ตอน 13 เนื้อหาผิดคาดไปไกล แถมยังเป็นส่วนเสริมที่ไม่ได้กล่าวถึงไว้ในนิยายอีก
ถึงจะดับความฝังตื่นจากหลุมของกองอวยจนเกือบมิด แต่ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีครับ
ส่วนหนึ่งเพราะคนเขียนบทของตอนนี้คือ อ. ฟุชิมิ สึคาสะ ผู้แต่งนิยายนั่นเอง
เลยกลายเป็น อนิเมเสริมนิยาย คนไม่อ่านนิยายอาจจะมีงง ในบางจุดได้ ขออนุญาติเสริมตามความเข้าใจของตัวเผมเองก็แล้วกันครับ
ตอนนี้จะว่าไปแล้วก็เป็น เนื้อหาของเล่มนิยาย 11 แต่จากมุมมองของคิริโนะเท่านั้นเอง ทั้งยังเป็นการสรุปความเป็นมาในความสัมพันธ์ของสองพี่น้อง รวมถึง
บอสใหญ่มานามิ
เริ่มตอนที่
โลลิริน เอ่อ
โลลิคิริโนะ สมัยยังล่อตาล่อใจเหล่าหมี ขอร้องให้พี่ชายช่วยซ่อมตุ๊กตา
เคียวสุเกะพูดด้วยน้ำเสียงสุดมั่นใจว่า “ให้ฉันจัดการเอง” แล้วซ่อมตุ๊กตากระต่ายจนเสร็จ ได้ใจคิริโนะน้อยไปอักโขตัวเคียวสุเกะในช่วงนี้ (ช่วงประถม) ต้องเรียกว่าเป็น ตัวละครหลุดมาจากการ์ตูนจัมพ์ เฉลียวฉลาด ร่าเริง แข็งแรงเป็นที่พึ่งของเพื่อน รวมถึงน้องสาว ทำให้คิริโนะในวัยนี้เห็นพี่ชายเป็นเหมือนบุคคลในอุดมคติที่มีตัวตนขึ้นมาจริงๆ
จนคิริโนะกลายเป็น
บราค่อนโลลิริน น้องสาวที่ติดพี่ชายอย่างหนักขนาดอยากจะอาบน้ำด้วย แต่ตัวเคียวสุเกะกลับโตเป็นเด็กผู้ชายพอที่ไม่อยากอาบน้ำกับน้องสาว กลายเป็นว่ายิ่งคิริโนะมีอาการติดพี่ เคียวสุเกะกลับยิ่งจะทำตัวห่างเหินจากคิริโนะ จากที่เคยพาไปเล่นด้วยก็ชักจะไม่ค่อยยอมพาไป หรือถึงพาไป ก็ดันไปบ้านของมานามิให้เห็นภาพบาดตาบาดใจของพี่ชายกับสาวอื่น ......อืม แต่พึ่งรู้ว่า คิริโนะติดอนิเมสาวน้อยเวทมนตร์มาตั้งแต่เด็กเลยแฮะ
สภาพน้องติดพี่ พี่หนีน้องดำเนินต่อไปจนกระทั่งวันหนึ่ง คิริโนะพยายามจะร้องขอให้เคียวสุเกะพาไปเล่น แต่โดนตั้งเงื่อนไขให้วิ่งตามให้ทัน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เด็กผู้ชายวัยกำลังโตอย่างเคียวสุเกะกับเด็กผู้หญิงวัย
โลลิอย่างคิริโนะ คิริโนะพลัดหลงกับเคียวสุเกะ ฝนตก และหลงทาง ตามนิยายไม่ได้บอกต่อว่า คิริโนะกลับบ้านได้ยังไง แต่ตอนนี้บอกชัดเลยว่า เคียวสุเกะ ตามกลับมา
ปักธงดูแลน้องสาวตัวเอง
ความคับข้องใจจากเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นแรงบันดาลให้คิริโนะ เริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง เริ่มฝึกซ้อมวิ่งเพื่อวิ่งให้เร็วขึ้นเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นนักกีฬาวิ่งแข่งเพราะอยากให้พี่ชายหันกลับมามองตัวเองบ้าง อยากให้พี่ชายต้องรู้สึกเจ็บใจแบบเดียวกับตัวเองบ้าง อยากเป็นให้ได้อย่างพี่ชายบ้าง ถึงกับอัดเสียงไว้เตือนใจตัวเองรอบที่หนึ่ง
เนื้อหาในสปอยล์ มาจากนิยายเล่ม 12 และน่าจะมีกล่าวถึงอยู่ในอนิเม 3 ตอนที่เหลือ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ “เอ่อ... จะเริ่มพูดจากตรงไหนดีนะ อืมมม คนฟังเสียงนี้อยู่คือตัวฉันเอง ก็น่าจะรู้ดีล่ะนะ ว่าฉันอัดเสียงนี้เอาไว้ให้ตัวเองฟัง เพื่อไม่ให้ลืมความรู้สึกที่เกิดขึ้นในวันนี้
ถ้าเกิดลืมมันไปเมื่อไหร่ ตัวฉันจะไม่ใช่ตัวฉันอีกต่อไป เพราะอย่างนั้นตัวฉันคนที่ฟังอยู่ ถ้าเธอเกิดลืมมันไปแล้ว ขอให้นึกความรู้สึกนั้นให้ออกด้วย
ความรู้สึกเจ็บใจจนพูดอะไรไม่ออก
ความรู้สึกต่อจากนี้ไปไม่อยากเป็นคนแพ้อีกแล้ว
แล้วก็ ความรู้สึกว่ารักพี่จ๋าที่สุดเลย”
“ตัวฉันในอนาคต คนที่ฟังเสียงนี้อยู่จะเป็นตอนไหนกันนะ?
เป็นผู้ใหญ่แล้วหรือยัง นักเรียน ม.ปลายแล้วหรือเปล่า? หรือว่าทำงานแล้ว?
วิ่งได้เร็วเท่ากับพี่จ๋าแล้วหรือยัง?
กลายเป็นพี่สาวสุดเท่ แถมยังใจดี เหมือนพี่จ๋าแล้วหรือยัง?
ทำให้พี่จ๋าต้องยอมแพ้ แล้วชมฉันว่า เก่งจังเลย ได้แล้วหรือยัง?
เพราะตัวฉันตอนนี้ทำอะไรไม่ได้เลย ถ้าทำได้อย่างนั้นจริง จะดีใจ ดีใจมากๆเลยล่ะ
ฉันจะพยายามตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้ทำเรื่องพวกนั้นได้
อาจจะเป็นไปไม่ได้ ---แต่ก็ตัดสินใจแล้วว่าต้องทำ เพื่อให้ความฝันเป็นจริง”
เวลาผ่านมาอีก เคียวสุเกะกับคิริโนะ เริ่มห่างเหินกันมากขึ้น คิริโนะ ค่อยๆกลายเป็นผู้ใหญ่ ในขณะที่เคียวสุเกะ ตั้งแต่ขึ้นชั้น ม.ต้น เริ่มรู้ตัวว่าตัวเองไม่ใช่พระเอกจัมพ์แต่เป็นคนธรรมดาที่ไม่ได้ดีเด่นไปกว่าคนอื่นตรงไหน เพียงแค่ยังฝืนตัวเองอยู่เท่านั้น ตรงนี้ในอนิเมไม่ได้บอกไว้ เพราะเป็นมุมมองจากคิริโนะ แต่ในนิยายเล่ม 11 มีพูดถึงอย่างละเอียดจากความคิดของเคียวสุเกะและคำบอกเล่าของมานามิ จนถึงเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้เคียวสุเกะ สูญเสียความมั่นใจในตัวเอง
ในสปอยล์เป็นเรื่องย่อของนิยายเล่ม 11 เล่าเรื่องที่เกิดในช่วงเวลาเดียวกันแต่ไม่ถูกกล่าวถึงในอนิเมตอนนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เคียวสุเกะกับคิริโนะไปช่วยงานที่ร้านขนมบ้านมานามิ เป็นข้ออ้างมาค้างคืนที่บ้านมานามิ เพื่อให้มานามิกับคิริโนะได้พูดคุยกันตามที่เคยตกลงกันไว้ในเล่ม10 คืนนั้น เคียวสุเกะ มานามิ คิริโนะ เล่าความหลังเมื่อ 3 ปีก่อน ผ่านมุมมองของตัวเอง สมัย ม.ต้น เคียวสุเกะเคยทำตัวเป็นพระเอกจัมป์จอมสาระแน ชอบออกตัวช่วยเหลือคนอื่น โดยไม่ยอมรับตัวเองว่าเป็นแค่คนธรรมดา เมื่อตอน ม. 3 (3ปีก่อน) มีคนในห้องขอร้องเคียวสุเกะในฐานะหัวหน้าห้อง ให้พา ซากุราอิ อาคิมิ นักเรียนหนีเรียนไม่ยอมมาโรงเรียนเกือบทั้งเทอม ให้ไปเข้าค่ายทัศนศึกษาด้วยกัน เคียวสุเกะรู้เรื่องแล้วพูดเหมือนที่เคยออกตัวทุกครั้งว่า “ให้ฉันจัดการเอง” แต่ตามไปเจอ ซากุราอิ กลายเป็นนีทเก็บตัวไม่ยอมออกจากบ้าน หลังจากพยายามขูเข็นลากถู จนซากุราอิยอมไปเข้าค่ายพร้อมกับคนอื่น เคียวสุเกะได้ใจเกินไปจนลืมไปว่าซากุราอิร่างกายอ่อนแอ ทำให้เธอตกจากแท่นหินชมวิวลงมาบาดเจ็บกระดูกหักต้องส่งเข้าโรงพยาบาล การเข้าค่ายถูกยกเลิก นักเรียนทุกคนในห้องโบ้ยว่าเป็นความผิดของเคียวสุเกะ มานามิทนไม่ไหวลุกขึ้นมาไซโคคนอื่นว่า ถ้าจะผิดก็ผิดด้วยกันทุกคน เพราะมีคนอยากให้ ซากุราอิไปเข้าค่ายไปขอร้องเคียวสุเกะ เคียวสุเกะถึงต้องไปพาซากุราอิมาเข้าค่าย เท่ากับตัวคนขอมีส่วนต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วย รวมถึงนักเรียนทุกคนในชั้นที่รู้ว่าซากุราอิ ร่างกายไม่แข็งแรงแต่กลับอยากจะให้เธอไปเข้าค่ายพร้อมกันให้ได้ ทุกคนผิดเหมือนกันหมดอย่าโทษเคียวสุเกะคนเดียว ตัวเคียวสุเกะตอนนั้นไม่มีแก่ใจจะรับรู้อะไรทั้งนั้น เพราะนอกจากรู้สึกผิดที่ตัวเองเป็นสาเหตุให้ซากุราอิบาดเจ็บบาดเจ็บ คุณย่าของเคียวสุเกะกับคิริโนะก็มาเสียวันเดียวกับที่ชั้นของเคียวสุเกะถูกส่งตัวกลับจากเข้าค่าย จนได้มานามิปลอบว่า ตัวเขาฝืนตัวเองมากเกินไป ให้เลิกทำแบบนั้นแล้วยอมรับว่าตัวเองเป็นแค่คนธรรมดาเถอะ ตั้งแต่นั้นเคียวสุเกะก็กลายเป็นคนหน้าปลาตาย (แบบตอนต้นเรื่อง) ไม่ค่อยสนใจสังคมรอบข้างรวมถึงน้องสาวด้วย หลังจากนั้นก็เป็นยุคสงครามเย็นระหว่างพี่น้องมาจนถึงเริ่มเรื่อง
คิริโนะ ยอมรับว่า ตั้งแต่อยู่ชั้นประถมช่วงปลาย (เคียวสุเกะ ม.ต้น) ฝึกวิ่งจนกลายเป็นนักกรีฑา หัดแต่งหน้าแต่งตัวย้อมผมจากลายเป็นนางแบบ ทุกอย่างเพื่อให้พี่ชายหันมามองเธอบ้าง ไม่อยากถูกทิ้งไว้ข้างหลังอีก ใช้ความรู้สึกเจ็บใจผลักดันตัวเองมาตลอด แต่ก็ยังโดนตอกย้ำเมื่อ 3 ปีก่อน แล้วหลังจากนั้นเคียวสุเกะยังเปลี่ยนไปอีก จากจอมสาระแนผู้พึ่งพาได้ กลายเป็นคนหน้าปลาตายเหมือนตัวประกอบ หลังจากนั้นเธอเลยไม่มองหน้าพี่ชายอีก จนกระทั่ง ทำกล่อง DVD (พรางแผ่นเกมโป๊ไว้ข้างใน) ตกหน้าบ้านเมื่อ 2 ปีก่อน (ต้นเรื่อง)
มานามิ ยอมรับว่าเธอเป็นคนผลักดันเรื่องทั้งหมดเอง ทั้งเรื่องอยากให้เคียวสุเกะยอมรับว่าตัวเองเป็นคนธรรมดา อยากให้เคียวสุเกะกับคิริโนะเป็นแค่พี่น้องกันเฉยๆ รวมถึงยอมรับว่า พูดกดดันคิริโนะเอาไว้เมื่อ 3 ปีก่อน หลังเหตุการณ์ของซากุราอิ ก่อนจะเข้าไปล้างสมองเคียวสุเกะ จนกลายเป็นสงครามเย็นระหว่างพี่น้อง แต่ตอนนี้เธอเริ่มหนักใจขึ้นมาอีกครั้งแล้วว่า เคียวสุเกะจะกลับไปจอมสาระแนเป็นเหมือนเมื่อ 3 ปีก่อน จากเหตุการณ์ใน 2 ปีที่ผ่านมา เลยถามคิริโนะว่าพร้อมจะสู้รบกับเธออีกครั้งแล้วใช่มั้ยหลังจากต่างฝ่ายต่างทำเป็นไม่รู้จักกันมาตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา คิริโนะตอบว่าเธอพร้อมแล้ว
หลายวันหลังจากนั้น เคียวสุเกะติดต่อซากุราอิ ผ่านทางเมลของเกมออนไลน์ที่พวกเขาเคยเล่นแล้วนัดพบกัน เพราะเคียวสุเกะ รู้สึกว่าวันนั้นก่อนซากุราอิ จะตกจากแท่นหิน เธอกำลังจะบอกอะไรเขา ซากุราอิเลยพูดต่อจากวันนั้นว่า เธอรักคียวสุเกะ เคยวสุเกะกลับปฏิเสธไปว่า “ไม่ว่าจะถามเมื่อ 3 ปีก่อน หรือตอนนี้ คำตอบก็เหมือนเดิมคือ ฉันมีคนรักในใจอยู่แล้ว และตอนนี้กำลังหาทางสารภาพรักกับเธอคนนั้นอยู่”
เปิดช่องว่างให้มานามิเข้ามาตอกย้ำว่า เคียวสุเกะเป็นแค่คนธรรมดาขอให้ใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาอย่าพยายามฝืนตัวเองเพื่อคนอื่นอีกเลย ทำให้เคียวสุเกะ กลายเป็นคนเบื่อโลกหน้าปลาตายไปในที่สุด ในขณะที่ คิริโนะพยายามผลักดันตัวเองให้เป็นเหมือนพี่ชาย (ในอดีต) จนเริ่มเป็นรูปร่างอย่างคิริโนะในปัจจุบัน รูปร่างดีหน้าตาสวย เรียนดีกีฬาเด่น จึงไม่พอใจในสภาพความไม่เอาไหนของพี่ชายในปัจจุบัน ร้องด่าเคียวสุเกะบอกให้คืนพี่ชายคนเดิมมา
คิริโนะเข้าใจดีว่า ต้นเหตุในความเปลี่ยนแปลงของเคียวสุเกะคือมานามิ จึงตรงมาหามานามิถึงบ้านพร้อมร้องขอให้
“เอาพี่จ๋าคนเดิมคืนมานะ”
มานามิได้ยินแล้วนิ่งค้างไปพักหนึ่ง เหมือนพยายามจะไล่ตามเรื่องราวเอาเอง จนในที่สุดเธอก็ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน (แต่แฝงความเลือดเย็น) ตอบปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
“ไม่ให้”
มานามิไล่บี้คิริโนะ ที่ยังเป็นแค่เด็กประถม (ป.6) ถึงความจริงของพี่น้องที่ไม่มีทางรักกันได้ ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน เพราะสังคมและคนรอบตัวไม่มีทางยอมรับ ยิ่งพยายามฝืนความจริงมีแต่จะทำให้ทั้งสองพี่น้องต้องประสบเรื่องเลวร้าย สุดท้ายมานามิจึงสั่งให้
“กลับไปเป็นพี่น้องธรรมดาซะเถอะ”
เด็กประถมอ่อนโลกอย่างคิริโนะได้แต่เดินร้องไห้หลับบ้านคับแค้นใจที่ตัวเองตอบโต้อะไรไม่ได้เลย ทำอะไรไม่ได้เลย คิดอะไรไม่ออกเลย ระบายอารมณ์ออกมาเตะใส่เก้าอี้โซฟาไม่ยั้ง (อยากเป็นโซฟาก็วันนี้แหละ) จนต้องไปอัดเทปเตือนสติอีกครั้ง ไม่ให้หลงลืมความคับข้องใจ ไม่ให้ลืมความรู้สึกที่มีต่อพี่ชาย เพื่อเตือนใจตนเองยามที่คิดท้อแท้กับปัญหานี้ขึ้นมา
เนื้อหาในสปอยล์ มาจากนิยายเล่ม 12 และน่าจะมีกล่าวถึงอยู่ในอนิเม 3 ตอนที่เหลือ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ “ถึงตัวฉันในอนาคต ได้ฟังความรู้สึกของตัวเองในอดีตแล้ว มันอายขึ้นมาเหมือนกันแฮะ
เธอเองพอได้ฟังข้อความนี้แล้วจะรู้สึกอายเหมือนกับ “ฉัน” หรือเปล่านะ ---ขอโทษนะ แต่ช่วยฟังให้จบด้วยล่ะ?
ตัวฉันในอนาคต ---ได้แต่งงานกับคนที่ตัวเองรักหรือยัง?
โดนว่าถึงเรื่องนั้น ว่าเป็นไปไม่ได้ ถึงจะไปขอร้องให้ใครช่วย ก็เป็นไปไม่ได้
โมโหมากเลย
แต่เรื่องที่เธอคนนั้นพูดมาก็ถูกต้อง.... จนฉันไม่รู้จะทำยังไงดี
กลุ้มใจมากเลย
อยากจะไปขอคำปรึกษา แต่ไม่ว่ากับพ่อกับแม่ กับคนที่พึ่งพาได้ที่สุด ก็พูดออกไปไม่ได้ ...เขาคงจะกลับเป็นเหมือนเดิมได้เองนั่นแหละ แต่ถึงอย่างนั้นก็พูดออกไปไม่ได้
เพราะถ้าพลาดไปแล้ว จะแก้ไขอะไรไม่ได้อีก ทุกอย่างจะเป็นไปอย่างที่เธอคนนั้นพูดไว้ ฉันกลัวว่า มันจะเป็นจริง
โอกาสมีแค่ครั้งเดียว
ถึงตอนนั้นแล้ว ช่วยแสดงความกล้าออกมาด้วยนะ
และช่วยคิดหาทางต่อไปด้วย ช่วยคิดต่อจากนี้ไปต่อๆไป ตามหาเบาะแสให้เจอ
ว่าทำยังไง ถึงจะเป็นไปได้
ต้องทำอะไรบ้าง ฝันของฉันถึงจะเป็นจริง
ต้องทำอะไรบ้าง เขาถึงจะหันมารักฉันได้
ทำยังไง เราถึงจะได้อยู่ด้วยกัน
ตอนนี้ฉันไม่รู้เลยว่าต้องทำยังไง
เพราะอย่างนั้น ขอปรึกษาหน่อยเถอะ ตัวฉันในอนาคต ตัวฉันที่กลายเป็นคนเก่งไปแล้ว
---ไม่ใช่สิ ต้องขอปรึกษาคุณที่กำลังฟังเสียงนี้อยู่สินะ ...นี่---ฉันควรจะทำยังไงดี?
หลังเหตุการณ์นี้คิริโนะจึงเริ่มหมางเมินกับเคียวสุเกะ จนกลายเป็นสงครามเย็นระหว่างพี่น้อง ไม่พูดไม่จากันไปในที่สุด
[spoil ] 俺妹Oreimo น้องสาวไม่น่ารัก ซีซั่น2 ตอนที่ 13 妹が兄に恋するわけがない ชั้่น(น้องสาว)ไม่มีทางหลงรักหมอนั่น (พี่ชาย)
ถึงจะดับความฝังตื่นจากหลุมของกองอวยจนเกือบมิด แต่ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีครับ
ส่วนหนึ่งเพราะคนเขียนบทของตอนนี้คือ อ. ฟุชิมิ สึคาสะ ผู้แต่งนิยายนั่นเอง
เลยกลายเป็น อนิเมเสริมนิยาย คนไม่อ่านนิยายอาจจะมีงง ในบางจุดได้ ขออนุญาติเสริมตามความเข้าใจของตัวเผมเองก็แล้วกันครับ
ตอนนี้จะว่าไปแล้วก็เป็น เนื้อหาของเล่มนิยาย 11 แต่จากมุมมองของคิริโนะเท่านั้นเอง ทั้งยังเป็นการสรุปความเป็นมาในความสัมพันธ์ของสองพี่น้อง รวมถึง
บอสใหญ่มานามิเริ่มตอนที่
โลลิรินเอ่อโลลิคิริโนะ สมัยยังล่อตาล่อใจเหล่าหมี ขอร้องให้พี่ชายช่วยซ่อมตุ๊กตาเคียวสุเกะพูดด้วยน้ำเสียงสุดมั่นใจว่า “ให้ฉันจัดการเอง” แล้วซ่อมตุ๊กตากระต่ายจนเสร็จ ได้ใจคิริโนะน้อยไปอักโขตัวเคียวสุเกะในช่วงนี้ (ช่วงประถม) ต้องเรียกว่าเป็น ตัวละครหลุดมาจากการ์ตูนจัมพ์ เฉลียวฉลาด ร่าเริง แข็งแรงเป็นที่พึ่งของเพื่อน รวมถึงน้องสาว ทำให้คิริโนะในวัยนี้เห็นพี่ชายเป็นเหมือนบุคคลในอุดมคติที่มีตัวตนขึ้นมาจริงๆ
จนคิริโนะกลายเป็น
บราค่อนโลลิรินน้องสาวที่ติดพี่ชายอย่างหนักขนาดอยากจะอาบน้ำด้วย แต่ตัวเคียวสุเกะกลับโตเป็นเด็กผู้ชายพอที่ไม่อยากอาบน้ำกับน้องสาว กลายเป็นว่ายิ่งคิริโนะมีอาการติดพี่ เคียวสุเกะกลับยิ่งจะทำตัวห่างเหินจากคิริโนะ จากที่เคยพาไปเล่นด้วยก็ชักจะไม่ค่อยยอมพาไป หรือถึงพาไป ก็ดันไปบ้านของมานามิให้เห็นภาพบาดตาบาดใจของพี่ชายกับสาวอื่น ......อืม แต่พึ่งรู้ว่า คิริโนะติดอนิเมสาวน้อยเวทมนตร์มาตั้งแต่เด็กเลยแฮะสภาพน้องติดพี่ พี่หนีน้องดำเนินต่อไปจนกระทั่งวันหนึ่ง คิริโนะพยายามจะร้องขอให้เคียวสุเกะพาไปเล่น แต่โดนตั้งเงื่อนไขให้วิ่งตามให้ทัน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เด็กผู้ชายวัยกำลังโตอย่างเคียวสุเกะกับเด็กผู้หญิงวัย
โลลิอย่างคิริโนะ คิริโนะพลัดหลงกับเคียวสุเกะ ฝนตก และหลงทาง ตามนิยายไม่ได้บอกต่อว่า คิริโนะกลับบ้านได้ยังไง แต่ตอนนี้บอกชัดเลยว่า เคียวสุเกะ ตามกลับมาปักธงดูแลน้องสาวตัวเองความคับข้องใจจากเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นแรงบันดาลให้คิริโนะ เริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง เริ่มฝึกซ้อมวิ่งเพื่อวิ่งให้เร็วขึ้นเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นนักกีฬาวิ่งแข่งเพราะอยากให้พี่ชายหันกลับมามองตัวเองบ้าง อยากให้พี่ชายต้องรู้สึกเจ็บใจแบบเดียวกับตัวเองบ้าง อยากเป็นให้ได้อย่างพี่ชายบ้าง ถึงกับอัดเสียงไว้เตือนใจตัวเองรอบที่หนึ่ง
เนื้อหาในสปอยล์ มาจากนิยายเล่ม 12 และน่าจะมีกล่าวถึงอยู่ในอนิเม 3 ตอนที่เหลือ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เวลาผ่านมาอีก เคียวสุเกะกับคิริโนะ เริ่มห่างเหินกันมากขึ้น คิริโนะ ค่อยๆกลายเป็นผู้ใหญ่ ในขณะที่เคียวสุเกะ ตั้งแต่ขึ้นชั้น ม.ต้น เริ่มรู้ตัวว่าตัวเองไม่ใช่พระเอกจัมพ์แต่เป็นคนธรรมดาที่ไม่ได้ดีเด่นไปกว่าคนอื่นตรงไหน เพียงแค่ยังฝืนตัวเองอยู่เท่านั้น ตรงนี้ในอนิเมไม่ได้บอกไว้ เพราะเป็นมุมมองจากคิริโนะ แต่ในนิยายเล่ม 11 มีพูดถึงอย่างละเอียดจากความคิดของเคียวสุเกะและคำบอกเล่าของมานามิ จนถึงเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้เคียวสุเกะ สูญเสียความมั่นใจในตัวเอง
ในสปอยล์เป็นเรื่องย่อของนิยายเล่ม 11 เล่าเรื่องที่เกิดในช่วงเวลาเดียวกันแต่ไม่ถูกกล่าวถึงในอนิเมตอนนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เปิดช่องว่างให้มานามิเข้ามาตอกย้ำว่า เคียวสุเกะเป็นแค่คนธรรมดาขอให้ใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาอย่าพยายามฝืนตัวเองเพื่อคนอื่นอีกเลย ทำให้เคียวสุเกะ กลายเป็นคนเบื่อโลกหน้าปลาตายไปในที่สุด ในขณะที่ คิริโนะพยายามผลักดันตัวเองให้เป็นเหมือนพี่ชาย (ในอดีต) จนเริ่มเป็นรูปร่างอย่างคิริโนะในปัจจุบัน รูปร่างดีหน้าตาสวย เรียนดีกีฬาเด่น จึงไม่พอใจในสภาพความไม่เอาไหนของพี่ชายในปัจจุบัน ร้องด่าเคียวสุเกะบอกให้คืนพี่ชายคนเดิมมา
คิริโนะเข้าใจดีว่า ต้นเหตุในความเปลี่ยนแปลงของเคียวสุเกะคือมานามิ จึงตรงมาหามานามิถึงบ้านพร้อมร้องขอให้
“เอาพี่จ๋าคนเดิมคืนมานะ”
มานามิได้ยินแล้วนิ่งค้างไปพักหนึ่ง เหมือนพยายามจะไล่ตามเรื่องราวเอาเอง จนในที่สุดเธอก็ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน (แต่แฝงความเลือดเย็น) ตอบปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
“ไม่ให้”
มานามิไล่บี้คิริโนะ ที่ยังเป็นแค่เด็กประถม (ป.6) ถึงความจริงของพี่น้องที่ไม่มีทางรักกันได้ ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน เพราะสังคมและคนรอบตัวไม่มีทางยอมรับ ยิ่งพยายามฝืนความจริงมีแต่จะทำให้ทั้งสองพี่น้องต้องประสบเรื่องเลวร้าย สุดท้ายมานามิจึงสั่งให้
“กลับไปเป็นพี่น้องธรรมดาซะเถอะ”
เด็กประถมอ่อนโลกอย่างคิริโนะได้แต่เดินร้องไห้หลับบ้านคับแค้นใจที่ตัวเองตอบโต้อะไรไม่ได้เลย ทำอะไรไม่ได้เลย คิดอะไรไม่ออกเลย ระบายอารมณ์ออกมาเตะใส่เก้าอี้โซฟาไม่ยั้ง (อยากเป็นโซฟาก็วันนี้แหละ) จนต้องไปอัดเทปเตือนสติอีกครั้ง ไม่ให้หลงลืมความคับข้องใจ ไม่ให้ลืมความรู้สึกที่มีต่อพี่ชาย เพื่อเตือนใจตนเองยามที่คิดท้อแท้กับปัญหานี้ขึ้นมา
เนื้อหาในสปอยล์ มาจากนิยายเล่ม 12 และน่าจะมีกล่าวถึงอยู่ในอนิเม 3 ตอนที่เหลือ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังเหตุการณ์นี้คิริโนะจึงเริ่มหมางเมินกับเคียวสุเกะ จนกลายเป็นสงครามเย็นระหว่างพี่น้อง ไม่พูดไม่จากันไปในที่สุด