ความ หน้าไม่อาย มากๆ ของเม็ดมะขาม(เผ่าอีเก้อ)



หลังจากที่ "จนด้วยหลักฐาน" ว่าไม่สามารถนำเอาเรื่อง การเวียนว่ายตายเกิดข้ามภพชาติ
มาเป็นเกณฑ์วัดความเป็น "สัมมาทิฐิ" ได้ สมดังที่พวกมันเคยเชื่อถือกันมาแต่เดิม



เมื่อเวลาผ่านไปประมาณเกือบ ๒๐ วัน ปรากฏว่า จากเดิม ที่เคยกล่าวทักท้วงท่านพุทธทาสว่า
ทำไมท่านจึงไม่สอนว่า การเวียนว่ายตายเกิดข้ามภพชาติ เป็นสัมมาทิฐิ

ได้กลายเป็นว่า ความเป็นมิจฉาทิฐิ ไม่เกี่ยวกับการเชื่อ หรือไม่เชื่อ ในเรื่อง
การเวียนว่ายตายเกิดข้ามภพชาติ แต่เกี่ยวกับความเชื่อเรื่อง กรรม และ เหตุปัจจัย !



สรุป ก็คือ จะเป็น สัมมาทิฐิ หรือ มิจฉาทิฐิ มันขึ้นอยู่กับว่า เชื่อในเรื่องกรรม หรือ กฏแห่งเหตุปัจจัย หรือไม่
โดยไม่เกี่ยวกับความเชื่อเรื่อง เวียนว่ายตายเกิดข้ามภพข้ามชาติ(แบบตายเข้าโลง) เลยสักนิด

ซึ่งถ้าหาก พวกมัน มีความเข้าใจตามนี้จริง แล้วมันมากล่าวเชิง "ตำหนิ" ท่านพุทธทาส
เรื่องไม่สอนว่า การเวียนว่ายตายเกิดข้ามภพชาติ(แบบตายเข้าโลง) เป็นสัมมาทิฐิ     ........    ทำไม ?

    

ก็ไหนบอกว่า มันไม่เกี่ยวกัน มิใช่รึ ?

จากหลักฐาน มันชัดเจนอยู่ว่า แม้แต่อัญเดียรถีย์บางพวก ที่ได้ชื่อว่า อุจเฉททิฐิ
ยังมีความเชื่อในเรื่อง เวียนว่ายตายเกิดข้ามภพชาติ(แบบตายเข้าโลง)
จึงไม่ต้องสงสัยว่าพวก สัสสตทิฐิ จะเชื่อเรื่องแบบนี้บ้างหรือไม่ ?

ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ ที่พระมหาเถระ ผู้ทรงภูมิรู้ภูมิธรรมอย่างท่านพุทธทาส
จะกล่าวสอนอย่าง "เลอะเทอะ" ว่าความเชื่อในเรื่อง เวียนว่ายตายเกิดข้ามภพชาติ เป็นสัมมาทิฐิ
ทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่ามันไม่จริง  !

    



สรุป ก็คือ ในท้ายที่สุด พวกเม็ดมะขามได้ "ยอมรับ" ตามความเป็นจริงแล้วว่า
ผู้เป็นสัมมาทิฐิ ไม่จำเป็นต้องเชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิดข้ามภพชาติ(แบบตายเข้าโลง)

ใช่หรือไม่ ?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่