จี้สาง 13 ปมฆ่าเอกยุทธ ญาติฮึดสู้ แฉพบแผลถูก “ดีดไข่” เลื่อนไม่เผาศพ-ท้าผ่าใหม่
สันธนะปูดเหยื่อรู้ตัวถูกล่า
ความคืบหน้าคดี นายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดัง ซึ่งถูกอุ้มหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนกลายเป็นศพถูกฆ่าโหดนำไปฝังไว้ที่ จ.พัทลุง โดยคดียังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่ายว่า เป็นเพียงการลงมือเพื่อชิงทรัพย์ หรือเป็นฆาตรกรรมอำพรางที่เบื้องหน้าเบื้องหลังอื่นๆ แอบแฝงอยู่กันแน่
โดยเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 18 มิถุนายน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความของ นายเอกยุทธ ได้เดินทางเข้าพล พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. และ พล.ต.ต.นัยวัฒน์ เผดิมชิต ผบก.น.4 เพื่อยื่นหนังสือให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสอบสวนเกี่ยวกับการเสียชีวิตของ นายเอกยุทธ เพิ่มเติม เนื่องจากมีข้อสงสัยหลายประการเกี่ยวกับคำให้การของกลุ่มผู้ต้องหา
ญาติเอกยุทธจี้ ตร. เคลียร์ 13 ปม
นายสุวัตร กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากญาติ นายเอกยุทธ ให้นำข้อมูลมาเสนอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสอบสวนเพิ่มเติมใน 13 ประเด็น คือ 1.มูลเหตุจูงใจในการสังหาร เพราะหากประสงค์ต่อทรัพย์สิน ทำไมจึงนำสร้อยคอทองคำ พระสมเด็จเลี่ยมทอง และนาฬิกาโรเล็กซ์ ของผู้ตายซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 20 ล้านบาทไปทิ้งน้ำ
ไม่เชื่อ“บอล-เบิ้ม”ลงมือ 2 คน
2.ไม่ปักใจเชื่อว่า นายสันติภาพ หรือ บอล เพ็งด้วง คนขับรถ นายเอกยุทธ กับ นายสุทธิพงษ์ หรือ เบิ้ม พิมพิสาร จะสามารถลงมืออุ้ม นายเอกยุทธ และทำการสังหารได้โดยลำพัง เพราะขณะที่ นายสันติภาพ ถือปืนและปีนข้ามช่องจากฝั่งคนขับไปยังที่นั่งของ นายเอกยุทธ นั้น นายเอกยุทธ น่าจะสามารถแย่งปืนและเปิดประตูรถวิ่งหนีได้ จึงเชื่อว่า น่าจะถูกกลุ่มคนร้ายล็อกตัวเอาไว้แล้วตั้งแต่แรก
ต้องสอบข้อมูลโทรศัพท์คนขับ
3.ต้องการให้สืบหาโทรศัพท์มือถือที่ นายสันติภาพ ใช้ระหว่างนั่งรอ นายเอกยุทธ ที่ร้านครัวกระแต รวมทั้งตรวจสอบว่ามีการใช้โทรศัพท์คุยกับใคร 4.ขอให้สืบหาตัว “นายเปี๊ยก” ที่ นายสันติภาพ อ้างว่า เป็นผู้นำเอากุญแจมือและโทรศัพท์มาให้ใช้ในการติดต่อในการลงมือครั้งนี้ 5.ให้ติดตามหาข้อมูลจากฮาร์ดดิสกล้องวงจรปิดที่บ้าน นายเอกยุทธ เพราะอาจสามารถบอกความจริงได้ว่า คนร้ายมีจำนวนกี่คน
หาคนขับสิบล้อ-เหยื่อร้องช่วย
6.คำให้การของผู้ต้องหายังมีความขัดแย้ง เช่น มีการแวะพักที่บ้านแห่งหนึ่งใน จ.นครศรีธรรมราช ต้องตรวจสอบว่าเป็นบ้านของใคร ไปทำอะไร และระหว่างพักนั้นมีการทำลายฮาร์ดดิสหรือไม่ 7.ญาติ นายเอกยุทธ ไม่เชื่อว่า นายสันติภาพ จะสามารถบีบคอ นายเอกยุทธ จนตายได้โดยลำพัง รวมทั้งขอให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในละแวกที่ นายเอกยุทธ ถูกสังหาร และสืบหารถสิบล้อที่ นายเอกยุทธ พยายามวิ่งไปขอความช่วยเหลือ
แฉมีรอยถูกทำร้ายบริเวณอัณฑะ
8.ให้ตรวจสอบว่าใบหน้าของ นายเอกยุทธ มีร่องรอยถูกทำร้ายหรือไม่ 9.ขอให้สืบสวนว่า บุคคลใดนำนำกระเป๋าใส่เอกสารของ นายเอกยุทธ ไปหรือมีการถือไปไว้ที่ใด 10.ประเด็นลูกอัณฑะของ นายเอกยุทธ ถูกทำร้าย 11.ให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ร้านแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ บริเวณปากซอยประติพัทธิ์ 17 เพื่อตรวจสอบว่ามีกลุ่มชายต้องสงสัยอยู่ในวันเกิดเหตุอุ้มหรือไม่
ตรวจซ้ำลายนิ้วมือ-ดีเอ็นเอแฝง
12.ขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจรถโฟร์คของกลางโดยละเอียดอีกครั้งว่า นอกจาก นายสุทธิพงษ์ และ นายสันติภาพ แล้ว ยังพบลายนิ้วมือแฝงหรือดีเอ็นเอของบุคคลอื่นอีกหรือไม่ และ 13.ขอให้ตำรวจหาเสื้อผ้าของ นายเอกยุทธ ที่ นายสันติภาพ อ้างว่าได้ทำลายไปแล้ว หากมีผู้อื่นร่วมกันทำร้าย นายเอกยุทธ ด้วย จะปรากฏดีเอ็นเอจากน้ำลาย เหงื่อ หรือเลือดของผู้กระทำความผิดคนอื่น
พร้อมผ่าพิสูจน์ใหม่-ไม่เผาศพ
นายสุวัตร กล่าวด้วยว่า ญาติและครอบครัวของ นายเอกยุทธ ได้มอบหมายให้เดินหน้าหาความจริงในคดีนี้ต่อไป เพื่อตอบข้อสงสัยทุกประเด็นให้ชัดเจน หากจำเป็นต้องมีการผ่าศพตรวจพิสูจน์อีกครั้ง ญาติก็ยินดี โดยพร้อมจะเก็บศพ นายเอกยุทธ ไว้ตรวจสอบ ยังไม่ทำพิธีฌาปนกิจตามกำหนดการเดิม คือ วันที่ 29 มิถุนายน
“กรณีการเก็บศพของ นายเอกยุทธ ต้องขึ้นอยู่กับความจำเป็นในด้านการสืบสวน หากได้ข้อมูลเพียงพอก็จะเผาศพในวันที่ 29 มิถุนายน แต่หากต้องชันสูตรศพอีกครั้ง ญาติก็ยินดีจะเก็บศพไว้ก่อน” นายสุวัตร กล่าว
ผบช.น.อ้อมแอ้มสอบสวนตกหล่น
ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า ขอเวลาตรวจสอบประเด็นที่สงสัยไม่เกิน 1 สัปดาห์จะมีความคืบหน้า และหากมีประเด็นใดที่ได้คำตอบ ก็จะรีบแจ้งให้ทราบทันที ขอให้ญาติสบายใจ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นด้วยกับประเด็นสงสัยทั้ง 13 ข้อ แต่บางเรื่องตำรวจก็ต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ ยอมรับว่าคดีนี้อาจมีการตกหล่นไปบ้าง เพราะคดีนี้เกิดขึ้นมีรอยต่อหลายจังหวัดและระยะทางค่อนข้างไกล ขณะที่ตำรวจมีเวลาเพียง 48 ชั่วโมง ในการนำตัวผู้ต้องหาไปหาจุดฝังศพและทำแผนต่างๆ ก่อนนำตัวไปฝากขัง จึงอาจมีบางประเด็นที่ตกหล่นไปบ้าง ดังนั้นจะทำเรื่องเบิกตัวผู้ต้องหาออกมาเพื่อสอบปากคำเพิ่มให้ครบตามประเด็น
โวไม่เชื่อแค่ประสงค์ต่อทรัพย์
เมื่อถามว่า ประเด็นความประสงค์ต่อทรัพย์ยังมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ตอบว่า ตามที่ให้การ คือ คนร้ายต้องการเงิน แต่วิธีการอย่างไรเราไปหยั่งรู้ไม่ได้ ซึ่งตำรวจก็ไม่ได้เชื่อ เพราะมองเหมือนที่มีการตั้งประเด็นไว้ หากประสงค์ต่อทรัพย์ทำไมต้องเอาสร้อย พระ นาฬิกา ไปทิ้งน้ำ ถามว่า เชื่อหรือไม่ บอกได้เลยว่าไม่ แต่มีเหตุผลที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งอยู่ในสำนวนการสอบสวน โดยได้อธิบายกับทนายความแล้วว่าเป็นอย่างไร ทำไมจึงต้องเอานักประดาน้ำไปงมหาทรัพย์สิน เมื่อไม่เจอจะได้ตัดประเด็นที่คาใจออกไป
จ่อสอบแฟนไอ้บอลปมล้างแค้น
พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น. กล่าวว่า จากพยานหลักฐานและคำให้การของผู้ต้องหายังมีเพียงประเด็นเดียว คือ ประสงค์ต่อทรัพย์เท่านั้น ยังไม่มีประเด็นอื่นเพิ่มเติม แต่ญาติผู้เสียหายสามารถตั้งข้อสงสัยได้ ตำรวจยินดีรับฟังเสมอ โดยเร็วๆ นี้ จะเรียกตัวแฟนสาวของ นายสันติภาพ ที่โดนไล่ออกจากบริษัทของ นายเอกยุทธ และถูกอ้างว่าเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้โกรธแค้นมาสอบสวนด้วยว่า โยงกันหรือไม่อย่างไร
ส่งEODค้นหาสร้อย-พระเครื่อง
เวลา 11.30 น. วันเดียวกัน ที่บริเวณสะพานจุดกลับรถย่านลาดกระบังซึ่งเป็นจุดที่ผู้ต้องหาอ้างเป็นจุดสังหาร นายเอกยุทธ เจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พ.ต.อ.เอก เอกศาสตร์ รอง ผบก.น.3 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตรวจค้นวัตถุพยานหลักฐาน (EOD) และอาสาสมัครกู้ภัยสยามรวมใจกว่า 50 นาย นำเครื่องตรวจหาโลหะใต้พื้นดินเข้าตรวจค้นพื้นที่ในรัศมี 500 เมตร และเดินเรียงแถวหน้ากระดานสแกนด้วยตาเปล่า เพื่อค้นหา กุญแจมือ แว่นตา กระดุมเสื้อ และสร้อยคอทองคำพร้อมพระสมเด็จเกศไชโย ซึ่งอาจตกหล่นในช่วงที่ นายเอกยุทธ วิ่งหนีออกจากรถตู้และถูกสังหารจนเสียชีวิต อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ไม่พบหลักฐานใดๆ เพิ่มเติม จึงถอนกำลังกลับ
“สันธนะ”แฉเอกยุทธบอกถูกล่า
วันเดียวกันที่ สน.วังทองหลาง พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีต รอง ผกก.สันติบาล ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ อรัญวัฒน์ รอง ผบก น.4 เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีการเสียชีวิตของ นายเอกยุทธ โดย พ.ต.ท.สันธนะ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา ได้พบกับ นายเอกยุทธ บนเครื่องบินสายการบินคาเธ่ต์ แปซิฟิค จึงมีโอกาสพูดคุยกับ นายเอกยุทธ เพราะรู้จักกันมากว่า 30 ปี โดยระหว่างการสนทนา นายเอกยุทธ บอกว่า กำลังถูกบุคคลกลุ่มหนึ่งหมายเอาชีวิต จนต่อมาก็เกิดคดีนี้ขึ้น
ปูดถูกจ้างวานสังหารโหด
“ผมอยากจะยืนยันว่า การตายของ นายเอกยุทธ เป็นคดีฆาตกรรมที่มีการจ้างวานฆ่า โดยมีกลุ่มองค์กรอาชญากรรมรับจ้างฆ่า สั่งการลงมาเป็นทอดๆ หากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังปล่อยให้องค์กรนี้ยังคงอยู่ ทุกคนในประเทศก็จะไม่สามารถมีชีวิตที่ปลอดภัยได้”
โยงคนใกล้ชิดนัการเมืองใหญ่
พ.ต.ท.สันธนะ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนักการเมืองโดยตรง แต่เป็นคนใกล้ชิดของนักการเมืองระดับชาติ มีมูลเหตุมาจากความแค้นส่วนตัว และน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ นายเอกยุทธ เคยแสดงความคิดเห็นทางการเมืองผ่านสื่อต่างๆ โดยเฉพาะสื่อในสังคมออนไลน์ เพราะหากคดีที่เกิดขึ้นเป็นการประสงค์ต่อทรัพย์ นายเอกยุทธ น่าจะมีวิธีการที่จะเอาชีวิตรอด ไม่ใช่วิ่งหนีหัวซุกหัวซุนเช่นนี้ อีกทั้งการตายที่เป็นการเปลือยกาย ก็เป็นการทำตามคำสั่ง เพื่อประจานเนื่องจากความแค้น และให้ตรวจสอบการติดต่อสื่อสารของนายสันติภาพ ย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน เพราะน่าจะมีการติดต่อกับผู้ร่วมขบวนการที่อยู่เบื้องหลังแน่นอน
จาก
http://www.naewna.com/local/56307
สาง 13 ปมฆ่าเอกยุทธ ญาติฮึดสู้ แฉพบแผลถูก “ดีดไข่”
สันธนะปูดเหยื่อรู้ตัวถูกล่า
ความคืบหน้าคดี นายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดัง ซึ่งถูกอุ้มหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนกลายเป็นศพถูกฆ่าโหดนำไปฝังไว้ที่ จ.พัทลุง โดยคดียังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่ายว่า เป็นเพียงการลงมือเพื่อชิงทรัพย์ หรือเป็นฆาตรกรรมอำพรางที่เบื้องหน้าเบื้องหลังอื่นๆ แอบแฝงอยู่กันแน่
โดยเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 18 มิถุนายน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความของ นายเอกยุทธ ได้เดินทางเข้าพล พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. และ พล.ต.ต.นัยวัฒน์ เผดิมชิต ผบก.น.4 เพื่อยื่นหนังสือให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสอบสวนเกี่ยวกับการเสียชีวิตของ นายเอกยุทธ เพิ่มเติม เนื่องจากมีข้อสงสัยหลายประการเกี่ยวกับคำให้การของกลุ่มผู้ต้องหา
ญาติเอกยุทธจี้ ตร. เคลียร์ 13 ปม
นายสุวัตร กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากญาติ นายเอกยุทธ ให้นำข้อมูลมาเสนอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสอบสวนเพิ่มเติมใน 13 ประเด็น คือ 1.มูลเหตุจูงใจในการสังหาร เพราะหากประสงค์ต่อทรัพย์สิน ทำไมจึงนำสร้อยคอทองคำ พระสมเด็จเลี่ยมทอง และนาฬิกาโรเล็กซ์ ของผู้ตายซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 20 ล้านบาทไปทิ้งน้ำ
ไม่เชื่อ“บอล-เบิ้ม”ลงมือ 2 คน
2.ไม่ปักใจเชื่อว่า นายสันติภาพ หรือ บอล เพ็งด้วง คนขับรถ นายเอกยุทธ กับ นายสุทธิพงษ์ หรือ เบิ้ม พิมพิสาร จะสามารถลงมืออุ้ม นายเอกยุทธ และทำการสังหารได้โดยลำพัง เพราะขณะที่ นายสันติภาพ ถือปืนและปีนข้ามช่องจากฝั่งคนขับไปยังที่นั่งของ นายเอกยุทธ นั้น นายเอกยุทธ น่าจะสามารถแย่งปืนและเปิดประตูรถวิ่งหนีได้ จึงเชื่อว่า น่าจะถูกกลุ่มคนร้ายล็อกตัวเอาไว้แล้วตั้งแต่แรก
ต้องสอบข้อมูลโทรศัพท์คนขับ
3.ต้องการให้สืบหาโทรศัพท์มือถือที่ นายสันติภาพ ใช้ระหว่างนั่งรอ นายเอกยุทธ ที่ร้านครัวกระแต รวมทั้งตรวจสอบว่ามีการใช้โทรศัพท์คุยกับใคร 4.ขอให้สืบหาตัว “นายเปี๊ยก” ที่ นายสันติภาพ อ้างว่า เป็นผู้นำเอากุญแจมือและโทรศัพท์มาให้ใช้ในการติดต่อในการลงมือครั้งนี้ 5.ให้ติดตามหาข้อมูลจากฮาร์ดดิสกล้องวงจรปิดที่บ้าน นายเอกยุทธ เพราะอาจสามารถบอกความจริงได้ว่า คนร้ายมีจำนวนกี่คน
หาคนขับสิบล้อ-เหยื่อร้องช่วย
6.คำให้การของผู้ต้องหายังมีความขัดแย้ง เช่น มีการแวะพักที่บ้านแห่งหนึ่งใน จ.นครศรีธรรมราช ต้องตรวจสอบว่าเป็นบ้านของใคร ไปทำอะไร และระหว่างพักนั้นมีการทำลายฮาร์ดดิสหรือไม่ 7.ญาติ นายเอกยุทธ ไม่เชื่อว่า นายสันติภาพ จะสามารถบีบคอ นายเอกยุทธ จนตายได้โดยลำพัง รวมทั้งขอให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในละแวกที่ นายเอกยุทธ ถูกสังหาร และสืบหารถสิบล้อที่ นายเอกยุทธ พยายามวิ่งไปขอความช่วยเหลือ
แฉมีรอยถูกทำร้ายบริเวณอัณฑะ
8.ให้ตรวจสอบว่าใบหน้าของ นายเอกยุทธ มีร่องรอยถูกทำร้ายหรือไม่ 9.ขอให้สืบสวนว่า บุคคลใดนำนำกระเป๋าใส่เอกสารของ นายเอกยุทธ ไปหรือมีการถือไปไว้ที่ใด 10.ประเด็นลูกอัณฑะของ นายเอกยุทธ ถูกทำร้าย 11.ให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ร้านแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ บริเวณปากซอยประติพัทธิ์ 17 เพื่อตรวจสอบว่ามีกลุ่มชายต้องสงสัยอยู่ในวันเกิดเหตุอุ้มหรือไม่
ตรวจซ้ำลายนิ้วมือ-ดีเอ็นเอแฝง
12.ขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจรถโฟร์คของกลางโดยละเอียดอีกครั้งว่า นอกจาก นายสุทธิพงษ์ และ นายสันติภาพ แล้ว ยังพบลายนิ้วมือแฝงหรือดีเอ็นเอของบุคคลอื่นอีกหรือไม่ และ 13.ขอให้ตำรวจหาเสื้อผ้าของ นายเอกยุทธ ที่ นายสันติภาพ อ้างว่าได้ทำลายไปแล้ว หากมีผู้อื่นร่วมกันทำร้าย นายเอกยุทธ ด้วย จะปรากฏดีเอ็นเอจากน้ำลาย เหงื่อ หรือเลือดของผู้กระทำความผิดคนอื่น
พร้อมผ่าพิสูจน์ใหม่-ไม่เผาศพ
นายสุวัตร กล่าวด้วยว่า ญาติและครอบครัวของ นายเอกยุทธ ได้มอบหมายให้เดินหน้าหาความจริงในคดีนี้ต่อไป เพื่อตอบข้อสงสัยทุกประเด็นให้ชัดเจน หากจำเป็นต้องมีการผ่าศพตรวจพิสูจน์อีกครั้ง ญาติก็ยินดี โดยพร้อมจะเก็บศพ นายเอกยุทธ ไว้ตรวจสอบ ยังไม่ทำพิธีฌาปนกิจตามกำหนดการเดิม คือ วันที่ 29 มิถุนายน
“กรณีการเก็บศพของ นายเอกยุทธ ต้องขึ้นอยู่กับความจำเป็นในด้านการสืบสวน หากได้ข้อมูลเพียงพอก็จะเผาศพในวันที่ 29 มิถุนายน แต่หากต้องชันสูตรศพอีกครั้ง ญาติก็ยินดีจะเก็บศพไว้ก่อน” นายสุวัตร กล่าว
ผบช.น.อ้อมแอ้มสอบสวนตกหล่น
ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า ขอเวลาตรวจสอบประเด็นที่สงสัยไม่เกิน 1 สัปดาห์จะมีความคืบหน้า และหากมีประเด็นใดที่ได้คำตอบ ก็จะรีบแจ้งให้ทราบทันที ขอให้ญาติสบายใจ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นด้วยกับประเด็นสงสัยทั้ง 13 ข้อ แต่บางเรื่องตำรวจก็ต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ ยอมรับว่าคดีนี้อาจมีการตกหล่นไปบ้าง เพราะคดีนี้เกิดขึ้นมีรอยต่อหลายจังหวัดและระยะทางค่อนข้างไกล ขณะที่ตำรวจมีเวลาเพียง 48 ชั่วโมง ในการนำตัวผู้ต้องหาไปหาจุดฝังศพและทำแผนต่างๆ ก่อนนำตัวไปฝากขัง จึงอาจมีบางประเด็นที่ตกหล่นไปบ้าง ดังนั้นจะทำเรื่องเบิกตัวผู้ต้องหาออกมาเพื่อสอบปากคำเพิ่มให้ครบตามประเด็น
โวไม่เชื่อแค่ประสงค์ต่อทรัพย์
เมื่อถามว่า ประเด็นความประสงค์ต่อทรัพย์ยังมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ตอบว่า ตามที่ให้การ คือ คนร้ายต้องการเงิน แต่วิธีการอย่างไรเราไปหยั่งรู้ไม่ได้ ซึ่งตำรวจก็ไม่ได้เชื่อ เพราะมองเหมือนที่มีการตั้งประเด็นไว้ หากประสงค์ต่อทรัพย์ทำไมต้องเอาสร้อย พระ นาฬิกา ไปทิ้งน้ำ ถามว่า เชื่อหรือไม่ บอกได้เลยว่าไม่ แต่มีเหตุผลที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งอยู่ในสำนวนการสอบสวน โดยได้อธิบายกับทนายความแล้วว่าเป็นอย่างไร ทำไมจึงต้องเอานักประดาน้ำไปงมหาทรัพย์สิน เมื่อไม่เจอจะได้ตัดประเด็นที่คาใจออกไป
จ่อสอบแฟนไอ้บอลปมล้างแค้น
พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น. กล่าวว่า จากพยานหลักฐานและคำให้การของผู้ต้องหายังมีเพียงประเด็นเดียว คือ ประสงค์ต่อทรัพย์เท่านั้น ยังไม่มีประเด็นอื่นเพิ่มเติม แต่ญาติผู้เสียหายสามารถตั้งข้อสงสัยได้ ตำรวจยินดีรับฟังเสมอ โดยเร็วๆ นี้ จะเรียกตัวแฟนสาวของ นายสันติภาพ ที่โดนไล่ออกจากบริษัทของ นายเอกยุทธ และถูกอ้างว่าเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้โกรธแค้นมาสอบสวนด้วยว่า โยงกันหรือไม่อย่างไร
ส่งEODค้นหาสร้อย-พระเครื่อง
เวลา 11.30 น. วันเดียวกัน ที่บริเวณสะพานจุดกลับรถย่านลาดกระบังซึ่งเป็นจุดที่ผู้ต้องหาอ้างเป็นจุดสังหาร นายเอกยุทธ เจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พ.ต.อ.เอก เอกศาสตร์ รอง ผบก.น.3 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตรวจค้นวัตถุพยานหลักฐาน (EOD) และอาสาสมัครกู้ภัยสยามรวมใจกว่า 50 นาย นำเครื่องตรวจหาโลหะใต้พื้นดินเข้าตรวจค้นพื้นที่ในรัศมี 500 เมตร และเดินเรียงแถวหน้ากระดานสแกนด้วยตาเปล่า เพื่อค้นหา กุญแจมือ แว่นตา กระดุมเสื้อ และสร้อยคอทองคำพร้อมพระสมเด็จเกศไชโย ซึ่งอาจตกหล่นในช่วงที่ นายเอกยุทธ วิ่งหนีออกจากรถตู้และถูกสังหารจนเสียชีวิต อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ไม่พบหลักฐานใดๆ เพิ่มเติม จึงถอนกำลังกลับ
“สันธนะ”แฉเอกยุทธบอกถูกล่า
วันเดียวกันที่ สน.วังทองหลาง พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีต รอง ผกก.สันติบาล ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ อรัญวัฒน์ รอง ผบก น.4 เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีการเสียชีวิตของ นายเอกยุทธ โดย พ.ต.ท.สันธนะ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา ได้พบกับ นายเอกยุทธ บนเครื่องบินสายการบินคาเธ่ต์ แปซิฟิค จึงมีโอกาสพูดคุยกับ นายเอกยุทธ เพราะรู้จักกันมากว่า 30 ปี โดยระหว่างการสนทนา นายเอกยุทธ บอกว่า กำลังถูกบุคคลกลุ่มหนึ่งหมายเอาชีวิต จนต่อมาก็เกิดคดีนี้ขึ้น
ปูดถูกจ้างวานสังหารโหด
“ผมอยากจะยืนยันว่า การตายของ นายเอกยุทธ เป็นคดีฆาตกรรมที่มีการจ้างวานฆ่า โดยมีกลุ่มองค์กรอาชญากรรมรับจ้างฆ่า สั่งการลงมาเป็นทอดๆ หากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังปล่อยให้องค์กรนี้ยังคงอยู่ ทุกคนในประเทศก็จะไม่สามารถมีชีวิตที่ปลอดภัยได้”
โยงคนใกล้ชิดนัการเมืองใหญ่
พ.ต.ท.สันธนะ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนักการเมืองโดยตรง แต่เป็นคนใกล้ชิดของนักการเมืองระดับชาติ มีมูลเหตุมาจากความแค้นส่วนตัว และน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ นายเอกยุทธ เคยแสดงความคิดเห็นทางการเมืองผ่านสื่อต่างๆ โดยเฉพาะสื่อในสังคมออนไลน์ เพราะหากคดีที่เกิดขึ้นเป็นการประสงค์ต่อทรัพย์ นายเอกยุทธ น่าจะมีวิธีการที่จะเอาชีวิตรอด ไม่ใช่วิ่งหนีหัวซุกหัวซุนเช่นนี้ อีกทั้งการตายที่เป็นการเปลือยกาย ก็เป็นการทำตามคำสั่ง เพื่อประจานเนื่องจากความแค้น และให้ตรวจสอบการติดต่อสื่อสารของนายสันติภาพ ย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน เพราะน่าจะมีการติดต่อกับผู้ร่วมขบวนการที่อยู่เบื้องหลังแน่นอน
จาก http://www.naewna.com/local/56307