ศูนย์การค้า พรอมเมนาดา ได้ฤกษ์เปิดแล้วเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ทั้งจากทุนส่วนกลางและข้ามชาติกำลังโหมลงทุนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่กันอย่างคึกคัก ทั้งโครงการเซ็นทรัล เฟสติวัล ของเครือเซ็นทรัล, โครงการเม-ญ่า ของค่ายเอสเอฟ ซีเนม่า และโครงการพรอมเมนาดา ของเครืออีซีซีกรุ๊ป ทุนข้ามชาติจากเนเธอร์แลนด์ ด้วยมูลค่าเงินลงทุนรวมแล้วกว่า 10,000 ล้านบาท
ค่ายเอสเอฟ ซีเนม่า ปักหมุดศูนย์การค้าเม-ญ่า (MAYA) ไลฟ์สไตล์ช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท บนพื้นที่ 9 ไร่ ถือเป็นทำเลที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งใจกลางเชียงใหม่ บริเวณหัวมุมสี่แยกรินคำ เชื่อมระหว่างถนนห้วยแก้วและนิมมานเหมินท์ ซึ่งที่ดินผืนดังกล่าวได้ซื้อต่อมาจาก
นายตัน ภาสกรนที ขณะนี้การก่อสร้างคืบหน้าแล้วราว 60% จุดเด่นของ เม-ญ่าก็คือ การวางตำแหน่งเป็นห้างเชิงบันเทิง ที่ใช้แนวคิดธุรกิจในแบบ The Art of Retailtainment
"สุวัฒน์ ทองร่มโพธิ์" ประธานบริษัท เอสเอฟ ซีเนม่า ซิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ศักยภาพของจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ติดอันดับต้น ๆ ของโลก เป็นเมืองเศรษฐกิจอันดับ 2 ของประเทศไทย และอันดับ 1 ของภาคเหนือ มีเงินหมุนเวียนในจังหวัดมากกว่า 39,000 ล้านบาท มีจำนวนประชากร 1.7 ล้านคน ทั้งยังมีฐานกำลังซื้อจากหลายจังหวัด
ข้างเคียง และมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเฉลี่ยมากกว่า 5 ล้านคนต่อปี และที่สำคัญคือ การเป็นเกตเวย์ของเชียงใหม่ที่สามารถเชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้านและอาเซียน ถือเป็นปัจจัยส่งเสริมให้กำลังซื้อมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มมากขึ้น
โครงการเม-ญ่า ได้วางตำแหน่งให้เป็น "แลนด์มาร์ก" ของจังหวัดเชียงใหม่ มีคอนเซ็ปต์ดีไซน์ "Vertical Nimman" หรือที่เรียกว่า "นิมมานแนวตั้ง" คือการตกแต่งภายในที่จะทำให้สัมผัสถนนนิมมานเหมินท์ในมิติใหม่ พื้นที่กว่า 80,000 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่ร้านค้าปลีก 35,000 ตร.ม. 220 ร้านค้า เป็นศูนย์รวมแฟชั่นและผลิตภัณฑ์ความงามแบรนด์ดังระดับเวิลด์คลาสจากทั่วทุกมุมโลก ทั้งนี้ ตามแผนจะเปิดให้บริการปลายปี 2556
ขณะที่ โครงการเซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่ ของเครือเซ็นทรัล ก็ชิงความได้เปรียบบริเวณหัวมุมสี่แยกศาลเด็ก ติดกับถนนซูเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปาง และถนนเชียงใหม่-ดอยสะเก็ด บนพื้นที่ราว 70 ไร่ มีพื้นที่การก่อสร้างทั้งหมดกว่า 250,000 ตารางเมตร เป็นทำเลที่ดี
อีกจุดหนึ่งของเมือง ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 6,000 ล้านบาท โดยมีปัจจัยดึงดูดการลงทุนก็คือ ศักยภาพของเมืองเชียงใหม่ที่เป็นเมืองท่องเที่ยวใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ และเป็นศูนย์กลางของภาคเหนือในทุก ๆ ด้าน จะเปิดบริการในเดือน พ.ย. 2556
นั่นคือบิ๊กแบรนด์ทุนไทยที่ทุ่มชิงเค้กค้าปลีกเมืองเชียงใหม่ และอีกโครงการที่ต้องจับตามองซึ่งเป็นทุนจากต่างชาติก็คือ ศูนย์การค้าพรอมเมนาดา รีสอร์ท มอลล์ เชียงใหม่ ที่มีเหตุต้องเลื่อนเปิดห้างมาหลายเดือนแล้ว
"เชียร์ท คว้อนท์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ถือหุ้นอีซีซี อินเตอร์เนชั่นแนล เรียลเอสเตท ผู้พัฒนาโครงการพรอมเมนาดารีสอร์ท มอลล์ เชียงใหม่ เปิดเผยว่า จะเปิดให้บริการศูนย์การค้าพรอมเมนาดา
อาคารเฟสแรกด้านขวาในวันที่ 7 มิ.ย.นี้ ส่วนอาคารฝั่งซ้ายจะพร้อมเปิดในเดือน ก.ค.นี้ สาเหตุที่โครงการเปิดบริการพร้อมกันไม่ได้ทั้งหมด และล่าช้าจากกำหนดเดิมที่จะเปิดตั้งแต่ราวต้นปี เนื่องจากร้านค้าจำนวนหนึ่งที่มาลงทุนในโครงการประสบปัญหาขาดแคลนผู้รับเหมาก่อสร้าง เพราะในระยะนี้เชียงใหม่มีการลงทุนอสังหาริมทรัพย์เพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้รับเหมาไม่เพียงพอ
ขณะนี้มีร้านค้าทั้งหมด 350 ร้านค้า ซึ่งมีทั้งอินเตอร์แบรนด์และแบรนด์ท้องถิ่น อาทิ ยูนิโคล่ แบรนด์เสื้อผ้ายอดนิยมอันดับ 1 ในญี่ปุ่น แบรนด์ Mango จากสเปน ส่วนแบรนด์ท้องถิ่น เช่น ริมปิงซุปเปอร์มาร์เก็ต และชิชาง รวมถึงร้านค้าย่อยอีกกว่า 100 ร้าน ร้านแฟรนไชส์อีก 150 ร้าน โดยโครงการให้ความสำคัญแบรนด์ท้องถิ่นค่อนข้างมาก และถือเป็นความแตกต่างที่ห้างอื่น ๆ ไม่มี กลุ่มเป้าหมายหลักของพรอมเมนาดาคือกลุ่มลูกค้าท้องถิ่นในเชียงใหม่ เป็นกลุ่มครอบครัว กลุ่มลองสเตย์ชาวต่างชาติ
ซีอีโอห้างพรอมเมนาดา ประเมินทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจเชียงใหม่ครึ่งปีหลังนี้ว่า ยังคงเติบโตจากการลงทุนที่ขยายตัวต่อเนื่องทั้งการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ และการลงทุนของภาคเอกชนที่เตรียมรองรับการเติบโตและการขยายตัวของประชากรที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะด้านอสังหาริมทรัพย์ จะหนุนเสริมให้เศรษฐกิจและกำลังซื้อของเชียงใหม่เติบโตอย่างมาก
ขณะที่ความเป็นศูนย์กลางของเชียงใหม่ที่มีการเชื่อมกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะจีนและอาเซียน ก็จะเป็นปัจจัยบวกให้กำลังซื้อในส่วนของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังเชียงใหม่เพิ่มมากขึ้น ย่อมส่งผลต่อการจับจ่ายทั้งระบบ
"เราเชื่อมั่นในจุดขายของโครงการที่แตกต่าง และมั่นใจว่าจะตอบโจทย์ตลาดเชียงใหม่ได้แน่นอน และยังมีแผนขยายการลงทุนไปยังหัวเมืองสำคัญ ขณะนี้กำลังศึกษาศักยภาพการลงทุนในพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคใต้ และในกลุ่มอาเซียน" เชียร์ทกล่าว
สมรภูมิศูนย์การค้าของเมืองเชียงใหม่เข้มข้นขึ้นทุกขณะ การแข่งขันช่วงชิงกำลังซื้อจะร้อนแรงดุเดือดมากกว่านี้ เมื่ออีก 2 ห้างยักษ์ใหญ่เปิดฉากเต็มระบบในช่วงปลายปี 2556
ที่มา....ประชาชาติธุรกิจ
เปิดแล้ว...แหล่งช็อปปิ้งแห่งใหม่ของเชียงใหม่
ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ทั้งจากทุนส่วนกลางและข้ามชาติกำลังโหมลงทุนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่กันอย่างคึกคัก ทั้งโครงการเซ็นทรัล เฟสติวัล ของเครือเซ็นทรัล, โครงการเม-ญ่า ของค่ายเอสเอฟ ซีเนม่า และโครงการพรอมเมนาดา ของเครืออีซีซีกรุ๊ป ทุนข้ามชาติจากเนเธอร์แลนด์ ด้วยมูลค่าเงินลงทุนรวมแล้วกว่า 10,000 ล้านบาท
ค่ายเอสเอฟ ซีเนม่า ปักหมุดศูนย์การค้าเม-ญ่า (MAYA) ไลฟ์สไตล์ช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท บนพื้นที่ 9 ไร่ ถือเป็นทำเลที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งใจกลางเชียงใหม่ บริเวณหัวมุมสี่แยกรินคำ เชื่อมระหว่างถนนห้วยแก้วและนิมมานเหมินท์ ซึ่งที่ดินผืนดังกล่าวได้ซื้อต่อมาจาก
นายตัน ภาสกรนที ขณะนี้การก่อสร้างคืบหน้าแล้วราว 60% จุดเด่นของ เม-ญ่าก็คือ การวางตำแหน่งเป็นห้างเชิงบันเทิง ที่ใช้แนวคิดธุรกิจในแบบ The Art of Retailtainment
"สุวัฒน์ ทองร่มโพธิ์" ประธานบริษัท เอสเอฟ ซีเนม่า ซิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ศักยภาพของจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ติดอันดับต้น ๆ ของโลก เป็นเมืองเศรษฐกิจอันดับ 2 ของประเทศไทย และอันดับ 1 ของภาคเหนือ มีเงินหมุนเวียนในจังหวัดมากกว่า 39,000 ล้านบาท มีจำนวนประชากร 1.7 ล้านคน ทั้งยังมีฐานกำลังซื้อจากหลายจังหวัด
ข้างเคียง และมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเฉลี่ยมากกว่า 5 ล้านคนต่อปี และที่สำคัญคือ การเป็นเกตเวย์ของเชียงใหม่ที่สามารถเชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้านและอาเซียน ถือเป็นปัจจัยส่งเสริมให้กำลังซื้อมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มมากขึ้น
โครงการเม-ญ่า ได้วางตำแหน่งให้เป็น "แลนด์มาร์ก" ของจังหวัดเชียงใหม่ มีคอนเซ็ปต์ดีไซน์ "Vertical Nimman" หรือที่เรียกว่า "นิมมานแนวตั้ง" คือการตกแต่งภายในที่จะทำให้สัมผัสถนนนิมมานเหมินท์ในมิติใหม่ พื้นที่กว่า 80,000 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่ร้านค้าปลีก 35,000 ตร.ม. 220 ร้านค้า เป็นศูนย์รวมแฟชั่นและผลิตภัณฑ์ความงามแบรนด์ดังระดับเวิลด์คลาสจากทั่วทุกมุมโลก ทั้งนี้ ตามแผนจะเปิดให้บริการปลายปี 2556
ขณะที่ โครงการเซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่ ของเครือเซ็นทรัล ก็ชิงความได้เปรียบบริเวณหัวมุมสี่แยกศาลเด็ก ติดกับถนนซูเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปาง และถนนเชียงใหม่-ดอยสะเก็ด บนพื้นที่ราว 70 ไร่ มีพื้นที่การก่อสร้างทั้งหมดกว่า 250,000 ตารางเมตร เป็นทำเลที่ดี
อีกจุดหนึ่งของเมือง ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 6,000 ล้านบาท โดยมีปัจจัยดึงดูดการลงทุนก็คือ ศักยภาพของเมืองเชียงใหม่ที่เป็นเมืองท่องเที่ยวใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ และเป็นศูนย์กลางของภาคเหนือในทุก ๆ ด้าน จะเปิดบริการในเดือน พ.ย. 2556
นั่นคือบิ๊กแบรนด์ทุนไทยที่ทุ่มชิงเค้กค้าปลีกเมืองเชียงใหม่ และอีกโครงการที่ต้องจับตามองซึ่งเป็นทุนจากต่างชาติก็คือ ศูนย์การค้าพรอมเมนาดา รีสอร์ท มอลล์ เชียงใหม่ ที่มีเหตุต้องเลื่อนเปิดห้างมาหลายเดือนแล้ว
"เชียร์ท คว้อนท์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ถือหุ้นอีซีซี อินเตอร์เนชั่นแนล เรียลเอสเตท ผู้พัฒนาโครงการพรอมเมนาดารีสอร์ท มอลล์ เชียงใหม่ เปิดเผยว่า จะเปิดให้บริการศูนย์การค้าพรอมเมนาดา
อาคารเฟสแรกด้านขวาในวันที่ 7 มิ.ย.นี้ ส่วนอาคารฝั่งซ้ายจะพร้อมเปิดในเดือน ก.ค.นี้ สาเหตุที่โครงการเปิดบริการพร้อมกันไม่ได้ทั้งหมด และล่าช้าจากกำหนดเดิมที่จะเปิดตั้งแต่ราวต้นปี เนื่องจากร้านค้าจำนวนหนึ่งที่มาลงทุนในโครงการประสบปัญหาขาดแคลนผู้รับเหมาก่อสร้าง เพราะในระยะนี้เชียงใหม่มีการลงทุนอสังหาริมทรัพย์เพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้รับเหมาไม่เพียงพอ
ขณะนี้มีร้านค้าทั้งหมด 350 ร้านค้า ซึ่งมีทั้งอินเตอร์แบรนด์และแบรนด์ท้องถิ่น อาทิ ยูนิโคล่ แบรนด์เสื้อผ้ายอดนิยมอันดับ 1 ในญี่ปุ่น แบรนด์ Mango จากสเปน ส่วนแบรนด์ท้องถิ่น เช่น ริมปิงซุปเปอร์มาร์เก็ต และชิชาง รวมถึงร้านค้าย่อยอีกกว่า 100 ร้าน ร้านแฟรนไชส์อีก 150 ร้าน โดยโครงการให้ความสำคัญแบรนด์ท้องถิ่นค่อนข้างมาก และถือเป็นความแตกต่างที่ห้างอื่น ๆ ไม่มี กลุ่มเป้าหมายหลักของพรอมเมนาดาคือกลุ่มลูกค้าท้องถิ่นในเชียงใหม่ เป็นกลุ่มครอบครัว กลุ่มลองสเตย์ชาวต่างชาติ
ซีอีโอห้างพรอมเมนาดา ประเมินทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจเชียงใหม่ครึ่งปีหลังนี้ว่า ยังคงเติบโตจากการลงทุนที่ขยายตัวต่อเนื่องทั้งการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ และการลงทุนของภาคเอกชนที่เตรียมรองรับการเติบโตและการขยายตัวของประชากรที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะด้านอสังหาริมทรัพย์ จะหนุนเสริมให้เศรษฐกิจและกำลังซื้อของเชียงใหม่เติบโตอย่างมาก
ขณะที่ความเป็นศูนย์กลางของเชียงใหม่ที่มีการเชื่อมกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะจีนและอาเซียน ก็จะเป็นปัจจัยบวกให้กำลังซื้อในส่วนของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังเชียงใหม่เพิ่มมากขึ้น ย่อมส่งผลต่อการจับจ่ายทั้งระบบ
"เราเชื่อมั่นในจุดขายของโครงการที่แตกต่าง และมั่นใจว่าจะตอบโจทย์ตลาดเชียงใหม่ได้แน่นอน และยังมีแผนขยายการลงทุนไปยังหัวเมืองสำคัญ ขณะนี้กำลังศึกษาศักยภาพการลงทุนในพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคใต้ และในกลุ่มอาเซียน" เชียร์ทกล่าว
สมรภูมิศูนย์การค้าของเมืองเชียงใหม่เข้มข้นขึ้นทุกขณะ การแข่งขันช่วงชิงกำลังซื้อจะร้อนแรงดุเดือดมากกว่านี้ เมื่ออีก 2 ห้างยักษ์ใหญ่เปิดฉากเต็มระบบในช่วงปลายปี 2556
ที่มา....ประชาชาติธุรกิจ