[CR] ฝากไว้เป็นอุทธาหรณ์ผู้ที่จะขอสินเชื่อกับแบงค์ใบโพธิ์เจริญนคร

อยากแชร์ความรู้สึกของคนชั้นกลางถึงล่างที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนในสังคมปัจจุบัน ที่ต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถ จ่ายค่าแป๊ะเจี๊ยะ ค่าเทอมลูก ค่าเทอมตนเองที่ต้องเรียนต่อโทเพื่อเปิดโอกาสเผื่อจะก้าวหน้าให้กับตัวเองครับ เริ่มเลยนะครับ ผมเป็นข้าราชการทหารระดับกลางๆ รับเงินเดือนไม่มากนักปีนี้เข้าปีที่ 20 ยังไม่ถึงสามหมื่นเลยครับ (นี่บรรจุตั้งแต่ป.ตรีเมื่อ 20 ปีที่แล้วนะครับเนี่ย) บังเอิญมีบ้านที่เคยซื้อด้วยเงินที่เก็บหอมรอมริดมาบวกกับกู้เพิ่มเติมบางส่วนเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ก่อนหน้าน้ำท่วมปี 54 ครับ โดยรวบรวมเงินไปซื้อโดยไม่ได้กู้ครับ แต่ด้วยถึงปัจจุบันหลังจากผ่านสภาพการดำรงชีวิตแบบเราๆท่านๆคือต้องจ่ายค่าซ่อมรถ ซ่อมบ้าน หลังน้ำท่วมปี 54 จ่ายค่าประกันรถ ค่าประกันชีวิตแฟน ค่าแป๊ะเจี๊ยะลูก ค่าเทอมลูก 2 คน ค่าภาษีสังคมงานบวช งานศพ งานแต่ง และจิปาถะต่างๆ เลยต้องอยู่ในสภาพที่เป็นหนี้หลายๆ ทางอีกครั้ง ดังนั้นก็เลยต้องเข้าวงจรเอาบ้านเข้าขอสินเชื่อกับทางแบงค์อีกครั้ง ปรากฏว่ายื่นไป 2-3 แบงค์แล้วก็มีปัญหาเรื่องเครดิตบูโรของแฟน เพราะว่าแฟนมีปัญหาขาดการผ่อนชำระบัตรเครดิตเมื่อตอน ตุลา ถึง ธันวา ๕๔ ต่อเนื่องถึง มกราถึงมีนา ๕๕ ซึ่งต่อมาผมกับแฟนก็หยิบยืมพี่น้องไปปิดจ่ายเรียบร้อยจนหมด ซึ่งผมก็ได้แต่งงๆ ว่าเราก็ไม่ได้เบี้ยวหนี้ และช่วงที่เราขาดส่งมันก็เป็นช่วงน้ำท่วมที่บ้านผมได้รับน้ำไปเต็มๆร่วม ๒ เดือน(บ้านผมอยู่แถวพุทธมณฑลสาย ๓)ซึ่งก็อธิบายให้แบงค์ว่าคุณดูทะเบียนบ้านดูภูมิลำเนาผมซิ หรือจะเอารูปด้วยก็ได้ว่าผมแย่อยู่เลยนะ มันเป็นวาระแห่งชาติเลยนะ เพียงแต่ผมอาจจะผิดที่ไม่ได้คิดอะไรมากที่จะไปประนอมหนี้กับที่นั่นที่นี่ ตอนนั้นเพียงคิดแต่เก็บเงินสดไว้เผื่อแก้ปัญหายามฉุกเฉินเท่านั้น สรุปว่าแบงค์ก็ไม่ปล่อย โอเคไม่ว่ากัน ต่อมาแฟนผมบอกลองอีกแบงค์หนึ่งไหม(แบงค์ใบโพธิ์ที่ผมว่านั่นแหละ)แฟนผมคุยกับเจ้าหน้าที่แล้วเขาบอกให้ผมยื่นคนเดียวเอาบ้านเข้าเหมือนเดิม และเอาน้องสาวแฟมผมมาร่วมกู้ด้วย เพราะน้องสาวแฟนผมมีการงานมั่นคง ผมก็โอเค ยังถามกับแฟนว่าแบงค์เขาเค้าเข้าใจ case เราใช่ไหม แฟนผมบอกคุยกับแบงค์แล้ว อธิบายให้ฟังหมดแล้ว ก็เลยยื่นเรื่องไป ผ่านมาซัก ๒ อาทิตย์ก็ตามเรื่อง เจ้าหน้าที่แบงค์ก็บอกว่า โอเคจะส่งเจ้าหน้าที่มาประเมิน และให้เตรียมจ่ายค่าประเมิน 3,450 บาท ด้วย ผมยังถามแฟนเลยว่า เอ๊ะที่ผ่านมา 2-3 แบงค์นั้น เขาตรวจและปฏิเสธโดยไม่เสียค่าประเมิน ก็โอเคถื่อว่าแฟร์ไม่ได้เสียเงินอะไร เสียแค่เวลา และความรู้สึกเท่านั้น เลยบอกแฟนว่าโทรเช็คกับแบงค์ดูซิว่าชัวร์หรือ ถึงจะมาประเมินและให้เราเสียเงิน แฟนเช็คกับแบงค์บอกว่าโอเค คุณเริ่มนับหนึ่งได้เลย(พูดในลักษณะให้เรานับเวลาที่จะเดินไปตาม step ในการรออนุมัติรับเงินได้เลยประมาณนั้น) ก็เลยโอเคให้มาประเมิน ผมจ่ายเงินค่าประเมินให้เจ้าหน้าที่ประเมินไป 3,450 บาท ผ่านไป 1 สัปดาห์คือเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว แฟนผมตามเรื่องไปที่แบงค์ แบงค์ตอบเราได้น่ารักมากว่า กรณีของพี่ไม่เข้าเงื่อนไข อ้าว! งงไหมครับท่าน! ก็บอกให้เริ่มนับหนึ่งได้ ให้คนมาประเมิน ให้ลูกค้าจ่ายเงินค่าประเมินก็ไม่น้อยนะครับไม่ใช่ 200-300บาท ซึ่งถ้าคุณจะกรุณาบอกผมแต่แรกซักคำว่า พี่ต้องจ่ายค่าประเมินก่อนนะครับ จะผ่านไม่ผ่านอีกเรื่องหนึ่งผมจะไม่ติดใจและยอมรับสภาพแต่โดยดีเลยครับ (ซึ่งที่ผ่านมาแบงค์รั้วชาติไทยกับแบงค์ศาสนาก็ตอบปฏิเสธมาโดยที่ผมยังไม่เสียค่าประเมินอย่างที่เรียนตอนต้นครับ) ผมเลยต้องขออนุญาติมาแชร์ความรู้สึกความคับข้องใจครับ ว่าการทำธุรกิจคุณต้องมีจริยธรรมหน่อยครับ อย่าเอาเปรียบลูกค้า ลูกค้าถ้าเขาไม่เดือดร้อนเขาไม่มากู้แบงค์หรอกครับ คุณเอาจุดอ่อนที่อยากได้เงินแบงค์มาเป็นจุดหากินกับบริษัทประเมินในเครือของคุณ ซึ่งคุณจะตั้งใจ หรือจะรู้กันหรือเปล่าผมก็ไม่รู้ และไม่ได้ตั้งใจจะว่าหรอกครับ แต่อยากให้คุณปรับวิธีคิดซักหน่อยว่าคุณก็ตรวจคุณสมบัติผู้กู้ให้เรียบร้อยเหมือนแบงค์อื่นก็จะดีครับ แล้วค่อยไปประเมินทรัพย์ครับ โดย commonsense แล้วคงไม่ค่อยมีใครมายื่นโดยที่รู้ว่าหลักทรัพย์เขาจะไม่ได้ตามวงเงินหรอกครับ ถ้าเป็นยังงั้นเขาก็ต้องรับสภาพไปตามข้อเท็จจริงอยู่แล้วครับ ดีกว่าเจ้าหน้าที่ของคุณจะทำกันชุ่ยๆ ไม่ตรวจเอกสาร ส่งคนไปประเมิน ให้ลูกค้าจ่ายเงินแล้วบอกไม่เข้าเงื่อนไข คุณนี่ไปซ้ำเติมลูกค้าเลยนะครับ ขอร้องเถอะครับเปลี่ยนวิธีคิดเถอะครับ สังคมเราจะได้น่าอยู่มากขึ้นครับ
ชื่อสินค้า:   แบงค์ใบโพธิ์เจริญนคร
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่