ตอนก่อนหน้า :
บทที่ 1 วิหคสวรรค์ :
http://ppantip.com/topic/30360119
บทที่ 2 เจริญวัย :
http://ppantip.com/topic/30383464
บทที่ 3 สองเงา :
http://ppantip.com/topic/30416774
บทที่ 4 ก่อนการสัประยุทธ์ :
http://ppantip.com/topic/30529869
แผนผังตัวละคร
...
...
...
ไซซีสะบัดผ้าแล้วได้แต่ยืนบิดผ้าอยู่ริมลำธาร เจิ้งตันเดินผ่านแล้วลอบเห็นว่าเสี่ยวม่วยของตนเอาผ้าผืนเดิมจุ่มน้ำแล้วดึงขึ้นมาบิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ไม่นำขึ้นไปตากเสียที จึงเดินเข้าไปทัก
“ไซซี ไซซี”
เหมือนสายลมพัดผ่าน ไซซีอยู่ในสภาพเหม่อลอย ไม่ได้ยินเสียงนั้น
“นี่ ม่วยม่วย(
น้องสาว)”
เจิ้งตันทนไม่ไหว เดินเข้าไปแตะบ่า ไซซีค่อยรู้สึกตัว ไหล่ของนางไหวยวบเบา ๆ แล้วค่อยหันมามองเจิ้งตันด้วยหน้าตาลนลาน
“พี่เจิ้งตัน ท่านเรียกข้าหรือ”
“อือ ก็ใช่น่ะสิ นี่ เมื่อครู่ข้าเรียกเจ้าตั้งสองที เจ้าก็ไม่สนใจข้า นี่ถ้าแตะบ่าแล้วยังไม่รู้สึกตัวอีก ข้าก็จะผลักตกน้ำล่ะ”
“เจ่เจ้อย่าทำเช่นนั้น ข้าว่ายน้ำไม่เป็น หากถูกใครผลักตกน้ำไป ก็ตายสถานเดียว”
“โธ่เอ๋ย ใครจะทำกับน้องสาวคนสวยของข้าได้ลงคอ ว่าแต่ เจ้าเหม่อลอยคิดอะไรอยู่หรือ”
“ข้าหรือ เหม่อลอย”
“ก็ใช่น่ะซี ดูผ้าในมือเสียก่อน ข้าเห็นเจ้าสะบัดไปทีนึง แล้วก็ยังเอาลงไปจุ่มน้ำ แถมยังเอาขึ้นมาบิดซ้ำ ๆ แล้วเมื่อไรจะได้ตาก”
“โอ จริงด้วย”
ไซซีเพิ่งรู้สึกตัวว่ามัวทำอะไรอยู่
“นั่นเป็นไร สารภาพมาเสียแต่โดยดีว่ามัวคิดอะไรอยู่”
เจิ้งตันคาดคั้น ไซซีคลายมือจากผ้าและยกมือข้างหนึ่งมาแนบหน้าอกไว้
“ข้ารู้สึกใจเต้นตึกตัก หลังจากได้เห็นหน้าบุรุษผู้หนึ่ง เขายืนอยู่บนเรือแจว แต่คนแจวได้แจวผ่านไปแล้วครู่ใหญ่ ข้ากำลังทบทวนว่า หมู่นี้ข้าเป็นอะไร เดี๋ยวแน่นหน้าอก เดี๋ยวใจสั่น”
เจิ้งตันฟังแล้วแย้มยิ้ม กลอกตาคู่งามก่อนเอียงหน้าถามเสี่ยวม่วย
“ใจสั่นเพราะเห็นหน้าบุรุษผู้หนึ่ง ชะรอย เจ้าจะตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบเสียละมัง ไซซีเอ๋ย”
ไซซีสั่นศีรษะ รีบปฏิเสธ
“เปล่าเลย ข้าแค่กำลังครุ่นคิดถึงอาการแน่นหน้าอก”
“ไม่ใช่ครุ่นคิดว่าบุรุษผู้นั้นเป็นใครกันหรอกหรือ ไซซี ไม่ต้องกลัวนะ เจ้าบอกข้าได้ ข้าไม่นำไปบอกใครหรอก”
“ผิดแล้ว พี่เจิ้งตัน ข้าเพียงแต่...”
“ไม่ ๆ เจ้าอย่าปฏิเสธเลย ข้าจะได้ช่วยเจ้าสืบไง ว่าบุรุษผู้นั้นเป็นใครกัน ไม่แน่นะ เค้าก็อาจจะชอบพอเจ้าอยู่เหมือนกัน เจ้าบอกข้ามาสิ ว่าใช่คนในหมู่บ้านเหมาเจียปู้หรือเปล่า”
เจิ้งตันแสดงความใจกว้าง แต่แท้จริงนางมีเจตนาแอบแฝง หากท้ายที่สุดไซซีตกอยู่ในครอบครองของชายสักคนหนึ่ง ผู้คนก็จะเลิกหมายปองไซซีผู้มีเจ้าของ ส่วนนางก็จะกลายเป็นหญิงงามเพียงนางเดียวที่ชายในหมู่บ้านทั้งหลายเฝ้าฝันใฝ่
“ข้าคิดว่าไม่ใช่”
ขณะเจิ้งตันลอบคิดไปไกล ไซซีตอบด้วยคำที่ทำลายจินตนาการเสียพังสิ้น
“ไม่ใช่อะไร”
เจิ้งตันซักต่อด้วยน้ำเสียงฮึดฮัด
“เขาแต่งกายคล้ายบัณฑิต สวมเสื้อคลุมสีดำ ไม่ไว้หนวดเครา รูปร่างสูงโปร่ง ท่วงทีเยือกเย็นและสง่างาม ดูไปก็มีลักษณะคล้ายงั่วกงที่ข้าพบริมลำธารเมื่อวันก่อน พักนี้ชอบมีคนแปลกหน้าผ่านไปมาบริเวณเขาจู้หลอกับแม่น้ำฉางเจียงบ่อย ๆ พี่เจิ้งตันพอรู้ไหม ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น”
“กำลังจะเกิดอะไรขึ้นหรือ”
“หรือว่า จะเป็นอย่างที่งั่วกงคนนั้นพูด
สงคราม พี่รู้จักคำว่าสงครามไหม”
“นั่นไง ถูกเจ้าพาเปลี่ยนเรื่องจนได้ สงครามอะไร ข้าไม่รู้จัก”
ระหว่างสนทนาโต้ตอบกัน เด็กรับใช้ของผู้ดูแลหมู่บ้านก็เดินตีกระบอกไม้ไผ่ผ่านมาตามทาง
“ท่านเหวินจ่งกับท่านฟ่านหลีจะแวะพักที่บ้านตระกูลฟาง พ่อบ้านฟางให้ออกมาป่าวประกาศว่า บ้านใครมีอาหารการกินดี ๆ ให้นำไปต้อนรับท่านเหวินจ่งกับฟ่านหลีเย็นนี้ด้วย”
“เดี๋ยวก่อนพ่อหนุ่มน้อย เจ้าพูดถึงใครนะ”
เจิ้งตันคว้าตัวเด็กรับใช้มาไต่ถามแต่โดยไว
“ข้าพูดถึงท่านเหวินจ่งกับท่านฟ่านหลี ที่พากันเดินทางมาจากแคว้นฉู่ เพื่อจะมาช่วยงานต้าอ๋องของเรายังไงล่ะพี่สาว”
เด็กรับใช้ทำตาแป๋ว ๆ ตอบเจื้อยแจ้วอย่างรู้งาน
“เหวินจ่งกับฟ่านหลี หน้าตาเป็นอย่างไรกันล่ะนี่”
เจิ้งตันงงงันบ้าง
“ท่านผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสอง มาด้วยเรือแจวใช่หรือไม่”
ไซซีเป็นฝ่ายเปิดประเด็นคำถามใหม่
“ใช่แล้วขอรับ”
“เช่นนั้น...”
“ไม่ผิดคนแล้วล่ะ”
เจิ้งตันพยักหน้า ส่งยิ้มให้ไซซีตาเป็นประกาย เด็กสาวได้แต่ก้มหน้างุด จะยิ้ม ปั้นปึ่ง หรือเขินอาย ก็มิรู้จะทำประการใดได้ถูก
“มัวช้าอยู่ไย รีบเอาผ้าไปตากแล้วกลับบ้านไปเตรียมอาหารสิ”
เจ่เจ้ชี้นำแข็งขัน ไซซีไม่อาจตอบรับหรือปฏิเสธ ได้แต่สะบัดผ้าขึ้นตากก่อนจะรีบรุดกลับบ้านในทันใด
* •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• *
[นิยายจีน] ตำนานไซซี บทที่ 5 : ไม่อาจพบพาน
บทที่ 1 วิหคสวรรค์ : http://ppantip.com/topic/30360119
บทที่ 2 เจริญวัย : http://ppantip.com/topic/30383464
บทที่ 3 สองเงา : http://ppantip.com/topic/30416774
บทที่ 4 ก่อนการสัประยุทธ์ : http://ppantip.com/topic/30529869
แผนผังตัวละคร
...
...
...
ไซซีสะบัดผ้าแล้วได้แต่ยืนบิดผ้าอยู่ริมลำธาร เจิ้งตันเดินผ่านแล้วลอบเห็นว่าเสี่ยวม่วยของตนเอาผ้าผืนเดิมจุ่มน้ำแล้วดึงขึ้นมาบิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ไม่นำขึ้นไปตากเสียที จึงเดินเข้าไปทัก
“ไซซี ไซซี”
เหมือนสายลมพัดผ่าน ไซซีอยู่ในสภาพเหม่อลอย ไม่ได้ยินเสียงนั้น
“นี่ ม่วยม่วย(น้องสาว)”
เจิ้งตันทนไม่ไหว เดินเข้าไปแตะบ่า ไซซีค่อยรู้สึกตัว ไหล่ของนางไหวยวบเบา ๆ แล้วค่อยหันมามองเจิ้งตันด้วยหน้าตาลนลาน
“พี่เจิ้งตัน ท่านเรียกข้าหรือ”
“อือ ก็ใช่น่ะสิ นี่ เมื่อครู่ข้าเรียกเจ้าตั้งสองที เจ้าก็ไม่สนใจข้า นี่ถ้าแตะบ่าแล้วยังไม่รู้สึกตัวอีก ข้าก็จะผลักตกน้ำล่ะ”
“เจ่เจ้อย่าทำเช่นนั้น ข้าว่ายน้ำไม่เป็น หากถูกใครผลักตกน้ำไป ก็ตายสถานเดียว”
“โธ่เอ๋ย ใครจะทำกับน้องสาวคนสวยของข้าได้ลงคอ ว่าแต่ เจ้าเหม่อลอยคิดอะไรอยู่หรือ”
“ข้าหรือ เหม่อลอย”
“ก็ใช่น่ะซี ดูผ้าในมือเสียก่อน ข้าเห็นเจ้าสะบัดไปทีนึง แล้วก็ยังเอาลงไปจุ่มน้ำ แถมยังเอาขึ้นมาบิดซ้ำ ๆ แล้วเมื่อไรจะได้ตาก”
“โอ จริงด้วย”
ไซซีเพิ่งรู้สึกตัวว่ามัวทำอะไรอยู่
“นั่นเป็นไร สารภาพมาเสียแต่โดยดีว่ามัวคิดอะไรอยู่”
เจิ้งตันคาดคั้น ไซซีคลายมือจากผ้าและยกมือข้างหนึ่งมาแนบหน้าอกไว้
“ข้ารู้สึกใจเต้นตึกตัก หลังจากได้เห็นหน้าบุรุษผู้หนึ่ง เขายืนอยู่บนเรือแจว แต่คนแจวได้แจวผ่านไปแล้วครู่ใหญ่ ข้ากำลังทบทวนว่า หมู่นี้ข้าเป็นอะไร เดี๋ยวแน่นหน้าอก เดี๋ยวใจสั่น”
เจิ้งตันฟังแล้วแย้มยิ้ม กลอกตาคู่งามก่อนเอียงหน้าถามเสี่ยวม่วย
“ใจสั่นเพราะเห็นหน้าบุรุษผู้หนึ่ง ชะรอย เจ้าจะตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบเสียละมัง ไซซีเอ๋ย”
ไซซีสั่นศีรษะ รีบปฏิเสธ
“เปล่าเลย ข้าแค่กำลังครุ่นคิดถึงอาการแน่นหน้าอก”
“ไม่ใช่ครุ่นคิดว่าบุรุษผู้นั้นเป็นใครกันหรอกหรือ ไซซี ไม่ต้องกลัวนะ เจ้าบอกข้าได้ ข้าไม่นำไปบอกใครหรอก”
“ผิดแล้ว พี่เจิ้งตัน ข้าเพียงแต่...”
“ไม่ ๆ เจ้าอย่าปฏิเสธเลย ข้าจะได้ช่วยเจ้าสืบไง ว่าบุรุษผู้นั้นเป็นใครกัน ไม่แน่นะ เค้าก็อาจจะชอบพอเจ้าอยู่เหมือนกัน เจ้าบอกข้ามาสิ ว่าใช่คนในหมู่บ้านเหมาเจียปู้หรือเปล่า”
เจิ้งตันแสดงความใจกว้าง แต่แท้จริงนางมีเจตนาแอบแฝง หากท้ายที่สุดไซซีตกอยู่ในครอบครองของชายสักคนหนึ่ง ผู้คนก็จะเลิกหมายปองไซซีผู้มีเจ้าของ ส่วนนางก็จะกลายเป็นหญิงงามเพียงนางเดียวที่ชายในหมู่บ้านทั้งหลายเฝ้าฝันใฝ่
“ข้าคิดว่าไม่ใช่”
ขณะเจิ้งตันลอบคิดไปไกล ไซซีตอบด้วยคำที่ทำลายจินตนาการเสียพังสิ้น
“ไม่ใช่อะไร”
เจิ้งตันซักต่อด้วยน้ำเสียงฮึดฮัด
“เขาแต่งกายคล้ายบัณฑิต สวมเสื้อคลุมสีดำ ไม่ไว้หนวดเครา รูปร่างสูงโปร่ง ท่วงทีเยือกเย็นและสง่างาม ดูไปก็มีลักษณะคล้ายงั่วกงที่ข้าพบริมลำธารเมื่อวันก่อน พักนี้ชอบมีคนแปลกหน้าผ่านไปมาบริเวณเขาจู้หลอกับแม่น้ำฉางเจียงบ่อย ๆ พี่เจิ้งตันพอรู้ไหม ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น”
“กำลังจะเกิดอะไรขึ้นหรือ”
“หรือว่า จะเป็นอย่างที่งั่วกงคนนั้นพูด สงคราม พี่รู้จักคำว่าสงครามไหม”
“นั่นไง ถูกเจ้าพาเปลี่ยนเรื่องจนได้ สงครามอะไร ข้าไม่รู้จัก”
ระหว่างสนทนาโต้ตอบกัน เด็กรับใช้ของผู้ดูแลหมู่บ้านก็เดินตีกระบอกไม้ไผ่ผ่านมาตามทาง
“ท่านเหวินจ่งกับท่านฟ่านหลีจะแวะพักที่บ้านตระกูลฟาง พ่อบ้านฟางให้ออกมาป่าวประกาศว่า บ้านใครมีอาหารการกินดี ๆ ให้นำไปต้อนรับท่านเหวินจ่งกับฟ่านหลีเย็นนี้ด้วย”
“เดี๋ยวก่อนพ่อหนุ่มน้อย เจ้าพูดถึงใครนะ”
เจิ้งตันคว้าตัวเด็กรับใช้มาไต่ถามแต่โดยไว
“ข้าพูดถึงท่านเหวินจ่งกับท่านฟ่านหลี ที่พากันเดินทางมาจากแคว้นฉู่ เพื่อจะมาช่วยงานต้าอ๋องของเรายังไงล่ะพี่สาว”
เด็กรับใช้ทำตาแป๋ว ๆ ตอบเจื้อยแจ้วอย่างรู้งาน
“เหวินจ่งกับฟ่านหลี หน้าตาเป็นอย่างไรกันล่ะนี่”
เจิ้งตันงงงันบ้าง
“ท่านผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสอง มาด้วยเรือแจวใช่หรือไม่”
ไซซีเป็นฝ่ายเปิดประเด็นคำถามใหม่
“ใช่แล้วขอรับ”
“เช่นนั้น...”
“ไม่ผิดคนแล้วล่ะ”
เจิ้งตันพยักหน้า ส่งยิ้มให้ไซซีตาเป็นประกาย เด็กสาวได้แต่ก้มหน้างุด จะยิ้ม ปั้นปึ่ง หรือเขินอาย ก็มิรู้จะทำประการใดได้ถูก
“มัวช้าอยู่ไย รีบเอาผ้าไปตากแล้วกลับบ้านไปเตรียมอาหารสิ”
เจ่เจ้ชี้นำแข็งขัน ไซซีไม่อาจตอบรับหรือปฏิเสธ ได้แต่สะบัดผ้าขึ้นตากก่อนจะรีบรุดกลับบ้านในทันใด
* •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• *