยความหิวโหย ก่อนจะหันไปมองประพนธ์ที่นอนอยู่
ข้างๆเธอด้วยความรู้สึกรักที่เอ่อล้นในดวงใจ เพราะเธอกำลังมีความรัก มันทำให้ความคิดที่จะแก้แค้นไม่ได้อยู่ในหัวสมองของเธอเลยในตอนนี้
“หล่อ...”
ภคพรอมยิ้มกับตัวเองเบาๆ นอนมองประพนธ์อยู่อย่างนั้นด้วยความสุข
“หึหึ”
หญิงสาวรู้สึกเขินขึ้นมาเมื่อนึกถึงสัมผัสอันอ่อนโยนของประพนธ์ ก่อนจะเขยิบเข้าไปใกล้และซบหน้าลงบนไหล่กว้างของเขาด้วยความรู้สึก
ที่แสนอบอุ่น
“ว่าไงคุณ แอบมองผมอยู่ได้ ผมเขินนะ”
ประพนธ์หัวเราะร่วน หันมาหาภคพรและรวบร่างบางของเธอเข้ามากอดเอาไว้ในอกอุ่น แนบแน่น
“คุณจะมากอดฉันทำไม ปล่อยนะ”
ภคพรหน้าแดงกร่ำ พยายามดันให้ประพนธ์ออกห่าง แต่ก็ไม่เป็นผล
“คนโกหก อยากให้ผมกอดก็ไม่บอก”
ประพนธ์ยิ้มหวาน จู่โจมจูบหน้าผากของภคพร รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกเวลาที่ได้อยู่ใกล้ๆเธอ
“คุณ อย่านะ...”
ภคพรพยายามขัดขืน แต่ประพนธ์ไม่ยอมปล่อยเธอ
“อย่าช้าใช่มั้ยคุณ”
ประพนธ์หัวเราะหน้าทะเล้น พลิกตัวเองขึ้นค่อมร่างบางของภคพรไว้อย่างดื้อดึง มือทั้งสองข้างของหญิงสาวถูกประพนธ์ตรึงเอาไว้กับที่นอนอย่างแสนง่ายดาย
“คุณ ฉันเป็นไข้อยู่นะ”
ภคพรรีบร้อนหาข้อแก้ตัวหน้าตาเลิ่กลั่ก
“ไม่เป็นไรคุณ ผมก็ไม่สบายเหมือนกัน ผมไม่กลัวติดหวัดหรอก”
ประพนธ์ยังคงอมยิ้มหน้าทะเล้น
“ฉันหมายถึง ฉันเหนื่อยน่ะคุณ ถอยไปเลยนะ”
ภคพรมองประพนธ์หน้าบึ้งอย่างแสนงอน
“กี่ทีๆ คนที่เหนื่อยก็ผมทุกที นอนเฉยๆยังเหนื่อยอีกหรอคุณ”
ประพนธ์อมยิ้ม กวนประสาท
“คุณ!!!”
ภคพรเสียงดังใส่ประพนธ์เพื่อกลบเกลื่อนความเขินอาย
“ผมไม่ได้ทำแบบนี้กับคุณเพราะผมเกลียดหรือไม่ชอบคุณ แต่ที่ผมทำก็เพราะว่าผมอยากทำ เพราะผู้หญิงที่นอนอยู่ตรงหน้าผมตรงนี้คือคุณ...”
ประพนธ์มองจ้องหน้าหญิงสาวไม่วางสายตา ภคพรนอนนิ่งงันไม่ขยับเขยื้อน รู้สึกอบอุ่นหัวใจเพราะคำพูดไพเราะหน้าฟังของประพนธ์
“รู้แล้ว”
ภคพรยิ้มหวาน หลับตาพริ้มลงอย่างยินยอมพร้อมใจ ประพนธ์เขยิบหน้าเข้ามาใกล้หญิงสาวและบรรจงจูบอย่างแผ่วเบาลงบนฝีปากอวบอิ่มของภคพร ก่อนจะทำทุกสิ่งทุกอย่างตามแรงปรารถนาในหัวใจที่พลุ่งพล่านอย่างไม่อาจควบคุม เขาปฏิเสธไม่ได้อีกแล้วว่าเขาเองก็เริ่มที่จะมีใจให้ภคพร ผู้หญิงแสนร้ายกาจที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขามาเนิ่นนาน
ภคพรนอนสลบไสลอยู่ในอ้อมกอดของประพนธ์จนฟ้าสาง ความรู้สึกดีๆที่ต่างคนต่างมอบให้กันมันทำให้หัวใจของพวกเขารู้สึกอบอุ่น
“ว๊าย!! ตายแล้ว”
ประไพรร้องลั่นด้วยความตกใจ ยืนเอามือปิดหน้า เพราะลูกชายตัวแสบนอนไม่ใส่เสื้อผ้าอยู่ใต้ผ้าห่ม ลูกสะใภ้ของเธอก็เช่นกัน
“เสียงดังอะไรแต่เช้าครับแม่ ผมง่วงนอน”
ประพนธ์ลืมตาขึ้นมาหน้าบึ้ง
“นี่ลูกสองคนไม่สบายอยู่ไม่ใช่หรอ ไม่สบายแล้ว...แล้ว...”
ประไพรลำบากใจที่จะพูดออกมา
“ตายห่าแล้ว!!”
ประพนธ์ดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดแผ่นอกกว้างของเขาและแผ่นหลังขาวเนียนของภรรยาเขาด้วยความตกใจ
“เบาๆครับแม่ เธอยังไม่ตื่น เธอคงเพลียน่ะครับ ตัวยังอุ่นๆอยู่เลย”
ประพนธ์กระซิบกระซาบ ยังคงกอดภคพรเอาไว้ในอ้อมแขน
“แม่ทนดูแกไม่ได้แล้ว ปล่อยให้หนูภคพรเค้าพักผ่อน ทำอะไรก็ไม่รู้ ทะลึ่ง”
ประไพรดุลูกชายเสียงแผ่วเบา รีบร้อนเดินออกจากห้องไปหน้าตาบึ้งตึง ประพนธ์หันมามองหน้าภคพรที่ซบอยู่บนอกอุ่นของเขาด้วยรอยยิ้ม
หวานเยิ้ม
“แม่คุณไปแล้วหรอ”
ภคพรเงยหน้าขึ้นถามประพนธ์
“อ้าว! นี่คุณตื่นแล้วหรอ”
ประพนธ์ยิ้มหวานให้ภคพร แต่ก็รู้สึกประหลาดใจ
“ฉันอายนะ ที่แม่คุณเข้ามาแบบนั้น ป่านนี้ท่านคงคิดว่าฉันโรคจิตตามคุณไปแล้วมั้ง”
ภคพรหน้างอ
“ช่างแม่เถอะคุณ เมื่อคืนคุณก็ดูมีความสุขแล้วก็ให้ความร่วมมือดีนี่”
ประพนธ์ล้อเลียนหญิงสาว
“คุณ ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”
ภคพรรีบร้อนแก้ตัว อายแสนอาย
“โอเคๆ ผมทำเองคนเดียว คุณไม่ได้ทำอะไรเลย ผมเอง ผมคนเดียว”
ประพนธ์ยังคงล้อเลียน
“ไอ้โรคจิต ฉันอายนะ”
ภคพรซบหน้าลงบนแผ่นอกกว้างของประพนธ์เพื่อหลบสายตาเขาเพราะความอาย ในขณะที่ประพนธ์หัวเราะร่วนอย่างชอบอกชอบใจ
ประพนธ์ยืนมองภคพรยืนสั่งการเด็กรับใช้ในบ้านจัดตกแต่งข้าวของอยู่ที่ริมสระน้ำสถานที่จัดงานคืนวันพรุ่งนี้อย่างขะมักเขม้นด้วยรอยยิ้ม เขายืนมองเธออยู่อย่างนั้นอย่างไม่รู้ตัว
“สายตาที่ลูกมองหนูภคพรมันเป็นสายตาแบบเดียวกันกลับที่พ่อมองแม่เลยนะ”
พิภพเดินเข้ามาหาลูกชายหลังจากที่ยืนมองดูเขายิ้มอยู่สักพัก
“ผมเปล่านะ”
ประพนธ์รีบหันหน้าหนี ปฏิเสธอย่างขันแข็ง
“ลูกโกหกพ่อได้ หรือจะโกหกใครๆก็ได้ แต่ลูกโกหกใจตัวเองไม่ได้หรอก ยอมรับซะเถอะว่าลูกหลงเสน่ห์เมียตัวเองเข้าให้แล้ว”
พิภพยืนยิ้มหวาน หัวเราะชอบใจกับท่าทีของลูกชาย
“ผมไม่ได้คิดอะไร จริงๆครับพ่อ เกตุแก้ว ผู้หญิงคนนั้นหน้าสงสาร ผมทำร้ายเธอไม่ลงหรอกครับ”
ประพนธ์ตอกย้ำใจตัวเองด้วยความเศร้าสร้อย เขาต้องดึงตัวเองออกมาจากวังวันแห่งความรักแบบผิดๆในครั้งนี้ให้ได้
ภคพรเดินมาจัดการข้าวของในครัวต่ออย่างขะมักเขม้น เพราะความรักและเคารพที่เธอมีให้ประไพรทำให้เธออยากให้งานในคืนวันพรุ่งนี้ออกมาดูดีที่สุด
“อยู่ไหนนะ”
หญิงสาวมองหาถ้วยใบใหม่ที่เธอซื้อมา แต่เพราะตู้อยู่สูงเกินไปทำให้เธอไม่สามารถมองเห็นจานและต้องเขย่งเท้า พร้อมกับเอื้อมมือสุดแขนเพื่อหยิบจานอย่างทุลักทุเล
“หึหึ”
ประพนธ์อมยิ้มกับตัวเอง ยืนมองดูภคพรพยายามด้วยตัวเองอยู่ซักพัก ก่อนจะเดินไปยืนซ้อนอยู่ข้างหลังเธออย่างตั้งใจ
“แขนขาสั้นแบบคุณ หยิบไม่ถึงหรอก ผมเอง”
ประพนธ์พูดด้วยน้ำเสียงฟังสบายๆ ภคพรหันขวับมามองหน้าเขาตกใจ ก่อนจะต้องถอยหลังผงะเพราะความใกล้ชิดของเขาและเธอ หญิงสาว
เงยหน้ามองชายหนุ่มตาใส รู้สึกอึดอัดกับความใกล้ชิดกันขนาดนี้
“ฉันหายใจไม่ออกถอยออกไปหน่อย”
ภคพรเอ่ยปากก่อน เมื่อประพนธ์ก็เอาแต่ยืนนิ่งและมองจ้องหน้าเธอในระยะประชิด
“โทษที”
ประพนธ์ถอยหลังออกมาหนึ่งก้าว ยืนสงบสติอารมณ์และควบคุมความรู้สึกร้อนลุ่มภายในใจของตัวเอง ตั้งแต่ภคพรตกเป็นของเขา ทุกๆครั้งที่เขาเข้าใกล้เธอมันเหมือนกับมีมนต์สะกดบางอย่างที่ทำให้เขาต้องมีความรู้สึกปรารถนาในตัวเธอทุกครั้งไป กลิ่นน้ำหอมและกลิ่นกลายของ
หญิงสาวยังคงติดอยู่ในใจของเขาอย่างไม่อาจลบลืม
“เอาจานคืนมาเลย”
ภคพรแย่งจานในมือประพนธ์ที่ยังยืนใจลอย
“ก็เอาไปสิ”
ประพนธ์ยิ้มบางๆ รู้สึกทรมานกับการเก็บซ่อนความรู้สึกของตัวเอง
“มองกันตาหวานเยิ้มขนาดนี้ ท่าทางเราจะได้ยินข่าวดีเร็วๆนี้แน่เลยค่ะคุณแม่”
นวพรรษเดินเข้ามาในครัวกับแม่เธอด้วยรอยยิ้มหวาน มองดูภคพรและประพนธ์ยืนมองหน้ากันด้วยความสุข
“ผมออกไปข้างนอกก่อนนะครับ”
ประพนธ์อายจนหน้าแดง รีบร้อนเดินออกจากห้องครัวไป
“เพ้อเจ้อ พี่จะไปมีลูกกับนายคนนั้นได้ยังไง”
ภคพรหลบสายตา
“คุณประไพรเล่าเรื่องทุกอย่างให้แม่ฟังหมดแล้ว คนสองคนเป็นคนคนเดียวกันแล้ว ทำไมจะมีลูกไม่ได้ล่ะจ๊ะ”
เพียงพรจับแขนลูกสาวเบาๆ
“คุณแม่นะคุณแม่”
ภคพรอายหน้าแดงแจ๋ รีบร้อนเดินออกจากครัวไปอีกคน
“ถ้าเขาสองคนรักกันได้จริงๆก็ดีสิคะ เรื่องวุ่นๆนี่จะได้จบลงซะที”
นวพรรษพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มแห่งความหวัง เธอจะขอสวดมนต์ภาวนาให้ความรักของประพนธ์ทำให้เธอและครอบครัวได้พี่สาวคนเดิมกลับคืนมา
ทุกคนในบ้านช่วยกันพูดกรอกหูภคพรและประพนธ์เรื่องการมีลูกของพวกเขาตลอดทั้งบ่ายจนประพนธ์และภคพรเริ่มจะเขินและกลัวการ
ที่จะต้องเข้าใกล้ การมองหน้ากันของเขาทั้งสองคนกลายเป็นเรื่องยากเย็นขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ
“ป่านนี้ตาคนนั้นคงนอนไปแล้วแหละมั้ง”
ภคพรพูดกับตัวเองคนเดียว หลังจากนั่งเล่นอยู่ที่เตียงเล็กๆริมสระน้ำตั้งแต่ตอนหัวค่ำจนถึงขณะนี้
“ตาคนนั้นของคุณนี่ ผมหรือเปล่า ผมยังไม่หลับ”
ประพนธ์เดินออกมาจากความมืด ภคพรหันขวับไปมองตกตะลึง เธอเริ่มจะไม่ไว้ใจหัวใจของตัวเองที่มันเริ่มอ่อนแอขึ้นทุกวันๆ
“งั้นฉันก็จะไปนอนและ”
ภคพรรีบร้อนลุกขึ้น แต่ถูกประพนธ์ฉุดแขนเอาไว้ หน้าตาท่าทางเป็นทุกข์ของเขา ทำให้ภคพรเองก็เริ่มที่จะลำบากใจกับความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงและความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นในใจเธอเช่นกัน
“คุณรู้ใช่มั้ย ว่าผมมีคนรักอยู่แล้ว และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมต้องรับผิดชอบเธอ”
ประพนธ์พูดถ้อยคำที่มันบาดหัวใจของทั้งคนพูดและคนฟังพอๆกัน
“ฉันมีความแค้นที่ต้องชำระ และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จนกว่าผู้ชายคนนั้นจะพังพินาศย่อยยับ ฉันจะไม่ยอมหย่ากับคุณ”
ภคพรพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก หัวใจของเธอตอนนี้มันเจ็บปวดเหลือเกิน
“แค่นี้ทุกคนยังเจ็บปวดกันไม่พออีกหรอ คุณไม่เห็นหรอว่าพี่กันย์เขากำลังทุกข์ทรมานขนาดไหน ผม คุณ เกตุแก้ว ความสัมพันธ์ของเราสามคนตอนนี้ มัน…มัน…มันมีแต่ความทุกข์ทรมาน มันมีแต่ความเสียใจ เพราะคุณผมต้องกลายเป็นไอ้ที่ข่มเหงผู้หญิง เพราะคุณทำให้ผมทรยศผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุด เพราะคุณทำให้ผมต้องมารู้สึกแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดมันเพราะคุณ…เพราะคุณ…”
ประพนธ์ยืนน้ำตาเอ่อไหลอยู่ตรงหน้าภคพรอย่างไม่อาจปิดบัง ความทุกข์ทรมานในใจเขามันหนักหนาและไม่มีทีท่าว่าจะทุเรา
“ฉันเคยเป็นผู้หญิงธรรมดาๆคนนึงที่ไม่ได้ร้ายกาจแบบนี้ ฉันเคยมีน้องสาวที่น่ารักและมีแต่รอยยิ้มเธอพูดเก่ง ยิ้มเก่งและมีแต่ความสุข แต่เพราะผู้ชายเลวๆคนนั้น ฉันต้องกลายเป็นคนเลวร้ายแบบนี้ เพราะคนคนนั้นน้องสาวของฉันต้องกลายเป็นซากศพเดินได้ ใช้ชีวิตไปวันๆอย่าง
ไร้จุดหมาย ถ้าเป็นคุณ คุณจะให้อภัยผู้ชายคนนั้นได้หรอ ฉันทำไม่ได้ ฮือๆๆๆ ฉันทำไม่ได้”
ภคพรร้องไห้โฮออกมาต่อหน้าประพนธ์ เปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงในใจของเธอ
“ผมรักคุณไม่ได้ ผมจะมีลูกกับคุณไม่ได้ ผมทำร้ายเกตุแก้วอย่างเลือดเย็นแบบนั้นไม่ได้ ผมจะรักผู้หญิงสองคนพร้อมๆกันไม่ได้”
ประพนธ์มองจ้องหน้าภคพรทั้งน้ำตา ร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความทุกข์ทรมาน เขาจนปัญญาแล้วจริงๆสำหรับทางออกของปัญหาทั้งหมดนี้
“อย่ามาใกล้ฉันอีก อย่ามาทำแบบนั้นกับฉันอีก อย่ามาทำให้ฉันต้องตกหลุมรักคุณอีก…”
คำว่ารักจากปากภคพรทำให้ประพนธ์ปวดร้าวไปหมดทั้งหัวใจ ความรู้สึกของเขาไม่ได้ผิด ภคพรมีใจให้เขาเหมือนกัน
“.. อย่ามาทำให้ฉันต้องทุกข์ทรมานเพราะคุณอีก ฮือๆๆๆ”
ภคพรร้องไห้สะอึกสะอื้น น้ำตานองใบหน้า เรื่องทั้งหมดเธอเป็นคนเริ่มต้น เธอจะต้องยอมรับในทุกข์ความเจ็บปวดและต้องผ่านมันไปให้ได้
“ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป อย่าหวังว่าคุณจะได้เข้าใกล้หัวใจของฉันอีก”
ภคพรพูดประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เดินหนีประพนธ์ไปทั้งน้ำตา เรื่องราวของพวกเขามันมีแต่ความทุกข์ทรมานและเต็มไปด้วย
ความเสียใจ
ต่อด้านล่างเลยจร้า