หนี้นอกระบบ

กระทู้สนทนา
บทความจริงตอนที่1(เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย)
       ซู่ๆๆๆๆๆ           เสียงของสายฝนที่ตกลงมาอย่างทันทีทันใด  พร้อมทั้งท้องฟ้าที่มืดมิด  มองแทบไม่เห็นทางด้านหน้า      
   " เป็นฤดูกาลของมันแล้วสินะ"   มาลีแอบบ่นในใจ  แล้วรีบจัดแจงเก็บถาดใส่แกงเข้ามาใว้ด้านในๆ และหม้อหุงข้าว  เพราะว่าลมแรง   สายฝนได้สาดซัดเข้ามาในร้านที่ขายข้าวแกงของนาง
       มาลีผันอาชีพมาเป็นแม่ค้าหลังจากที่ออกจากงานโรงงานเกี่ยวกับผลิตอิเล็คทรอนิคส์เนื่องจากอายุมากแล้ว  โดยมีเงินเก็บหนึ่งก้อนไม่มาก พร้อมลูกๆอีก2คน ที่กำลังเรียนในระดับมัธยม
      นางมาลีพึ่งมาอยู่ที่ลพบุรีนี้ได้3เดือน  มาเช่าที่ร้านค้าเป็นห้องแถวอยู่หลังอำเภอ เพราะเป็นคนมาจากต่างถิ่น    พอดีมาพบรักกับทหารที่นี่   เมื่อตอนที่เพื่อนๆชวนมาเที่ยวที่ลพบุรี
      เหมือนดวงชะตาสมพงษ์กันหรือเพราะตอนนั้น นางมาลีก็ได้เลิกกับสามีเก่าไปนานเพราะสามีเก่านิสัยเจ้าชู้  เธอจับได้เลยเลิกกัน
      นางมาลีคบกับทหารคนนี้จากการที่นายทหารคนนี้ขอเบอร์โทรแล้วก็พูดคุยติดต่อกัน ตลอดเกือบเดือน  ด้วยตามกฎของธรรมชาติ       ทุกอย่างก็ดำเนินไปตามทางของมันอย่างที่ควรจะเป็น
ดำคู่กับขาว  หญิงคู่กับชาย   คนเหงาย่อมต้องการคู่ใจ
      แต่หลังจากที่ทหารคนนี้ใด้นางไปเรื่องราวก็ไม่แฮปปี้แอนดิ้งค์แต่อย่างใด   เพราะความลับไม่มีในโลก   และอาจเป็นคราวเคราะห์กรรมของนางเอง   ที่พบว่าเขามีครอบครัวแล้ว และโดนเมียเขามาตามอาละวาด   แต่ทุกอย่างก็จบกันตรงที่เธอขอแยกจากมาด้วยความเจ็บช้ำสุดขีดในชีวิตกับครั้งนี้แต่ที่ใจยังสู้อยู่เพราะ เมื่อเหลียวไปมองลูกๆทั้งสองคน   ก็ทำให้มีกำลังใจที่จะสู้เพื่อลูก

      เธอตระเวนหาบ้านเช่ามาหลายวันที่จะเป็นทำเลขายของ   สุดท้ายก็มาลงตัวที่หลังอำเภอ  เนื่องจากเจ้าของคนเก่าย้ายไปกระทันหันพอดี    พออยู่ไปซักพัก เธอก็ได้รู้ว่าเพราะโดนเจ้าหนี้นอกระบบมาตามทวงหนี้หลายเจ้า แต่ไม่มีจ่ายเลยหนีไปเลย   ข้าวของในบ้านไม่มีแล้ว เพราะเพื่อนบ้านเล่าให้ฟังว่าย้ายไปตอนกลางคืนดึกๆ
      ด้วยอาศัยว่าเธอมีฝีมือในการทำอาหาร  เธอมองดูในย่านนั้นแล้ว เธอเลยตัดสินใจว่าจะทำข้าวแกงขายดีกว่า   เพราะทั้งร้านอาหาร และอาหารตามสั่งมีมากหลายเจ้า   แต่เธอก็ขอสู้เพื่อลูก
      มีเหตุการณ์ตื่นเต้นที่พาให้เธอตกใจในวันที่สองตอนมืดๆ ประมาณ 1ทุ่ม  เมื่อมีชายฉกรรจ์ 4คนเปิดประตูลงมาจากรถปิคอัพยกสูงสีดำ เดินมาจากฝั่งตรงข้ามร้านแล้วเดินมาหาเธอ   ด้วยสัญชาติญาณ  เธอแน่ใจว่าพวกนี้ไม่มาดีแน่    

  "อีนาง....ไปไหน   เจ้าของร้านนี้"   ชายฉกรรจ์คนแรกที่มาถึงหน้าร้านตะคอกเสียงมา ลักษณะรูปร่างสูงใหญ่ น่ากลัว มีหนวดเคราครึ้ม
      เธอรีบหันมองซ้ายขวา หาเพื่อนบ้าน และถอดหลังเข้ามาในร้านโดนอัติโนมัต  ด้วยความที่มาใหม่ยังไม่รู้เรื่องเลยว่าคือใคร อะไร อย่างไร  และตกใจกลัว
      "มาหาใคร ที่นี่ไม่มีหรอกคนที่คุณว่า ฉันพึ่งย้ายมาเช่าร้านใด้แค่สองวันเอง"   นางมาลีพูดดีๆให้ชายฉกรรจ์กลุ่มที่เข้ามาหาฟัง
      ตอนนั้นเวลาประมาณทุ่มกว่าๆ ร้านในระแวกนั้นก็ปิดร้านกันหมดแล้ว เหลือแต่ร้านบางร้านที่ห่างไป
ที่หันมามองดูอยู่บ้าง   แต่ก็คิดว่าคงรู้จักกัน  และเมื่อไม่สนิทกัน  ส่วนใหญ่ก็คิดว่าธุระไม่ใช่  จึงใด้แค่ดูและสังเกตุเอา    
     "มีคนบอกมาว่ามาขายแทนมันบังหน้า รีบบอกมาไม่งั้น เจ็บตัวแน่ เพราะแถวนี้กูคุมอยู่ มันโกงหนี้แล้วหนีไป"  ชายฉกรรจ์คนที่สองพูดเสียงดัง  ลักษณะรูปร่างผอมสูง ใส่แว่นดำ ใส่เสื้อเชิตกางเกงยีนส์
     "อ้าวไหงซวยอย่างงี้วะเนี่ย พึ่งมาเช่าอยู่ก็มาโดนทวงหนี้ผิดคนซะงั้น"  เธอนึกในใจ
     "ไม่มีหรอก เข้าใจผิดแล้ว ฉันพึ่งมาเปิดร้านได้สองวันจริงๆ อย่าทำอะไรฉันเลยนะ" ด้วยความที่เธอพึ่งมาอยู่ละแวกนี้ และยังไม่รู้จักใครเท่าไหร่  เธอก็เลยพูดวิงวอนไป เพื่อให้ชายฉกรรจ์กลุ่มที่มาเข้าใจ

     "อย่ามาปกปิด บอกมาซะดีๆ มิฉะนั้น ร้านพังแน่" ไอ้คนไหนไม่รู้ในกลุ่มพูดเสียงลอยมา    
เพราะช่วงนั้นเธอเริ่มกลัวและพยายามหาคนช่วยเหลืออยู่  ส่วนลูกๆที่อยู่ในบ้านก็เริ่มกลัววิ่งเข้ามาเกาะแม่กันแน่นทั้งคู่     แล้วร้านค้าที่ยังเหลืออยู่แต่ไกลๆกันเริ่มหันมามองมากขึ้น    มีบางคนเริ่มหยุดมองมาที่ร้าน คอยสังเกตุ หรือจะเอาใจช่วยก็ไม่รู้  

     ขณะที่เหตุการณ์ดูเหมือนจะเลวร้ายลงเรื่อยๆสำหรับเธอในชีวิต ณ.ขณะนั้น  ด้วยเดชะบุญ เหมือนฟ้ามาโปรด   รถสายตรวจผ่านมาพอดีเธอจึงรีบตะโกนเรียกทันที    พวกชายฉกรรจ์ ตกใจรีบวิ่งขึ้นรถกันแล้วขับออกไปทันที     ตำรวจเลยเข้ามาสอบถามเหตุการณ์ แล้วอีกนายหนึ่งก็ ว.วิทยุให้สกัดจับผู้ต้องสงสัยของกลุ่มชายฉกรรจ์ที่หลบหนีไป
     แล้วเพื่อนบ้านก็เริ่มเข้ามามุงมาถาม มาดูตามสเต็ปของไทยมุง    ตำรวจเลยขอให้เธอไปลงบันทึกประจำวันใว้ที่โรงพัก   เพื่อเอาใว้เป็นหลักฐาน  แล้วก็ให้เบอร์โทรโรงพักใว้   ว่าถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้อีก
ให้โทรแจ้งสายด่วนได้เลย     พร้อมทั้งบอกให้ทุกๆคนในชุมชน ช่วยเหลือเป็นหูเป็นตากันด้วย   แล้วเธอมาทราบทีหลังว่า เจ้าของร้านชำตรงหัวมุมเห็นเหตุการณ์เลยโทรแจ้งตำรวจให้
   เธอเลยซาบซึ้งใจว่าอย่างไรคนไทยก้ไม่ทิ้งกันแม้จะไม่รู้จัก    ขอบคุณเจ้าของร้านนั้นเป็นอย่างมาก

    ส่วนกลุ่มชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นที่ตำรวจ  ว.วิทยุสกัดก็ไม่พบรถแต่อย่างใด แสดงว่าเป็นคนในพื้นที่หรือชำนาญในเส้นทางหลบหนีเป็นอย่างดี

*เหตุการณ์ต่อไปเกี่ยวเนื่องกันอย่างไรติดตามใด้ในตอนหน้า

(เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์จากเรื่องเล่าของเจ้าของร้านนี้แต่ปัจจุบันไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว
และชื่อคือนามสมมุติ ที่ผู้เขียนแต่งขึ้นมาอีกที ไม่ใช่ชื่อจริงแต่ประการใด)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่