(บทความนี้เป็นความเห็นส่วนตัวเท่านั้นครับ)
(ขอออกตัวก่อนว่าผมไม่ได้เป็นแฟนพันธ์แท้ซุปเปอร์แมนนะครับ ทำให้ไม่รู้เรื่องของเฮียซุปอะไรมากมาย)
จากการรอคอยมานานแสนนาน ตั้งแต่เวอร์ชั่น Superman Return ที่ถึงแม้จะไม่ได้แย่อะไร แถมยังดูสนุก แต่เวอร์ชั่น Superman Return ก็เหมือนกับออกมาให้หายคิดถึงเฉยๆ คนที่ไม่ได้เป็นแฟน Superman จริงๆก็อาจจะรู้สึกธรรมดา
แต่ทว่าการกลับมาของ Superman ในเวอร์ชั่น Man of Steel ที่ได้เทพอย่างคริสโตเฟอร์ ไร้แผ่นดินอยู่มาโปรดิ๊ว และให้ เดวิด เอส โกยเด้อ มาเขียนบท ซึ่งทั้งสองคนนั้นได้ยกระดับแบทแมนจนเป็นหนังที่อยู่บนหิ้งชาบูชาบูไปแล้ว ประกอบกับได้ผู้กำกับอย่างคุณพี่แซค น้ำสละไซเดอร์ ผู้สร้าง 300 ที่ทำให้ผู้ชายแท้ๆทั้งแท่งเคลิ้มไปกับหนุ่มกล้ามโตในชุดกางเกงในออกรบมาแล้ว
เมื่อบุคคลทั้งสามได้ผนึกกำลังกันราวกับหุ่นยนต์รวมร่าง เราจึงได้ ซุปเปอร์แมนเวอร์ชั่นดรากอนบอลในอารมณ์แบบมืดๆนิดหน่อย
เรื่องที่ต้องชมมากๆคือ สุดยอดฉากแอ๊คชั่นอลังการงานสร้างระดับเมืองถล่ม ภูเขาทลาย ดาวเทียมกระจาย ทะเลกระจุย เอาจริงๆไม่แตกต่างกับการต่อสู้ของซุนโงคู สู้กับฟรีเซอร์ในเรื่องดรากอลบอลก็ไม่ปาน อันนี้ไม่ได้โม้ครับ การันตีได้เลยว่าทุกจุดที่เฮียซุปแกไปต่อสู้ ไม่มีฉากไหนที่ทุกอย่างจะไม่พังลงมา (ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่จะมาจากท่านผู้ร้ายก็เถอะนะ) ถ้ายังนึกภาพไม่ออก ให้นึกถึงตอนนีโอสู้กับสมิทใน Matrix Revolution แต่การทำลายล้างเยอะกว่า เทคนิคด้านภาพดีกว่า รุนแรงกว่า ต้องบอกว่าฉากแอ๊คชั่นต่างๆไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง โดยเฉพาะทั้งแฟนพันธ์แท้ และแฟนชั่วคราว และคนดูทั่วไปที่แค่เคยได้ยินมาว่า ซุปเปอร์แมนเป็นหนึ่งในซุปเปอร์ฮีโรที่พลังเยอะที่สุดในโลกแห่งการ์ตูน เพราะ Man of steel ได้โชว์พลังซุปเปอร์แมนให้ดูได้อย่างจุใจและเต็มสูบจริงๆ นอกจากนี้การเปิดตัวด้วยความขัดแย้งบนดาวคริปตอน การค้นพบตัวตนของพี่ซุป การปรากฎของนายพลซอด เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ สร้างความตื่นตาตื่นใจมากๆ
ข้อดีถัดมาคือการเลือกนักแสดงครับ เฮนรี คาวิลล์ ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีมากๆ เรื่องความหล่อ ความเท่ไม่ต้องพูดถึง แต่เฮนรี คาวิลล์สามารถตอบโจทย์ซุปเปอร์แมนในเวอร์ชั่น Man of steel ได้ดีในเรื่องของการแสดงออกทางจิตใจของซุปเปอร์ฮีโร่ก็เหมือนมนุษย์ทั่วไป มีรัก มีโกรธ มีเจ็บ และเฮนรี คาวิลล์ ก็ทำให้เราเข้าถึงซุปเปอร์แมนได้ง่าย ให้เรามีความรู้สึกว่า ถ้าเราเจอซุปเปอร์แมนบนท้องถนนแล้วไม่ได้ใส่ผ้าคลุมกับชุดรัดรูป เราก็จะรู้สึกว่าซุปเปอร์แมนเป็นมนุษย์คนหนึ่ง ไม่ได้รู้สึกแปลกแยกแต่อย่างใด ส่วนนักแสดงคนอื่นๆก็เหมาะสมและทำให้เราอินไปกับตัวละครได้ ไม่รู้สึกว่าขัดสายตาแต่อย่างไร
แต่น่าเสียดายที่ Man of Steel ไม่ได้สมบูรณ์แบบในทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของบทและการดำเนินเรื่องครับ วิสัยทัศน์และภาพรวมของหนังไปในทิศทางที่ผมว่าค่อนข้างดีมากๆนะครับ ไม่มืดหม่นแบบ The Dark Knight แต่ก็ไม่สว่างสดใสเหมือนซุปเปอร์ฮีโรฝั่งมาร์เวล ให้อารมณ์สมจริงสมจังในการจะสร้างให้คนดูรู้สึกว่าพี่ซุบมีตัวตนจริงๆ เป็นซุปเปอร์ฮีโร่ที่มีชีวิตจิตใจ แต่น่าเสียดายที่การปูพื้นให้กับพี่ซุปเหมือนกับพยายามเร่งรีบและรวบรัด พยายามรีบเดินหน้าไปสู่ฉากแอ๊คชั่นอันอลังการในช่วงครึ่งหลังของหนัง และการเล่าเรื่องผ่านการตัดฉากปัจจุบันและอดีตนั้นมีหลายๆครั้งที่ผมรู้ว่าไม่เนียน ไม่ลื่น ดูแล้วติดขัด ขวางอารมณ์ไปบ้าง แตกต่างจาก Batman Begin ที่ฉากแอ๊คชั่นไม่เยอะนัก แต่ค่อยๆไล่เนื้อเรื่องมาทีละนิด เพิ่มความเข้มข้นให้ทวีดีกรีมากขึ้น จนหนังมีความเข้มข้นอย่างที่ต้องการให้เป็น
และตัวฉากแอ๊คชั่นอันอลังการงานสร้างที่จุใจคนดูนั้นอาจจะไม่ได้สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมมากนัก โดยเฉพาะการเกลี่ยบทแอ๊คชั่นและดราม่าที่ไม่ค่อยดีนัก เพราะหนังแทนที่จะสอดแทรกและสลับแอ๊คชั่น ดราม่า ให้ลงตัวเหมือนกับ The Dark Knight หนังเหมือนแบ่งครึ่งแรกดราม่า ครึ่งหลังแอ๊คชั่นไปเลย ยิ่ง Man of Steel ขาดอารมณ์ขันแบบ Avenger ทำให้ฉากแอ๊คชันเพียวๆอาจจะเป็นยาขมสำหรับบางคนเลยก็ได้ อีกทั้งหนังยังขาดรสชาติของความเป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่ไปบ้างเล็กน้อย (แต่ถ้ามองว่าเป็นหนัง Action Sci-Fi ตรงจุดนี้ก็ไม่นับว่าเป็นข้อด้อยของหนังแต่อย่างไรครับ)
แต่อย่างไรก็ตาม นี่เป็นหนังพี่ซุป ที่ผมชื่นชอบมากๆครับ มีความยิ่งใหญ่ จริงจัง อลังการ และสมกับพลังของซุปเปอร์แมนมากๆ ไม่อยากให้ทุกคนพลาดครับ
>>>>>>>>>>> B+ <<<<<<<<<<<<
[CR] Review : Man of Steel หรือนี่อาจจะเป็นดรากอลบอลเวอร์ชั่นฝรั่ง !!!!!
(บทความนี้เป็นความเห็นส่วนตัวเท่านั้นครับ)
(ขอออกตัวก่อนว่าผมไม่ได้เป็นแฟนพันธ์แท้ซุปเปอร์แมนนะครับ ทำให้ไม่รู้เรื่องของเฮียซุปอะไรมากมาย)
จากการรอคอยมานานแสนนาน ตั้งแต่เวอร์ชั่น Superman Return ที่ถึงแม้จะไม่ได้แย่อะไร แถมยังดูสนุก แต่เวอร์ชั่น Superman Return ก็เหมือนกับออกมาให้หายคิดถึงเฉยๆ คนที่ไม่ได้เป็นแฟน Superman จริงๆก็อาจจะรู้สึกธรรมดา
แต่ทว่าการกลับมาของ Superman ในเวอร์ชั่น Man of Steel ที่ได้เทพอย่างคริสโตเฟอร์ ไร้แผ่นดินอยู่มาโปรดิ๊ว และให้ เดวิด เอส โกยเด้อ มาเขียนบท ซึ่งทั้งสองคนนั้นได้ยกระดับแบทแมนจนเป็นหนังที่อยู่บนหิ้งชาบูชาบูไปแล้ว ประกอบกับได้ผู้กำกับอย่างคุณพี่แซค น้ำสละไซเดอร์ ผู้สร้าง 300 ที่ทำให้ผู้ชายแท้ๆทั้งแท่งเคลิ้มไปกับหนุ่มกล้ามโตในชุดกางเกงในออกรบมาแล้ว
เมื่อบุคคลทั้งสามได้ผนึกกำลังกันราวกับหุ่นยนต์รวมร่าง เราจึงได้ ซุปเปอร์แมนเวอร์ชั่นดรากอนบอลในอารมณ์แบบมืดๆนิดหน่อย
เรื่องที่ต้องชมมากๆคือ สุดยอดฉากแอ๊คชั่นอลังการงานสร้างระดับเมืองถล่ม ภูเขาทลาย ดาวเทียมกระจาย ทะเลกระจุย เอาจริงๆไม่แตกต่างกับการต่อสู้ของซุนโงคู สู้กับฟรีเซอร์ในเรื่องดรากอลบอลก็ไม่ปาน อันนี้ไม่ได้โม้ครับ การันตีได้เลยว่าทุกจุดที่เฮียซุปแกไปต่อสู้ ไม่มีฉากไหนที่ทุกอย่างจะไม่พังลงมา (ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่จะมาจากท่านผู้ร้ายก็เถอะนะ) ถ้ายังนึกภาพไม่ออก ให้นึกถึงตอนนีโอสู้กับสมิทใน Matrix Revolution แต่การทำลายล้างเยอะกว่า เทคนิคด้านภาพดีกว่า รุนแรงกว่า ต้องบอกว่าฉากแอ๊คชั่นต่างๆไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง โดยเฉพาะทั้งแฟนพันธ์แท้ และแฟนชั่วคราว และคนดูทั่วไปที่แค่เคยได้ยินมาว่า ซุปเปอร์แมนเป็นหนึ่งในซุปเปอร์ฮีโรที่พลังเยอะที่สุดในโลกแห่งการ์ตูน เพราะ Man of steel ได้โชว์พลังซุปเปอร์แมนให้ดูได้อย่างจุใจและเต็มสูบจริงๆ นอกจากนี้การเปิดตัวด้วยความขัดแย้งบนดาวคริปตอน การค้นพบตัวตนของพี่ซุป การปรากฎของนายพลซอด เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ สร้างความตื่นตาตื่นใจมากๆ
ข้อดีถัดมาคือการเลือกนักแสดงครับ เฮนรี คาวิลล์ ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีมากๆ เรื่องความหล่อ ความเท่ไม่ต้องพูดถึง แต่เฮนรี คาวิลล์สามารถตอบโจทย์ซุปเปอร์แมนในเวอร์ชั่น Man of steel ได้ดีในเรื่องของการแสดงออกทางจิตใจของซุปเปอร์ฮีโร่ก็เหมือนมนุษย์ทั่วไป มีรัก มีโกรธ มีเจ็บ และเฮนรี คาวิลล์ ก็ทำให้เราเข้าถึงซุปเปอร์แมนได้ง่าย ให้เรามีความรู้สึกว่า ถ้าเราเจอซุปเปอร์แมนบนท้องถนนแล้วไม่ได้ใส่ผ้าคลุมกับชุดรัดรูป เราก็จะรู้สึกว่าซุปเปอร์แมนเป็นมนุษย์คนหนึ่ง ไม่ได้รู้สึกแปลกแยกแต่อย่างใด ส่วนนักแสดงคนอื่นๆก็เหมาะสมและทำให้เราอินไปกับตัวละครได้ ไม่รู้สึกว่าขัดสายตาแต่อย่างไร
แต่น่าเสียดายที่ Man of Steel ไม่ได้สมบูรณ์แบบในทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของบทและการดำเนินเรื่องครับ วิสัยทัศน์และภาพรวมของหนังไปในทิศทางที่ผมว่าค่อนข้างดีมากๆนะครับ ไม่มืดหม่นแบบ The Dark Knight แต่ก็ไม่สว่างสดใสเหมือนซุปเปอร์ฮีโรฝั่งมาร์เวล ให้อารมณ์สมจริงสมจังในการจะสร้างให้คนดูรู้สึกว่าพี่ซุบมีตัวตนจริงๆ เป็นซุปเปอร์ฮีโร่ที่มีชีวิตจิตใจ แต่น่าเสียดายที่การปูพื้นให้กับพี่ซุปเหมือนกับพยายามเร่งรีบและรวบรัด พยายามรีบเดินหน้าไปสู่ฉากแอ๊คชั่นอันอลังการในช่วงครึ่งหลังของหนัง และการเล่าเรื่องผ่านการตัดฉากปัจจุบันและอดีตนั้นมีหลายๆครั้งที่ผมรู้ว่าไม่เนียน ไม่ลื่น ดูแล้วติดขัด ขวางอารมณ์ไปบ้าง แตกต่างจาก Batman Begin ที่ฉากแอ๊คชั่นไม่เยอะนัก แต่ค่อยๆไล่เนื้อเรื่องมาทีละนิด เพิ่มความเข้มข้นให้ทวีดีกรีมากขึ้น จนหนังมีความเข้มข้นอย่างที่ต้องการให้เป็น
และตัวฉากแอ๊คชั่นอันอลังการงานสร้างที่จุใจคนดูนั้นอาจจะไม่ได้สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมมากนัก โดยเฉพาะการเกลี่ยบทแอ๊คชั่นและดราม่าที่ไม่ค่อยดีนัก เพราะหนังแทนที่จะสอดแทรกและสลับแอ๊คชั่น ดราม่า ให้ลงตัวเหมือนกับ The Dark Knight หนังเหมือนแบ่งครึ่งแรกดราม่า ครึ่งหลังแอ๊คชั่นไปเลย ยิ่ง Man of Steel ขาดอารมณ์ขันแบบ Avenger ทำให้ฉากแอ๊คชันเพียวๆอาจจะเป็นยาขมสำหรับบางคนเลยก็ได้ อีกทั้งหนังยังขาดรสชาติของความเป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่ไปบ้างเล็กน้อย (แต่ถ้ามองว่าเป็นหนัง Action Sci-Fi ตรงจุดนี้ก็ไม่นับว่าเป็นข้อด้อยของหนังแต่อย่างไรครับ)
แต่อย่างไรก็ตาม นี่เป็นหนังพี่ซุป ที่ผมชื่นชอบมากๆครับ มีความยิ่งใหญ่ จริงจัง อลังการ และสมกับพลังของซุปเปอร์แมนมากๆ ไม่อยากให้ทุกคนพลาดครับ
>>>>>>>>>>> B+ <<<<<<<<<<<<