ใครยังไม่รู้ว่า fup คืออะไรก็ลองอ่านจากด้านล่างกันน่ะครับเป็นคำชี้แจงจากผู้ให้บริการมือถือรายหนึ่ง ผมมองว่าเป็นข้ออ้างเพื่อหาผลประโยชน์กับผู้ใช้บริการเท่านั้นเองที่เอากลุ่มคนกลุ่มหนึ่งมาเป็นตัวอย่างว่าใช้มากหรือน้อย แล้วถ้ารู้ว่าโหลด bit มันมีปัญหากับคนอื่นๆทำไมไม่จัดการเป็นรายๆไปล่ะครับ ทำไมถึงไปจำกัดกับคนทั้งหมด ที่ให้มา 1G - 3G ต่อเดือนถ้าเล่นเน็ตจริงๆจังๆผมว่าไม่พอครับ แค่ดูหนังฟังเพลงระดับ HD ก็หมดหลายแล้วครับ หุๆ ถ้าเป็นไปตามที่ว่ามาด้านล่างนี้ แสดงว่าเครือข่ายไม่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะเปิดเป็น 3g ได้เลยเพราะข้อจำกัดมันมากไป ใครเห็นด้วยไม่เห็นด้วยยังไงมาระบายกันนิดเผื่อผู้ให้บริการทั้งหลายจะเห็นใจปล่อยออกมาสัก 50G ต่อเดือน
--------------------------------
คำชี้แจงของผู้ให้บริการ---------------------------------------------------
Unlimited แล้วทำไมต้องมีข้อจำกัด?
คุณอาจจะเคยสงสัยว่าทำไมแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตแบบ Unlimited จึงมีปริมาณต่างๆกำกับเอาไว้ เช่น “ใช้ความเร็ว 3G ได้ 1 GB” ทั้งที่บอกว่าเป็นแพ็กเกจที่ใช้งานได้ไม่จำกัด
ความจริงแล้ว เมื่อคุณสมัครแพ็กเกจแบบ Unlimited คุณสบายใจได้เลยว่าสามารถใช้งานได้อย่างไม่จำกัดและเสียค่าใช้จ่ายตามแพ็กเกจที่สมัคร เพียงแต่เมื่อมีการใช้อินเทอร์เน็ต ด้วยความเร็ว 3G ครบตามปริมาณที่กำหนด ความเร็วจะลดลงตามข้อกำหนดของแต่ละแพ็กเกจเท่านั้น แต่ก็ยังใช้งานต่อไปได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแต่อย่างใด
การกำหนดปริมาณใช้ความเร็ว 3G มีประโยชน์ต่อผู้ใช้ทุกคน คือช่วยให้ผู้ใช้เลือกแพ็เกจที่เหมาะสมกับการใช้งานของตัวเอง โดยไม่ต้องใช้จ่ายสูงเท่ากับผู้ใช้ปริมาณมากๆ เท่านั้นเอง
ทีนี้เรามาทําความเข้าใจกันดีกว่าว่า ทําไมต้องลดความเร็ว
การปรับลดความเร็วของ 3G เมื่อผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ใช้งานเกินกำหนดนั้น เราเรียกว่า "Fair Usage Policy (FUP)" ซึ่งเป็นนโยบายสากลที่กำหนดขึ้นเพื่อรักษามาตรฐานการใช้งาน 3G อย่างเหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้บริการ 3G ทุกคนสามารถใช้งานได้อย่างราบรื่น และเต็มประสิทธิภาพ โดยจุดประสงค์หลักของ FUP ที่เกิดขึ้นมานั้น ถูกกำหนดขึ้นเนื่องจากมีกลุ่มผู้ใช้งานส่วนหนึ่ง นำโปรโมชั่นการใช้งานดาต้าบนเครือข่าย 3G แบบไม่จำกัดไปใช้งานอย่างไม่ถูกต้อง เพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ อาทิ การนำไปใช้งาน Bit Torrent โดยใช้โทรศัพท์มือถือต่อเป็นโมเด็ม หรือต่อผ่านแอร์การ์ด (Bit Torrent เหมาะสมกับการใช้งานผ่านเทคโนโลยี ADSL มากกว่า) ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้งานของผู้ใช้งานส่วนที่เหลือ ทำให้ประสิทธิภาพการใช้งาน 3G "ทั้งระบบ" ลดลง รวมถึงความเร็วในการใช้งานลดลงด้วย
อย่างไรก็ตาม FUP ยังมีประโยชน์ต่อผู้ใช้งานทุกคน กล่าวคือ ทำให้ผู้ให้บริการสามารถจัดสรรแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตที่หลากหลาย ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกสมัครแพ็คเกจให้เหมาะสมกับการใช้งานของตัวเอง โดยไม่ต้องจ่ายสูงเท่ากับผู้ที่ใช้งานปริมาณมากๆ นั่นเอง
เล่น 3G แล้วทำไมต้องติด fup เบื่อกันหรือยัง
--------------------------------คำชี้แจงของผู้ให้บริการ---------------------------------------------------
Unlimited แล้วทำไมต้องมีข้อจำกัด?
คุณอาจจะเคยสงสัยว่าทำไมแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตแบบ Unlimited จึงมีปริมาณต่างๆกำกับเอาไว้ เช่น “ใช้ความเร็ว 3G ได้ 1 GB” ทั้งที่บอกว่าเป็นแพ็กเกจที่ใช้งานได้ไม่จำกัด
ความจริงแล้ว เมื่อคุณสมัครแพ็กเกจแบบ Unlimited คุณสบายใจได้เลยว่าสามารถใช้งานได้อย่างไม่จำกัดและเสียค่าใช้จ่ายตามแพ็กเกจที่สมัคร เพียงแต่เมื่อมีการใช้อินเทอร์เน็ต ด้วยความเร็ว 3G ครบตามปริมาณที่กำหนด ความเร็วจะลดลงตามข้อกำหนดของแต่ละแพ็กเกจเท่านั้น แต่ก็ยังใช้งานต่อไปได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแต่อย่างใด
การกำหนดปริมาณใช้ความเร็ว 3G มีประโยชน์ต่อผู้ใช้ทุกคน คือช่วยให้ผู้ใช้เลือกแพ็เกจที่เหมาะสมกับการใช้งานของตัวเอง โดยไม่ต้องใช้จ่ายสูงเท่ากับผู้ใช้ปริมาณมากๆ เท่านั้นเอง
ทีนี้เรามาทําความเข้าใจกันดีกว่าว่า ทําไมต้องลดความเร็ว
การปรับลดความเร็วของ 3G เมื่อผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ใช้งานเกินกำหนดนั้น เราเรียกว่า "Fair Usage Policy (FUP)" ซึ่งเป็นนโยบายสากลที่กำหนดขึ้นเพื่อรักษามาตรฐานการใช้งาน 3G อย่างเหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้บริการ 3G ทุกคนสามารถใช้งานได้อย่างราบรื่น และเต็มประสิทธิภาพ โดยจุดประสงค์หลักของ FUP ที่เกิดขึ้นมานั้น ถูกกำหนดขึ้นเนื่องจากมีกลุ่มผู้ใช้งานส่วนหนึ่ง นำโปรโมชั่นการใช้งานดาต้าบนเครือข่าย 3G แบบไม่จำกัดไปใช้งานอย่างไม่ถูกต้อง เพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ อาทิ การนำไปใช้งาน Bit Torrent โดยใช้โทรศัพท์มือถือต่อเป็นโมเด็ม หรือต่อผ่านแอร์การ์ด (Bit Torrent เหมาะสมกับการใช้งานผ่านเทคโนโลยี ADSL มากกว่า) ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้งานของผู้ใช้งานส่วนที่เหลือ ทำให้ประสิทธิภาพการใช้งาน 3G "ทั้งระบบ" ลดลง รวมถึงความเร็วในการใช้งานลดลงด้วย
อย่างไรก็ตาม FUP ยังมีประโยชน์ต่อผู้ใช้งานทุกคน กล่าวคือ ทำให้ผู้ให้บริการสามารถจัดสรรแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตที่หลากหลาย ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกสมัครแพ็คเกจให้เหมาะสมกับการใช้งานของตัวเอง โดยไม่ต้องจ่ายสูงเท่ากับผู้ที่ใช้งานปริมาณมากๆ นั่นเอง