เห็นกระทู้หุ้น BALND แล้ว น่าเห็นใจครับ โดยเฉพาะคนที่ติดหุ้นเยอะๆ และไม่รู้จะทำอย่างไรดี บางคนติดตั้งแต่ราคา 2 บาทกว่า บางคนก็ 1.90 + ตรงนั้นโดนกันเยอะเพราะ Sideway อยู่หลายเดือน และเป็นต้นทุนคนที่แปลง Warrant มาด้วย สำหรับกระทู้นี้ ถือว่าผมเอามุมมองทางเทคนิคมาฝากแล้วกันนะครับ อ่านไปเล่นๆ แต่อย่าเชื่อนะครับ มันไม่มีอะไรแน่นอน ผมแค่แปลค่ากราฟตอนนี้ ออกมาเป็นภาษาคนให้ฟัง แต่มันจะน่าเชื่อถือหรือไม่ หรือแม่นยำหรือไม่ ผมไม่กล้ารับประกัน เงินลงทุนของท่าน ท่านต้องรักษามันเองครับ
เรามาดูกราฟหุ้นรายวันก่อนนะครับ ผมใช้ CCI -14 วัน และ ADX -7 วัน เป็นตัวบอกแนวโน้มและยืนยันสัญญาณซื้อของระบบเทรดของผมว่ามันน่าเชื่อถือหรือไม่ เวลาระบบมันเกิดสัญญาณซื้อขึ้นมา ส่วน Indicator ตัวล่างสุดเป็น การดูโมเมนตัมของราคาว่ามันเป็นอย่างไร อยู่ในแนวโน้มไหน
จากกราฟ เราจะเห็นเส้นประ 3 เส้น เป็นเส้นที่ราคาเปิด Gap ไว้ คือ 2.06 ( gap บน ) และที่ 1.59 ( ถูกปิดไปแล้ว ) และอีกบริเวณคือ 1.41 บาท ที่ยังไม่ได้ถูกปิด ( Gap นี้เป็น Breakaway gap ที่เกิดพร้อมกับมี volume ยืนยัน) ซึ่งโอกาสที่ราคาอาจจะลงไปปิด gap นี้ หรือไม่ปิด ก็ได้เช่นกัน ไม่ได้เป็นกฎว่า gap ชนิดนี้ จะนี้ต้องปิดเสมอนะครับ ( ให้ตลาดมันเลือกทางเองแล้วกันครับ ) ไม่เหมือน gap แบบอื่นๆ
ค่า CCI = - 153 แสดงถึงราคายังอยู่ในขาลงอย่างแข็งแรง ต้องระวังการ Panic ไว้ด้วย เพราะค่า -DI และ ADX กำลังมีความแข็งแรงมาก แสดงถึงแรงขายกำลังควบคุมราคาได้อย่างเต็มที่ ช่วงนี้ราคาจะไหลลงไปได้เรื่อยๆ หรืออาจลงรุนแรงในบางช่วงก็ได้ครับ
ส่วน ค่า Momentum Oscillator ยังมีค่าติดลบเพิ่มมากขึ้น แสดงถึงยังอยู่ในขาลงเต็มตัวอยู่ โอกาสจะกลับตัวให้เห็นยังไม่มีสัญญาณอะไรเตือนเลยครับ คงต้องรอให้มันเกิดขึ้นก่อนค่อยกลับมาพิจารณาก็ยังทัน สำหรับคนที่ยังไม่มีหุ้นตัวนี้ ก็รอไปก่อน จนกว่าจะเห็นสัญญาณกลับตัวที่น่าเชื่อถือค่อยเข้าไปลงทุนครับ
อีกรูปจะเป็นการแสดงข้อมูลในอดีตที่หุ้น BLAND เคยสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ถือหุ้นในขณะนั้น โดยราคาหุ้นเคยตกลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย EMA50 วัน ถึง -28.24% และ -60.62% นั่นหมายความว่า ราคาหุ้นถูกทิ้งลงรุนแรงจนห่างจากต้นทุนเฉลี่ย 50 วันถึง 28% และเคยลงรุนแรงจนถึง -60% ต่ำกว่าต้นทุนเฉลี่ย 50 วัน ปัจจุบันนี้ ราคาหุ้นปิดที่ 1.54 บาทต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 50 วันอยู่ -21.57% ก็ต้องถือว่าติดลบมากเมื่อเทียบกับ ปีกว่าๆที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่เท่ากับเดือนกันยายน 2011 ที่ติดลบ 28% ( หากจะให้ติดลบที่ 28% เท่ากัน ราคาหุ้นจะลงมาอีกประมาณ 0.13 บาท เหลือประมาณ 1.41 บาท ก็จะติดลบพอๆกับเดือนกันยายน 2011 ) และเดือน ตุลาคม 2008 ที่ติดลบ 60.62%
ถือว่าเป็นมุมมองทางเทคนิค ที่อ่านและคาดคะเนจากกราฟเอานะครับ บางคนอาจมีมุมมองและวิธีการลงทุนของตัวเอง ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้กราฟก็ได้ ขอเพียงมีวิธีที่ลงทุนแล้วชนะตลาดได้ก็พอครับ ขอให้โชคดีครับ
BLAND ด้วยคน...
เรามาดูกราฟหุ้นรายวันก่อนนะครับ ผมใช้ CCI -14 วัน และ ADX -7 วัน เป็นตัวบอกแนวโน้มและยืนยันสัญญาณซื้อของระบบเทรดของผมว่ามันน่าเชื่อถือหรือไม่ เวลาระบบมันเกิดสัญญาณซื้อขึ้นมา ส่วน Indicator ตัวล่างสุดเป็น การดูโมเมนตัมของราคาว่ามันเป็นอย่างไร อยู่ในแนวโน้มไหน
จากกราฟ เราจะเห็นเส้นประ 3 เส้น เป็นเส้นที่ราคาเปิด Gap ไว้ คือ 2.06 ( gap บน ) และที่ 1.59 ( ถูกปิดไปแล้ว ) และอีกบริเวณคือ 1.41 บาท ที่ยังไม่ได้ถูกปิด ( Gap นี้เป็น Breakaway gap ที่เกิดพร้อมกับมี volume ยืนยัน) ซึ่งโอกาสที่ราคาอาจจะลงไปปิด gap นี้ หรือไม่ปิด ก็ได้เช่นกัน ไม่ได้เป็นกฎว่า gap ชนิดนี้ จะนี้ต้องปิดเสมอนะครับ ( ให้ตลาดมันเลือกทางเองแล้วกันครับ ) ไม่เหมือน gap แบบอื่นๆ
ค่า CCI = - 153 แสดงถึงราคายังอยู่ในขาลงอย่างแข็งแรง ต้องระวังการ Panic ไว้ด้วย เพราะค่า -DI และ ADX กำลังมีความแข็งแรงมาก แสดงถึงแรงขายกำลังควบคุมราคาได้อย่างเต็มที่ ช่วงนี้ราคาจะไหลลงไปได้เรื่อยๆ หรืออาจลงรุนแรงในบางช่วงก็ได้ครับ
ส่วน ค่า Momentum Oscillator ยังมีค่าติดลบเพิ่มมากขึ้น แสดงถึงยังอยู่ในขาลงเต็มตัวอยู่ โอกาสจะกลับตัวให้เห็นยังไม่มีสัญญาณอะไรเตือนเลยครับ คงต้องรอให้มันเกิดขึ้นก่อนค่อยกลับมาพิจารณาก็ยังทัน สำหรับคนที่ยังไม่มีหุ้นตัวนี้ ก็รอไปก่อน จนกว่าจะเห็นสัญญาณกลับตัวที่น่าเชื่อถือค่อยเข้าไปลงทุนครับ
อีกรูปจะเป็นการแสดงข้อมูลในอดีตที่หุ้น BLAND เคยสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ถือหุ้นในขณะนั้น โดยราคาหุ้นเคยตกลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย EMA50 วัน ถึง -28.24% และ -60.62% นั่นหมายความว่า ราคาหุ้นถูกทิ้งลงรุนแรงจนห่างจากต้นทุนเฉลี่ย 50 วันถึง 28% และเคยลงรุนแรงจนถึง -60% ต่ำกว่าต้นทุนเฉลี่ย 50 วัน ปัจจุบันนี้ ราคาหุ้นปิดที่ 1.54 บาทต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 50 วันอยู่ -21.57% ก็ต้องถือว่าติดลบมากเมื่อเทียบกับ ปีกว่าๆที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่เท่ากับเดือนกันยายน 2011 ที่ติดลบ 28% ( หากจะให้ติดลบที่ 28% เท่ากัน ราคาหุ้นจะลงมาอีกประมาณ 0.13 บาท เหลือประมาณ 1.41 บาท ก็จะติดลบพอๆกับเดือนกันยายน 2011 ) และเดือน ตุลาคม 2008 ที่ติดลบ 60.62%
ถือว่าเป็นมุมมองทางเทคนิค ที่อ่านและคาดคะเนจากกราฟเอานะครับ บางคนอาจมีมุมมองและวิธีการลงทุนของตัวเอง ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้กราฟก็ได้ ขอเพียงมีวิธีที่ลงทุนแล้วชนะตลาดได้ก็พอครับ ขอให้โชคดีครับ