จากกรณีที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ออกโรงติติงลูกทุ่งสาว “ใบเตย อาร์สยาม” ว่า “นำเพลงลูกทุ่งมาสร้างจุดขายให้ตัวเอง เป็นศิลปินที่ทำอย่างไรก็ได้ให้ตนเองมีชื่อเสียง ตนมองว่า เป็นการหากินในเชิงธุรกิจมากเกินไป โดยไม่สนใจศิลปวัฒนธรรมดั้งเดิมของเพลงลูกทุ่ง อีกทั้งมีการสร้างภาพลักษณ์ให้ตัวเองดูดีอยู่ตลอดเวลาในขณะออกสื่อ แต่การแสดงออก กลับตรงกันข้าม ใช้ร่างกาย ท่าเต้น ดึงดูดให้คนสนใจเพลง มากกว่าการขายเนื้อหาและไม่รักษาวัฒนธรรมที่ดีของของชาติ”
ล่าสุดวันนี้ (20 มิ.ย.) ลูกทุ่งสาวพร้อมด้วยนายศุภชัย นิลวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัทอาร์ สยาม จำกัด ได้เปิดใจถึงประเด็นดังกล่าว ณ สตูดิโอรายการปากโป้ง ช่อง8 อาคารเชษฐโชติศักดิ์ 3 ชั้น7 ลาดพร้าว 15
ใบเตยกล่าวว่า “ตกใจค่ะ ยอมรับว่าเป็นอีกหนึ่งข่าวที่ในชีวิตมีข่าวฉาวเรื่องหนุ่มๆมาก็ไม่เสียใจเท่าเรื่องนี้นะ รู้สึกว่าเสียใจที่ในมุมของตัวเราเอง เราพิสูจน์ตัวเองด้วยผลงานมามากพอสมควร ไม่ได้มีข่าวฉาวในเรื่องการทำงานและมุมที่ไม่ดีมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว มาวันนี้เจอข่าวนี้ก็แอบตกใจเหมือนกัน ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับเราอีก และทำไมต้องเป็นใบเตย แต่ก็ขอบคุณมากค่ะ ที่ยังนึกถึงและสนใจ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นจะดีหรือไม่ดีก็เป็นใบเตยคนแรกเสมอ ขอบคุณสวธ.มากๆค่ะ สำหรับที่เขาบอกว่าเราทำให้วงการลูกทุ่งเสื่อมเสีย อันที่จริงเรื่องนี้ได้ยินมาตั้งแต่เริ่มเป็นนักร้องลูกทุ่งใส่สั้นแล้ว แต่ที่ค่อนข้างเสียใจมากคือคำที่ว่าเราใช้เรือนร่าง ท่าเต้นทำให้ตัวเองโด่งดัง ก็ตกใจมากทำไมเขาถึงคิดกับเราในมุมอย่างนั้น พอได้มาทำความเข้าใจแล้ว คือคนที่ได้กล่าวหาในตรงนี้เขาอยู่ในส่วนของสวธ. ซึ่งควบคุมดูแลเรื่องวัฒนธรรม เขาก็เลยต้องซีเรียสเรื่องนี้มากกว่าเราซึ่งเป็นคนสร้างสรรค์ผลงาน อันนี้ไม่มีฝ่ายไหนผิดหรือถูก เพียงแต่ว่าในมุมมองของใบเตย สำหรับเราก็เป็นคำพูดที่ค่อนข้างรุนแรงมาก สาวลูกทุ่งที่มีหน้าที่สร้างความสุข เสียงเพลงให้กับแฟนเพลง ใบเตยไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนเลยและไม่ได้เป็นคนไม่ดีสำหรับสังคมทั้งในเรื่องการแต่งตัวและท่าเต้นที่เขาได้กล่าวหามา อยากจะบอกว่าตัวเราเองที่มีความเป็นตัวตนตรงนี้ ถ้ามันเข้าไปก้าวก่ายทำให้วัฒนธรรมลูกทุ่งแย่ลงก็ต้องกราบขออภัยจริงๆ ณ วันนี้แนวทางของใบเตย คาแรกเตอร์ วงการเพลงเป็นลูกทุ่งสมัยใหม่ เป็นปีของอาเซียน ยุคสมัยที่ใบเตยอยู่ตอนนี้ ตลาดผู้บริโภคต้องการแนวนี้ เราก็เลยต้องเป็นแนวนี้ค่ะ”
“ส่วนเรื่องที่จะปรับเปลี่ยนทั้งเรื่องชุดหรือท่าเต้นหรือเปล่า ในเรื่องของการทำงาน การสื่อสาร คาแรกเตอร์ในการร้องเพลง ใบเตยขออนุญาตว่ายังคงต้องเป็นตัวตนของใบเตยอยู่เสมอ แต่จะบอกว่าทุกอย่างที่เราได้ทำ ทางค่ายก็สอนเราเสมอว่าให้ทำทุกอย่างที่เป็นตัวตนของเราแต่ทุกอย่างต้องถูกตามกาลเทศะ เวลาใบเตยไปร้องเพลงในวัดก็ไม่ได้ใส่สั้นอย่างนี้อยู่แล้ว ไปเป็นตัวแทนร้องเพลงในต่างแดนเราก็ใส่ชุดไทยค่ะ แต่สวธ.คงไม่ได้มองและเล็งเห็นภาพกว้างในวันที่เราทำงานหลากหลายในชีวิต เขามองแค่เพลงแน่นอกและชุดสั้นเสมอหูของเรา อันนี้ใบเตยอยากให้เปิดใจกว้างๆและไปดูการทำงานของใบเตยในทุกๆวัน ในหลากหลายแนวและพื้นที่ที่เราได้ไปมอบความสุข ซึ่งใบเตยก็แต่งตัวตามกาลเทศะจริงๆค่ะ”
ทางด้านนายศุภชัย นิลวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัทอาร์ สยาม จำกัด ได้เปิดใจว่า “ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนผมก็ต้องชี้แจงก่อนว่าทุกอย่างที่ทางค่ายเพลงได้คิดขึ้นมาเราก็มีหลักการชัดเจน อย่างค่ายเพลงเราก็มีแนวทางเพลงที่หลากหลายมากไม่ว่าจะเรื่องส่งเสริมวัฒนธรรม เราก็มีนักร้องหลายเบอร์ด้วยกัน หรือจะเป็นเพลงเพื่อชีวิต ลูกทุ่งป๊อป ลูกทุ่งร็อก เรามีหมด อย่างของใบเตยก็เป็นทางเลือกเพราะเราเป็นบริษัทใหญ่ มีนักร้องเยอะ และนี่ก็เป็นทางเลือกหนึ่งแต่ทางเลือกนี้ ณ ปัจจุบันคนก็เลือกเยอะ เพราะฉะนั้นก็เป็นที่เพ่งเล็ง เราถือว่างานของเราเป็นศิลปะแขนงหนึ่งนะครับ ฉะนั้นมันก็ไม่มีกรอบที่ชัดเจน อยู่ที่ว่ามันเหมาะสมไหมที่จะปรับเปลี่ยนแต่ก็ต้องประเมินเป็นชุดๆไป ณ กลุ่มเป้าหมายที่วางไว้และแนวทางเพลงต่างๆก็อยู่ในจุดที่เหมาะสม ถ้าจะปรับเปลี่ยนก็อยู่ที่กาลเทศะในแต่ละงานและพื้นที่”
“ส่วนเนื้อร้องและท่าเต้นที่โดนโจมตี เราอย่าเอาปัญหาอื่นๆมาเป็นภาระของเพลง ผมมองว่าเพลงหน้าที่ของมันคือทำให้มีความสุขและผมเชื่อว่าเพลงนี้ก็ทำให้คนมีความสุขเยอะแยะเลยครับ”
“ผมก็เข้าใจสวธ.นะครับว่าพอดีท่านไปในงานแล้วกล่าวสุนทรพจน์ในการร้องเพลง ก็เข้าใจว่างานนั้นเป็นงานประกวดร้องเพลงลูกทุ่งแท้ๆ ท่านก็คงจะให้ข้อคิดกับนักร้องรุ่นใหม่ๆ ก็ดีที่ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและยกตัวอย่างขึ้นมา พอดีมันมาพาดพิงถึงน้องใบเตย แต่ผมเข้าใจเจตนาดีของท่านนะครับ”
ศิลปินแห่งชาติก็ออกมาพูดว่าทางค่ายเพลงก็จับนักร้องให้มีจุดขายแบบนี้
“ ผมเคยถามไปแล้วนะครับว่าค่ายไหน เพราะค่ายนี้ไม่มี ค่ายนี้บอกอย่างเดียวนะครับว่าต้องถูกกาลเทศะ ต้องยอมรับว่าบางครั้งเนี่ย นักร้องเรามี 100 คนก็ต้องมีนักร้องบางคนไปงานที่เราดูแลไม่ทั่วถึง มีบ้างที่ขาดๆเกินๆแต่เราก็เรียกมาตักเตือน แต่ประเด็นของเราคือต้องถูกกาลเทศะในงานที่ไป ไม่จำเป็นว่าต้องไปชุดคอนเซ็ปต์ตลอด อย่างใบเตยกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มคนฟังเพลงเร็ว งานเขาส่วนใหญ่ก็อยู่ในผับบ้าง แต่ถ้าไปงานผู้หลักผู้ใหญ่เราก็ต้องเปลี่ยน จะไปใส่แบบนี้ก็ไม่เหมาะสม”
หลายคนมองว่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อวัยรุ่น
“ผมว่าตรงนี้มันเป็นพฤติกรรมของแต่ละคน และอีกอย่างนึงผมมองว่าแต่ละคนจะจับมุมมองไหนไปเป็นประเด็น จริงๆน้องใบเตยก็ยังเป็นน้องใบเตย ถ้าคนมองในทางลบเขาก็จะลบตอลดเวลา ถ้ามองในแง่ดีของเขามันก็เป็นบวก เป็นคนดี เป็นคนที่สังคมน่ายกย่อง แล้วคนที่เอาท่าเต้นไปเลียนแบบก็อยู่ที่พฤติกรรมของคนๆนั้น คนที่เลียนแบบด้วยความสุนกสนาน ได้รับความนิยมก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าเอาไปแล้วมันเลยเถิดในเรื่องลามกอนาจารเราก็ไม่ได้เห็นด้วย จากข่าวที่ผ่านๆมาเราก็ไปให้กำลังใจเข้าหน้าที่ตำรวจในการตรวจสอบดูแล”
ชุดที่ใบเตยใส่ขึ้นเวทีคอนเสิร์ตหลายคนมองว่าไม่เหมาะสม เหมือนเป็นชุดว่ายน้ำมากกว่า
“ก็ต้องดูว่าใครวิจารณ์ ซึ่งมีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบ ชุดที่ใส่ขึ้นเวทีก็ต้องถามว่าเป็นเวทีไหนเพราะมีหลายเวที ถ้าน้องไปเล่นงานจ้างกลางคืนตามร้านอาหาร ก็อาจจะมีบ้างเพราะมันเป็นกลุ่มเป้าหมายที่อยากชมแบบนี้ เราก็ไม่มองว่าเราถูกหรือว่าเขาผิด แต่มันเป็นงานที่เราต้องคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายของเราด้วย”
ลุกทุ่งสาวชี้แจงถึงประเด็นนี้ต่อว่า “ส่วนนึงยอมรับว่าสไตล์เป็นอย่างนั้นจริงๆ ณ วันนี้ถ้าใบเตยใส่ยาว หน้าเวทีหนูโดนด่าเพราะเวลาไปงานทุกงาน ทุกคนรีเควสมาหมดว่าขอชุดนี้ ชุดถ้าไม่สั้นเสมอหู อย่าเรียกหนูว่าใบเตย เขาเห็นเราและจำเราได้จากชุดนี้ ใบเตยค่อนข้างที่จะนับถืออิมเมจเราชัดเจนในความเป็นตรงนี้ ในใจอยากให้มองว่าเซ็กซี่แต่ไม่อยากให้มองว่าโป๊ วาบหวิวเพราะวันที่เราใส่เต้นในมิวสิควิดีโอ ทุกคนชอบ ถ้าคุณไม่ชอบจริงๆ คุณคงไม่ดูถึง 36 ล้านวิว ต้องขอบคุณเพลงนี้ที่ทำให้จากคนที่เกลียดเป็นรักเรามากขึ้น อยากให้รักเราแบบนี้ตลอดไป โตไปกว่านี้ใบเตยคงไม่มีโอกาสได้ย้อนกลับมาใส่สั้นเท่านี้อีกแล้ว และขอพูดอีกเรื่องนึงคือเรื่องท่าเต้น การลอกเลียนแบบ ไม่อยากให้ว่าแฟนเพลงของใบเตยที่ก๊อปปี้เรามาทั้งหมดเพราะทุกคนมีวิจารณญาณต่างกัน เราใส่ชุดสั้นเสมอหู เต้นท่าแน่นอก ทุกคนได้ดูแต่จะเอาไปเต้นในแนวไหนในการคัพเวอร์ก็แตกต่างกันไปค่ะ ใบเตยและบริษัทไม่ได้มีเจตนาทำตัวอย่างที่ไม่ดีให้ทุกคนเห็น ก็ดีใจที่มีคนคัพเวอร์เพลงของเรา ณ วันนี้เพลงของเรามีผลต่อความรู้สึก จิตใจแฟนเพลงทุกคน อยากให้ทำทุกอย่างในทางที่ถูกต้อง เราก็ไม่อยากให้หน่วยงานไหนมาว่าหรือกล่าวถึงบริษัทและชื่อเรา โดยที่บางสิ่งบางอย่างมาจากการมีความสุขของแฟนเพลงทั่งประเทศ”
ยืนยันว่ายังใส่สั้นเหมือนเดิม
“ยังสั้นอยู่ค่ะ”
อยากฝากบอกอะไรถึงผู้ใหญ่ สวธ.ไหม
“ก็ต้องขอบคุณมากและต้องขอโทษด้วย ถ้าศิลปินลูกทุ่งสาวสั้นเสมอหูคนนี้ไปทำให้หลายๆอย่างมีผลกระทบต่อวัฒนธรรมและประเพณีของไทย ใบเตยและบริษัทไม่มีความตั้งใจและเจตนาที่จะทำทุกอย่างให้ออกมาเป็นสื่อ เพลง ภาพที่ไม่ดี ทั้งต่อสังคมและทุกอย่างที่เกี่ยวกับความเป็นไทย เราทำทุกอย่างตอบแทนผู้บริโภค ถ้าทุกคนชอบอันนี้ก็คือความภูมิใจของเรามากที่สุด ถ้าปรับได้อัลบั้มต่อใบเตยอายุ 30 ปีคงไม่มาใส่สั้นเสมอหูแบบนี้แล้วล่ะค่ะ ก็ต้องปรับเปลี่ยนตามยุคสมัยและตามวัยวุฒิ คุณวุฒิค่ะ”
ข่าวจาก : รักดารา
http://www.rakdara.net/overview.php?c=2&id=35743
"ใบเตย"เสียใจสวธ.ติงทำวงการลูกทุ่งเสื่อม แจงแต่งตัวตามกาลเทศะแต่ขอคงคอนเซ็ปต์สั้นเสมอหู
จากกรณีที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ออกโรงติติงลูกทุ่งสาว “ใบเตย อาร์สยาม” ว่า “นำเพลงลูกทุ่งมาสร้างจุดขายให้ตัวเอง เป็นศิลปินที่ทำอย่างไรก็ได้ให้ตนเองมีชื่อเสียง ตนมองว่า เป็นการหากินในเชิงธุรกิจมากเกินไป โดยไม่สนใจศิลปวัฒนธรรมดั้งเดิมของเพลงลูกทุ่ง อีกทั้งมีการสร้างภาพลักษณ์ให้ตัวเองดูดีอยู่ตลอดเวลาในขณะออกสื่อ แต่การแสดงออก กลับตรงกันข้าม ใช้ร่างกาย ท่าเต้น ดึงดูดให้คนสนใจเพลง มากกว่าการขายเนื้อหาและไม่รักษาวัฒนธรรมที่ดีของของชาติ”
ล่าสุดวันนี้ (20 มิ.ย.) ลูกทุ่งสาวพร้อมด้วยนายศุภชัย นิลวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัทอาร์ สยาม จำกัด ได้เปิดใจถึงประเด็นดังกล่าว ณ สตูดิโอรายการปากโป้ง ช่อง8 อาคารเชษฐโชติศักดิ์ 3 ชั้น7 ลาดพร้าว 15
ใบเตยกล่าวว่า “ตกใจค่ะ ยอมรับว่าเป็นอีกหนึ่งข่าวที่ในชีวิตมีข่าวฉาวเรื่องหนุ่มๆมาก็ไม่เสียใจเท่าเรื่องนี้นะ รู้สึกว่าเสียใจที่ในมุมของตัวเราเอง เราพิสูจน์ตัวเองด้วยผลงานมามากพอสมควร ไม่ได้มีข่าวฉาวในเรื่องการทำงานและมุมที่ไม่ดีมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว มาวันนี้เจอข่าวนี้ก็แอบตกใจเหมือนกัน ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับเราอีก และทำไมต้องเป็นใบเตย แต่ก็ขอบคุณมากค่ะ ที่ยังนึกถึงและสนใจ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นจะดีหรือไม่ดีก็เป็นใบเตยคนแรกเสมอ ขอบคุณสวธ.มากๆค่ะ สำหรับที่เขาบอกว่าเราทำให้วงการลูกทุ่งเสื่อมเสีย อันที่จริงเรื่องนี้ได้ยินมาตั้งแต่เริ่มเป็นนักร้องลูกทุ่งใส่สั้นแล้ว แต่ที่ค่อนข้างเสียใจมากคือคำที่ว่าเราใช้เรือนร่าง ท่าเต้นทำให้ตัวเองโด่งดัง ก็ตกใจมากทำไมเขาถึงคิดกับเราในมุมอย่างนั้น พอได้มาทำความเข้าใจแล้ว คือคนที่ได้กล่าวหาในตรงนี้เขาอยู่ในส่วนของสวธ. ซึ่งควบคุมดูแลเรื่องวัฒนธรรม เขาก็เลยต้องซีเรียสเรื่องนี้มากกว่าเราซึ่งเป็นคนสร้างสรรค์ผลงาน อันนี้ไม่มีฝ่ายไหนผิดหรือถูก เพียงแต่ว่าในมุมมองของใบเตย สำหรับเราก็เป็นคำพูดที่ค่อนข้างรุนแรงมาก สาวลูกทุ่งที่มีหน้าที่สร้างความสุข เสียงเพลงให้กับแฟนเพลง ใบเตยไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนเลยและไม่ได้เป็นคนไม่ดีสำหรับสังคมทั้งในเรื่องการแต่งตัวและท่าเต้นที่เขาได้กล่าวหามา อยากจะบอกว่าตัวเราเองที่มีความเป็นตัวตนตรงนี้ ถ้ามันเข้าไปก้าวก่ายทำให้วัฒนธรรมลูกทุ่งแย่ลงก็ต้องกราบขออภัยจริงๆ ณ วันนี้แนวทางของใบเตย คาแรกเตอร์ วงการเพลงเป็นลูกทุ่งสมัยใหม่ เป็นปีของอาเซียน ยุคสมัยที่ใบเตยอยู่ตอนนี้ ตลาดผู้บริโภคต้องการแนวนี้ เราก็เลยต้องเป็นแนวนี้ค่ะ”
“ส่วนเรื่องที่จะปรับเปลี่ยนทั้งเรื่องชุดหรือท่าเต้นหรือเปล่า ในเรื่องของการทำงาน การสื่อสาร คาแรกเตอร์ในการร้องเพลง ใบเตยขออนุญาตว่ายังคงต้องเป็นตัวตนของใบเตยอยู่เสมอ แต่จะบอกว่าทุกอย่างที่เราได้ทำ ทางค่ายก็สอนเราเสมอว่าให้ทำทุกอย่างที่เป็นตัวตนของเราแต่ทุกอย่างต้องถูกตามกาลเทศะ เวลาใบเตยไปร้องเพลงในวัดก็ไม่ได้ใส่สั้นอย่างนี้อยู่แล้ว ไปเป็นตัวแทนร้องเพลงในต่างแดนเราก็ใส่ชุดไทยค่ะ แต่สวธ.คงไม่ได้มองและเล็งเห็นภาพกว้างในวันที่เราทำงานหลากหลายในชีวิต เขามองแค่เพลงแน่นอกและชุดสั้นเสมอหูของเรา อันนี้ใบเตยอยากให้เปิดใจกว้างๆและไปดูการทำงานของใบเตยในทุกๆวัน ในหลากหลายแนวและพื้นที่ที่เราได้ไปมอบความสุข ซึ่งใบเตยก็แต่งตัวตามกาลเทศะจริงๆค่ะ”
ทางด้านนายศุภชัย นิลวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัทอาร์ สยาม จำกัด ได้เปิดใจว่า “ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนผมก็ต้องชี้แจงก่อนว่าทุกอย่างที่ทางค่ายเพลงได้คิดขึ้นมาเราก็มีหลักการชัดเจน อย่างค่ายเพลงเราก็มีแนวทางเพลงที่หลากหลายมากไม่ว่าจะเรื่องส่งเสริมวัฒนธรรม เราก็มีนักร้องหลายเบอร์ด้วยกัน หรือจะเป็นเพลงเพื่อชีวิต ลูกทุ่งป๊อป ลูกทุ่งร็อก เรามีหมด อย่างของใบเตยก็เป็นทางเลือกเพราะเราเป็นบริษัทใหญ่ มีนักร้องเยอะ และนี่ก็เป็นทางเลือกหนึ่งแต่ทางเลือกนี้ ณ ปัจจุบันคนก็เลือกเยอะ เพราะฉะนั้นก็เป็นที่เพ่งเล็ง เราถือว่างานของเราเป็นศิลปะแขนงหนึ่งนะครับ ฉะนั้นมันก็ไม่มีกรอบที่ชัดเจน อยู่ที่ว่ามันเหมาะสมไหมที่จะปรับเปลี่ยนแต่ก็ต้องประเมินเป็นชุดๆไป ณ กลุ่มเป้าหมายที่วางไว้และแนวทางเพลงต่างๆก็อยู่ในจุดที่เหมาะสม ถ้าจะปรับเปลี่ยนก็อยู่ที่กาลเทศะในแต่ละงานและพื้นที่”
“ส่วนเนื้อร้องและท่าเต้นที่โดนโจมตี เราอย่าเอาปัญหาอื่นๆมาเป็นภาระของเพลง ผมมองว่าเพลงหน้าที่ของมันคือทำให้มีความสุขและผมเชื่อว่าเพลงนี้ก็ทำให้คนมีความสุขเยอะแยะเลยครับ”
“ผมก็เข้าใจสวธ.นะครับว่าพอดีท่านไปในงานแล้วกล่าวสุนทรพจน์ในการร้องเพลง ก็เข้าใจว่างานนั้นเป็นงานประกวดร้องเพลงลูกทุ่งแท้ๆ ท่านก็คงจะให้ข้อคิดกับนักร้องรุ่นใหม่ๆ ก็ดีที่ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและยกตัวอย่างขึ้นมา พอดีมันมาพาดพิงถึงน้องใบเตย แต่ผมเข้าใจเจตนาดีของท่านนะครับ”
ศิลปินแห่งชาติก็ออกมาพูดว่าทางค่ายเพลงก็จับนักร้องให้มีจุดขายแบบนี้
“ ผมเคยถามไปแล้วนะครับว่าค่ายไหน เพราะค่ายนี้ไม่มี ค่ายนี้บอกอย่างเดียวนะครับว่าต้องถูกกาลเทศะ ต้องยอมรับว่าบางครั้งเนี่ย นักร้องเรามี 100 คนก็ต้องมีนักร้องบางคนไปงานที่เราดูแลไม่ทั่วถึง มีบ้างที่ขาดๆเกินๆแต่เราก็เรียกมาตักเตือน แต่ประเด็นของเราคือต้องถูกกาลเทศะในงานที่ไป ไม่จำเป็นว่าต้องไปชุดคอนเซ็ปต์ตลอด อย่างใบเตยกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มคนฟังเพลงเร็ว งานเขาส่วนใหญ่ก็อยู่ในผับบ้าง แต่ถ้าไปงานผู้หลักผู้ใหญ่เราก็ต้องเปลี่ยน จะไปใส่แบบนี้ก็ไม่เหมาะสม”
หลายคนมองว่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อวัยรุ่น
“ผมว่าตรงนี้มันเป็นพฤติกรรมของแต่ละคน และอีกอย่างนึงผมมองว่าแต่ละคนจะจับมุมมองไหนไปเป็นประเด็น จริงๆน้องใบเตยก็ยังเป็นน้องใบเตย ถ้าคนมองในทางลบเขาก็จะลบตอลดเวลา ถ้ามองในแง่ดีของเขามันก็เป็นบวก เป็นคนดี เป็นคนที่สังคมน่ายกย่อง แล้วคนที่เอาท่าเต้นไปเลียนแบบก็อยู่ที่พฤติกรรมของคนๆนั้น คนที่เลียนแบบด้วยความสุนกสนาน ได้รับความนิยมก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าเอาไปแล้วมันเลยเถิดในเรื่องลามกอนาจารเราก็ไม่ได้เห็นด้วย จากข่าวที่ผ่านๆมาเราก็ไปให้กำลังใจเข้าหน้าที่ตำรวจในการตรวจสอบดูแล”
ชุดที่ใบเตยใส่ขึ้นเวทีคอนเสิร์ตหลายคนมองว่าไม่เหมาะสม เหมือนเป็นชุดว่ายน้ำมากกว่า
“ก็ต้องดูว่าใครวิจารณ์ ซึ่งมีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบ ชุดที่ใส่ขึ้นเวทีก็ต้องถามว่าเป็นเวทีไหนเพราะมีหลายเวที ถ้าน้องไปเล่นงานจ้างกลางคืนตามร้านอาหาร ก็อาจจะมีบ้างเพราะมันเป็นกลุ่มเป้าหมายที่อยากชมแบบนี้ เราก็ไม่มองว่าเราถูกหรือว่าเขาผิด แต่มันเป็นงานที่เราต้องคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายของเราด้วย”
ลุกทุ่งสาวชี้แจงถึงประเด็นนี้ต่อว่า “ส่วนนึงยอมรับว่าสไตล์เป็นอย่างนั้นจริงๆ ณ วันนี้ถ้าใบเตยใส่ยาว หน้าเวทีหนูโดนด่าเพราะเวลาไปงานทุกงาน ทุกคนรีเควสมาหมดว่าขอชุดนี้ ชุดถ้าไม่สั้นเสมอหู อย่าเรียกหนูว่าใบเตย เขาเห็นเราและจำเราได้จากชุดนี้ ใบเตยค่อนข้างที่จะนับถืออิมเมจเราชัดเจนในความเป็นตรงนี้ ในใจอยากให้มองว่าเซ็กซี่แต่ไม่อยากให้มองว่าโป๊ วาบหวิวเพราะวันที่เราใส่เต้นในมิวสิควิดีโอ ทุกคนชอบ ถ้าคุณไม่ชอบจริงๆ คุณคงไม่ดูถึง 36 ล้านวิว ต้องขอบคุณเพลงนี้ที่ทำให้จากคนที่เกลียดเป็นรักเรามากขึ้น อยากให้รักเราแบบนี้ตลอดไป โตไปกว่านี้ใบเตยคงไม่มีโอกาสได้ย้อนกลับมาใส่สั้นเท่านี้อีกแล้ว และขอพูดอีกเรื่องนึงคือเรื่องท่าเต้น การลอกเลียนแบบ ไม่อยากให้ว่าแฟนเพลงของใบเตยที่ก๊อปปี้เรามาทั้งหมดเพราะทุกคนมีวิจารณญาณต่างกัน เราใส่ชุดสั้นเสมอหู เต้นท่าแน่นอก ทุกคนได้ดูแต่จะเอาไปเต้นในแนวไหนในการคัพเวอร์ก็แตกต่างกันไปค่ะ ใบเตยและบริษัทไม่ได้มีเจตนาทำตัวอย่างที่ไม่ดีให้ทุกคนเห็น ก็ดีใจที่มีคนคัพเวอร์เพลงของเรา ณ วันนี้เพลงของเรามีผลต่อความรู้สึก จิตใจแฟนเพลงทุกคน อยากให้ทำทุกอย่างในทางที่ถูกต้อง เราก็ไม่อยากให้หน่วยงานไหนมาว่าหรือกล่าวถึงบริษัทและชื่อเรา โดยที่บางสิ่งบางอย่างมาจากการมีความสุขของแฟนเพลงทั่งประเทศ”
ยืนยันว่ายังใส่สั้นเหมือนเดิม
“ยังสั้นอยู่ค่ะ”
อยากฝากบอกอะไรถึงผู้ใหญ่ สวธ.ไหม
“ก็ต้องขอบคุณมากและต้องขอโทษด้วย ถ้าศิลปินลูกทุ่งสาวสั้นเสมอหูคนนี้ไปทำให้หลายๆอย่างมีผลกระทบต่อวัฒนธรรมและประเพณีของไทย ใบเตยและบริษัทไม่มีความตั้งใจและเจตนาที่จะทำทุกอย่างให้ออกมาเป็นสื่อ เพลง ภาพที่ไม่ดี ทั้งต่อสังคมและทุกอย่างที่เกี่ยวกับความเป็นไทย เราทำทุกอย่างตอบแทนผู้บริโภค ถ้าทุกคนชอบอันนี้ก็คือความภูมิใจของเรามากที่สุด ถ้าปรับได้อัลบั้มต่อใบเตยอายุ 30 ปีคงไม่มาใส่สั้นเสมอหูแบบนี้แล้วล่ะค่ะ ก็ต้องปรับเปลี่ยนตามยุคสมัยและตามวัยวุฒิ คุณวุฒิค่ะ”
ข่าวจาก : รักดารา
http://www.rakdara.net/overview.php?c=2&id=35743