พราหมณ์(ว่า) - พุทธ(วจน ตรัส) .... เกิดทางเนื้อหนัง ?

ปรารภ คคห 108 / กระทู้ http://ppantip.com/topic/30614726

กำหนด ตาม

๘. วาเสฏฐสูตร
ทรงโปรดวาเสฏฐมาณพ
             [๗๐๔] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้:-
             สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ราวป่าอิจฉานังคละใกล้บ้านอิจฉานังคลคาม.
ก็สมัยนั้น พราหมณ์มหาศาลผู้มีชื่อเสียงเป็นอันมาก คือ จังกีพราหมณ์ ตารุกขพราหมณ์
โปกขรสาติพราหมณ์ ชาณุโสณีพราหมณ์ โตเทยยพราหมณ์ และพราหมณ์มหาศาลเหล่าอื่นที่มี
ชื่อเสียง อาศัยอยู่ในอิจฉานังคลคาม. ครั้งนั้นวาเสฏฐมาณพและภารทวาชมาณพ เที่ยวเดินเล่น
เป็นการพักผ่อนอยู่ มีถ้อยคำพูดกันในระหว่างนี้เกิดขึ้นว่า ท่านผู้เจริญ อย่างไรบุคคลจึงจะชื่อว่า
เป็นพราหมณ์? ภารทวาชมาณพกล่าวอย่างนี้ว่า ท่านผู้เจริญ บุคคลเป็นผู้เกิดดีทั้งสองฝ่าย คือ
ทั้งฝ่ายมารดาและฝ่ายบิดา มีครรภ์เป็นที่ถือปฏิสนธิอันบริสุทธิ์ตลอด ๗ ชั่วบรรพบุรุษ
ไม่มีใครคัดค้านติเตียนด้วยอ้างถึงชาติได้ ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล บุคคลจึงจะชื่อว่าเป็นพราหมณ์.
วาเสฏฐมาณพกล่าวอย่างนี้ว่า ท่านผู้เจริญ บุคคลเป็นผู้มีศีล และถึงพร้อมด้วยวัตร ด้วยเหตุ
เพียงเท่านี้แล บุคคลจึงจะชื่อว่าเป็นพราหมณ์ ภารทวาชมาณพไม่อาจให้วาเสฏฐมาณพยินยอมได้
ถึงวาเสฏฐมาณพก็ไม่อาจให้ภารทวาชมาณพยินยอมได้เหมือนกัน.
            
ฯลฯ

บุคคลจะชื่อว่าเป็นคนชั่ว
             เพราะชาติ (เิกิดแบบ ข้างบน) ก็หาไม่ จะชื่อว่าเป็นพราหมณ์เพราะชาติก็หาไม่
             ที่แท้ ชื่อว่าเป็นคนชั่วเพราะกรรม ชื่อว่าเป็นพราหมณ์เพราะ
             กรรม
เป็นชาวนาเพราะกรรม เป็นศิลปินเพราะกรรม เป็น
             พ่อค้าเพราะกรรม เป็นคนรับใช้เพราะกรรม แม้เป็นโจร
             ก็เพราะกรรม แม้เป็นทหารก็เพราะกรรม เป็นปุโรหิตเพราะ
             กรรม แม้เป็นพระราชาก็เพราะกรรม บัณฑิตทั้งหลายมีปกติ
             เห็นปฏิจจสมุปบาท ฉลาดในกรรมและวิบาก ย่อมเห็นกรรม
             นั้นแจ้งชัดตามความเป็นจริงอย่างนี้ว่า โลกย่อมเป็นไปเพราะ
             กรรม หมู่สัตว์ย่อมเป็นไปเพราะกรรม สัตว์ทั้งหลายถูกผูกไว้
             ในกรรม เหมือนลิ่มสลักของรถที่กำลังแล่นไปฉะนั้น บุคคล
             ชื่อว่าเป็นพราหมณ์ด้วยกรรมอันประเสริฐนี้ คือ ตบะพรหมจรรย์
             สัญญมะ และทมะ กรรม ๔ อย่างนี้ เป็นกรรมอันสูงสุดของ
             พรหมทั้งหลาย ทำให้ผู้ประพฤติถึงพร้อมด้วยวิชชา ๓ ระงับ
             กิเลสได้ สิ้นภพใหม่แล้ว ดูกรวาเสฏฐะ ท่านจงรู้อย่างนี้ว่า
             ผู้นั้นชื่อว่าเป็นพรหม เป็นท้าวสักกะ ของบัณฑิตผู้รู้แจ้ง
             ทั้งหลาย.

             [๗๐๘] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว วาเสฏฐมาณพและภารทวาชมาณพ ได้
กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ
ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก พระองค์ทรงประกาศธรรมโดยอเนกปริยาย
เปรียบเหมือนหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางให้แก่คนหลงทาง หรือตามประทีปไว้ในที่มืด
ด้วยหวังว่า ผู้มีจักษุจะได้เห็นรูปได้ฉะนั้น
ข้าพระองค์ทั้งสองนี้ ขอถึงพระโคดมผู้เจริญกับทั้ง
พระธรรม และพระภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ขอพระองค์โปรดทรงจำข้าพระองค์ทั้งสองว่าเป็นอุบาสก
ผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉะนี้แล.
จบ วาเสฏฐสูตร ที่ ๘.



^^^^^
(๑) พราหมณ์ บัญญัติ ---- วรรรณพราหมณ์ "มีครรภ์เป็นที่ถือปฏิสนธิ" ----- "อันบริสุทธิ์ตลอด ๗ ชั่วบรรพบุรุษ "  ---- ใช่หรือไม่?
(๒) ข้อที่ ๑  = เกิดเป็นพราหมณ์ "ทางเนื้อหนัง ที่มีชีวิต ที่กำเนิดแบบ ชลาพุชะ" -------------------------------------- ใช่หรือไม่
(๓) การเกิดจากครรภ์มารดาแบบลัทธิพราหมณ์  ไม่เกี่ยวกับ "กรรม (คือเจตนา คือกรรม / นิพเพธิกสูตร) ------ ใช่หรือไม่?

^^^
(1) พระพุทธเจ้าตรัส ---- วาเสฏฐสูตร
     ข้อที่ ๑ ๒ (ที่พราหมณ์บัญญัติ) --- ไม่เกี่ยวกับ ---  จะชื่อว่าเป็นพราหมณ์เพราะชาติ (เกิดแบบชลาพุชะ) ก็หาไม่
             ที่แท้ ชื่อว่าเป็นคนชั่วเพราะกรรม ชื่อว่าเป็นพราหมณ์เพราะ
             กรรม
---------------------------------------------------------------------------------------- ใช่หรือไม่


****************
กระทู้นี้  ๔ คำถาม "ใช่หรือไม่" ครับ
ตาม ๔ คำถาม ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่