ออกตัวก่อนว่าซุปเปอร์แมนเป็นฮีโร่ที่เราแทบไม่อยากทำความรู้จักเลย ไม่เคยอ่านคอมมิค ไม่เคยดูหนังไม่ว่าเวอร์ชั่นไหนๆ สองสิ่งที่พอจำความได้คือซุปเปอร์แมนฉบับซีรีย์ที่ช่อง 7 เคยนำมาฉายสมัยเราเด็กๆ (นานมากๆแล้ว 555) ที่โลอิสจำไม่ได้ว่าคลาร์ก เคนท์ คือซุปเปอร์แมนเพียงเพราะเขาใส่แว่น - -" กับซุปเปอร์แมนกินบ๊วยทำปากจู๋ในอาราเล่ แค่สองสิ่งนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะก่อให้เกิดอคติในใจเรา จนกระทั่งการมาถึงของ Man of Steel ทันทีที่ดูหนังตัวอย่างก็คิดว่า เอาล่ะ ได้โอกาสทำความรู้จักกันใหม่แล้ว
ทำไมซุปเปอร์แมนต้องปกป้องโลกทั้งๆที่อีกฝายมาจากดาวบ้านเกิดและเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับตนที่ยังหลงเหลืออยู่
คำตอบที่เราได้คือ เพราะซุปเปอร์แมนเป็นคนดี และมีพ่อแม่บุญธรรมที่ดี (แค่นี้?)
หนังเล่าถึงการปิดบังตัวตนที่แท้จริงของเขา เพื่อหลีกเลี่ยงความไม่ไว้วางใจจากผู้คนบนโลก อย่างที่พ่อบุญธรรมบอกกับเขาว่า คนเรามักจะกลัวในสิ่งที่พวกเขาไม่เข้าใจ และนั่นคือเรื่องราวในชีวิตของเขาที่หนังพาไปรู้จัก มีพลังพิเศษ เป็นตัวประหลาด แปลกแยก ปกปิดตนเอง ใช้พลังพิเศษ ช่วยชีวิตผู้คน ผู้คนหวาดกลัว ปกปิดตนเอง ซึ่งปมตรงนี้ประสบความสำเร็จในการสร้างซุปเปอร์แมนให้มีชีวิต มีจิตวิญญาณ เขาดูเป็นคนบนโลกทั่วไปที่จับต้องได้ เพราะไม่มีใครบนโลกนี้ที่จะสมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซนต์ เขาเต็มไปด้วยความสับสนและยากที่จะเชื่อใจใคร แล้วช่วงเวลาไหนที่เขารู้สึกรักและผูกพันกับโลกล่ะ
คำตอบถัดมาคือ ไม่มี
เป็นอะไรที่ขัดแย้งไม่น้อยกับการที่จะให้ชายผู้มาจากต่างดาว ผู้ที่รู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่าตนแปลกแยกและโดดเดี่ยวจากสังคม พยายามอย่างยิ่งที่จะช่วยเหลือโลกให้ปลอดภัยจากผู้ร้าย ผู้ที่มาจากดาวบ้านเกิดและเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับตน หนังได้ใส่ความขัดแย้งนี้ไว้ในตัวของซุปเปอร์แมน เขาทำให้เราเชื่อว่ากดดันและสับสนเพียงใด แต่มันไม่พอที่จะเชื่อว่าโลกคือคำตอบสุดท้ายจาการต่อสู้กับความขัดแย้งในใจของเขา ดังนั้นเราจึงสรุปว่าเพราะซุปเปอร์แมนเป็นคนดีและได้รับการเลี้ยงดููมาอย่างดีจากพ่อแม่บุุญธรรมที่ดี จนทำให้ไม่สามารถร่วมมือกับคนไม่ดีได้ และจินตนาการเพิ่มเติมเอาเองว่า 30 กว่าปีที่ผ่านมา ที่เขาใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ คงพอจะทำให้เขารู้สึกรักและผูกพันกับโลกของเราอยู่บ้างแหละน่า
แต่ว่าแค่นั้นพอแล้วหรือ พอหรือยังที่จะทำให้เรารู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปเขาหรือกับหนังได้ คำตอบปรากฏขึ้นจากฉากการต่อสู้ของซุปเปอร์แมนกับเหล่าร้าย เราพบว่าเรามองดูมันแบบคนนอก ขาดการเอาใจช่วยหรือลุ้นไปกับเขา เหมือนดูคนสองคนจากดาวเดียวกัน มาต่อสู้กันในโลกของเรา เราจะอยู่ฝั่งไหน คงเป็นฝั่งไหนก็ได้ที่ทำให้เราเสียหายน้อยที่สุด ระหว่างฝั่งหนึ่งที่พยายามจะยึดโลกด้วยการทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ผู้คนของเขาอยู้ได้ แม้จะแลกมาด้วยความตายของเจ้าของโลกทุกชีวิตก็ตาม กับอีกฝั่งหนึ่งทีพยายามจะหยุดยั้งเหล่าร้าย ด้วยการจับผู้ร้ายพุ่งชนตึกข้างหน้า ตึกแล้วตึกเล่า อย่างวินาศสันตะโร แล้วตกลงซุปเปอร์แมนรักผู้คนบนโลกนี้ไหม หลายๆชีวิตบนตึกเหล่านั่นจะมีชะตากรรมอย่างไร หลายๆคนคงบอกว่ามันคือการเสียสละเพียงเล็กน้อย เพื่อช่วยเหลือส่วนรวมที่ใหญ่กว่า แต่มันทำใหฉากแอ็คชั่นที่ยิ่งใหญ่อลังการและยาวนาน แทบไม่มีความหมายสำหรับเรา
เอาล่ะ ตลอดระยะเวลาสองชั่วโมงกว่าๆ แน่นอนมันทำให้เรารู้จักเขามากขึ้น แต่ว่ายังหรอกนะ เรายังไม่หลงรักซุปเปอร์ฮีโร่ผู้มาจากต่างดาวคนนี้ แต่ถ้ามีโอกาสเราก็อยากจะทำความรู้จักเขาให้มากขึ้นๆ และถ้าที่บรรยายมาทั้งหมด ทำให้ผู้อ่านงุนงงว่าสรุปแล้วเราชอบหนังเรืองนี้หรือเปล่า คำตอบของเราคือชอบ และจะรอติดตามภาคต่อๆของการรีบูตครั้งใหม่นี้แน่นอน
Man of Steel ในมุมของผู้ที่ไม่เคยนิยมในตัวซุปเปอร์แมนเลย
ทำไมซุปเปอร์แมนต้องปกป้องโลกทั้งๆที่อีกฝายมาจากดาวบ้านเกิดและเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับตนที่ยังหลงเหลืออยู่
คำตอบที่เราได้คือ เพราะซุปเปอร์แมนเป็นคนดี และมีพ่อแม่บุญธรรมที่ดี (แค่นี้?)
หนังเล่าถึงการปิดบังตัวตนที่แท้จริงของเขา เพื่อหลีกเลี่ยงความไม่ไว้วางใจจากผู้คนบนโลก อย่างที่พ่อบุญธรรมบอกกับเขาว่า คนเรามักจะกลัวในสิ่งที่พวกเขาไม่เข้าใจ และนั่นคือเรื่องราวในชีวิตของเขาที่หนังพาไปรู้จัก มีพลังพิเศษ เป็นตัวประหลาด แปลกแยก ปกปิดตนเอง ใช้พลังพิเศษ ช่วยชีวิตผู้คน ผู้คนหวาดกลัว ปกปิดตนเอง ซึ่งปมตรงนี้ประสบความสำเร็จในการสร้างซุปเปอร์แมนให้มีชีวิต มีจิตวิญญาณ เขาดูเป็นคนบนโลกทั่วไปที่จับต้องได้ เพราะไม่มีใครบนโลกนี้ที่จะสมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซนต์ เขาเต็มไปด้วยความสับสนและยากที่จะเชื่อใจใคร แล้วช่วงเวลาไหนที่เขารู้สึกรักและผูกพันกับโลกล่ะ
คำตอบถัดมาคือ ไม่มี
เป็นอะไรที่ขัดแย้งไม่น้อยกับการที่จะให้ชายผู้มาจากต่างดาว ผู้ที่รู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่าตนแปลกแยกและโดดเดี่ยวจากสังคม พยายามอย่างยิ่งที่จะช่วยเหลือโลกให้ปลอดภัยจากผู้ร้าย ผู้ที่มาจากดาวบ้านเกิดและเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับตน หนังได้ใส่ความขัดแย้งนี้ไว้ในตัวของซุปเปอร์แมน เขาทำให้เราเชื่อว่ากดดันและสับสนเพียงใด แต่มันไม่พอที่จะเชื่อว่าโลกคือคำตอบสุดท้ายจาการต่อสู้กับความขัดแย้งในใจของเขา ดังนั้นเราจึงสรุปว่าเพราะซุปเปอร์แมนเป็นคนดีและได้รับการเลี้ยงดููมาอย่างดีจากพ่อแม่บุุญธรรมที่ดี จนทำให้ไม่สามารถร่วมมือกับคนไม่ดีได้ และจินตนาการเพิ่มเติมเอาเองว่า 30 กว่าปีที่ผ่านมา ที่เขาใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ คงพอจะทำให้เขารู้สึกรักและผูกพันกับโลกของเราอยู่บ้างแหละน่า
แต่ว่าแค่นั้นพอแล้วหรือ พอหรือยังที่จะทำให้เรารู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปเขาหรือกับหนังได้ คำตอบปรากฏขึ้นจากฉากการต่อสู้ของซุปเปอร์แมนกับเหล่าร้าย เราพบว่าเรามองดูมันแบบคนนอก ขาดการเอาใจช่วยหรือลุ้นไปกับเขา เหมือนดูคนสองคนจากดาวเดียวกัน มาต่อสู้กันในโลกของเรา เราจะอยู่ฝั่งไหน คงเป็นฝั่งไหนก็ได้ที่ทำให้เราเสียหายน้อยที่สุด ระหว่างฝั่งหนึ่งที่พยายามจะยึดโลกด้วยการทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ผู้คนของเขาอยู้ได้ แม้จะแลกมาด้วยความตายของเจ้าของโลกทุกชีวิตก็ตาม กับอีกฝั่งหนึ่งทีพยายามจะหยุดยั้งเหล่าร้าย ด้วยการจับผู้ร้ายพุ่งชนตึกข้างหน้า ตึกแล้วตึกเล่า อย่างวินาศสันตะโร แล้วตกลงซุปเปอร์แมนรักผู้คนบนโลกนี้ไหม หลายๆชีวิตบนตึกเหล่านั่นจะมีชะตากรรมอย่างไร หลายๆคนคงบอกว่ามันคือการเสียสละเพียงเล็กน้อย เพื่อช่วยเหลือส่วนรวมที่ใหญ่กว่า แต่มันทำใหฉากแอ็คชั่นที่ยิ่งใหญ่อลังการและยาวนาน แทบไม่มีความหมายสำหรับเรา
เอาล่ะ ตลอดระยะเวลาสองชั่วโมงกว่าๆ แน่นอนมันทำให้เรารู้จักเขามากขึ้น แต่ว่ายังหรอกนะ เรายังไม่หลงรักซุปเปอร์ฮีโร่ผู้มาจากต่างดาวคนนี้ แต่ถ้ามีโอกาสเราก็อยากจะทำความรู้จักเขาให้มากขึ้นๆ และถ้าที่บรรยายมาทั้งหมด ทำให้ผู้อ่านงุนงงว่าสรุปแล้วเราชอบหนังเรืองนี้หรือเปล่า คำตอบของเราคือชอบ และจะรอติดตามภาคต่อๆของการรีบูตครั้งใหม่นี้แน่นอน