แค่อยากแชร์ประสบการณ์การลงทุน(อยากให้มือใหม่ได้อ่าน)

กระทู้สนทนา
เมื่อประมาณสาม ถึง สี่ปีที่แล้วผมเป็นแค่คนที่เริ่มสนใจที่ลงทุนในตลาดหุ้น เนื่องจากได้เรียนมาทางด้านนี้ ก็เริ่มจากเงินเก็บประมาณ 100,00 บาท ผมโชคดีที่ได้เพื่อนหลายคนที่มีประสบการณ์มาสอนผม อีกทั้งในช่วงนั้นเป็นช่วงขาขึ้นพอดี ใครเล่นก็คงกำไรกันทุกคน เรียกได้ว่าเข้ามาได้จังหวะที่ดีจริงๆ จำได้เลยว่า หุ้นตัวแรกที่ซื้อ คือ TNH จริงๆ ก็ไม่รู้หรอกว่ามันเป็นหุ้นอะไร แค่ซื้อตามเพื่อน จากนั้นก็ศึกษาการลงทุนผ่านเวป หนังสือการลงทุนต่างๆ

         ซึ่งในระหว่างที่ศึกษาเรื่องการลงทุนนั้น ก็ได้ขอเงินที่บ้านมา 4,000,000 บาท มาลงทุนนี่แหละ ซึ่งคำถามแรกที่ผมถามกับที่บ้านเลยว่า ถ้าเงินจำนวนนี้เหลือ 0 บาท จะเดือดร้อนไหม (คำถามนี้เป็นคำถามสำคัญมากนะครับ ต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อน) ตอนนั้นในพอร์ตก็ยังไม่มีหุ้นอะไรเลย อยู่ระหว่างศึกษา จากนั้นก็ค่อยๆ ทยอยซื้อหุ้นไปเรื่อยๆ เช่น NBC BGH BCH SPALI SIS BLA เป็นต้น ซื้อแล้วก็ถือยาว แล้วโชคดีได้กำไรก็แค่นั้น พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ก็เริ่มศึกษาหนังสือการลงทุนมากขึ้นๆ ตอนแรกก็คิดว่าตลาดหุ้นมันง่าย ใครๆ ก็เข้ามาทำกำไรได้ แต่นรกมีจริง สิ่งที่จำได้ติดตาเลย คือหุ้น JAS มันบ้าคลั่งมาก ผมเคยซื้อได้ราคาประมาณ 2 บาท แล้วมันก็ปั่นไปเกือบ 5 บาท แล้วทุบมาต่ำกว่าทุนของเรา จำได้ว่าใจเสียมากๆ ช่วงนั้น แต่ก็ตัดใจขายไปตอนใกล้ 2 บาท สรุปคือไม่ได้ไรเลย ทั้งๆ ที่ถือยาวมาเป็นปี(ถ้าถือต่อคงได้กำไร เยอะเลย นี่แหละความผิดพลาดร้ายแรงที่ ดูราคามากเกินไป ไม่ได้ดูกิจการ) ในช่วงเวลานั้นผมก็ได้ไปฟัง Opp day โดนเฉพาะบริษัทที่เราถือหุ้นอยู่ จำได้เลยว่าหลังจากไปฟัง Opp day ของ SIS กับ NBC ทำให้ผมตัดสินใจขายหุ้นทิ้งทุกราคาเลย เพราะรู้สึกว่าบริษัท อยู่ในอุตสาหกรรมที่ยากลำบาก ทั้งคู่ แล้วก็เป็นไปตามคาด ราคาหุ้นมันไม่ไปไหนเลย ส่วน Spali ผมขายไปตอนประมาณ 14 บาท จากทุน 9 บาท ได้กำไรประมาณ 400,000 บาท เนื่องจากตอนนั้นผมมองแล้วว่า ถึงราคาจะไปต่อก็คงไปต่อได้อีกไม่มาก จากการคาดการณ์กำไร (ทุกตัวที่กล่าวมา ผมถือเป็นปีครับ ไม่เคยเล่นสั้น) สังเกตุไว้ว่า ถ้าเราวิเคราะห์จากกิจการเรามักตัดสินใจได้ถูก แต่ถ้าเราดูจากราคาอย่างเดียวอาจจะทำให้เราพลาดได้ เช่นกรณีของ JAS เป็นต้น
           
         ถ้าอ่านที่จากที่กล่าวมาข้างต้นอาจจะดูเหมือนง่ายนะครับ แต่ในความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย หุ้นบางตัวที่เราวิเคราะห์แล้วว่าดี ไม่วิ่งเลยทั้งปี ยกตัวอย่างเช่น BLA เป็นต้น ใช้เวลา 1 ปี กว่าๆ ถึงจะวิ่งครับ ในระหว่างช่วงเวลานั้นก็โดนเพื่อนกรอกหูตลอด ขายได้เลย ไม่วิ่งเลย ถือไมฟะ หรือไม่ก็ ล้างพอร์ตได้แล้ว เดี๋ยวหุ้นก็ตกหรอก กำไรหายกันพอดี และอื่นๆ อีกมากมาย จิตใจคุณต้องหนักแน่นพอ ที่จะไม่หวั่นไหวไปตามสิ่งต่างๆ ที่มาเย้ายวนคุณตลอดเวลา

           อยากจะฝากไว้ครับสำหรับใครที่จะเข้ามาลงทุน ต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า อยากได้อะไรจากตลาดทุน ถ้าหวังรวยเร็ว ไปบ่อนคาสิโนดีกว่าครับ สำหรับตัวผมเองนั้นเข้ามาตลาดทุนนี้เนื่องจากอยากทดสอบทฤษฎีที่อยู่ในหนังสือ One Up On Wall Street ของ Peter Lynch ที่เขาบอกว่าให้เลือกบริษัทที่คิดว่าดี มา 5 บริษัท แล้วถือยาวครับ โดยที่ผมไม่ได้อยากรวยเร็วเลย แต่พอเวลาผ่านไป มันเกิดขึ้นเองครับ ความมหัศจรรย์ที่ในหนังสือได้กล่าวไว้

      ปล1. (ผมก็ยังเป็นแค่เม่าตัวเล็กๆ  ตัวหนึ่ง) แต่สิ่งที่อยากฝากไว้คือ ทุกอาชีพคนที่ประสบความสำเร็จมีน้อยเสมอครับ ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จ คุณต้องเอาจริงกับมันเท่านั้น สำหรับใครที่ขอหุ้น หรืออยากฟังบทวิเคราะห์หุ้นตัวนั้น ตัวนี้ ขอให้คุณลองคิดดีๆ ตามหลักความเป็นจริง ถ้าข้อมูลยิ่งมีคนรู้มากเท่าไหร่ แสดงว่าโอกาสทำกำไรของคุณจะยิ่งน้อยลงเท่านั้น นี่แหละคือ ความจริงครับ ในทางกลับกัน ถ้าหุ้นตัวใดที่ไม่มีคนสนใจ หรือสนใจน้อยเท่าไหร่ โอกาสทำกำไรยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น(ต้องเป็นบริษัทที่คุณวิเคราะห์เองว่าดี แล้วคนยังทราบไม่เยอะนะครับ)
      ในโลกนี้ไม่มีรางวัลสำหรับคนเกียจคร้านครับ คนเกียจคร้านส่วนใหญ่มักจะเป็นเหยื่อเสมอ
      ปล2. ผมไม่ใช่ VI ผมแค่ทำตามทฤษฎีที่ว่าไว้ในหนังสือเท่านั้น
      ส่วนนี่คือภาพพอร์ตปัจจุบันที่ลงทุนได้มา 3 ปี กว่าๆ ครับ

      ขอในทุกท่านประสบความสำเร็จในการลงทุนครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่