ปกติทำอาชีพ วิศวกรครับ ด้านงานโยธา เนื่องจากอยากจะหยุดอาชีพนี้ซักระยะหนึ่ง
จึงอยากรวบรวมขั้นตอนการทำงานต่างๆเอาไว้ทบทวนเอง
และเอามาแชร์ไว้ครับเผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆครับ
สาเหตุที่ออกส่วนหนึ่งเพราะอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศครับ และอยากออกมาเรียนทำอาหารด้วย
คุณพ่อผมเป็นคนทำอาหารเก่งมาก ใครๆก็ชมบ่อยๆ อยากให้มีคนชมเราแบบนี้บ้าง
ตอนเด็กๆพ่อพยายามสอนทำอาหาร แต่คงเพราะเป็นพ่อลูกกัน เลยมีเหตุการณ์คว่ำตะหลิวกันประจำ 555+
และมีความฝันเล็กๆที่จะมีครัวเล็กๆอยู่ในห้องนอนคล้ายๆในคอนโด
มีสุดที่รักตื่นมาข้างๆตอนสายๆ ช่วยกันทำกับข้าวกินกันช่วยกันปรุงรสชาติใหม่ๆ นอนดูทีวีกัน หมกตัวอยู่ในห้องทั้งวัน
ถ้าจะทำฝันให้เป็นจริง ก็ต้องเริ่มจากทำกับข้าวให้คนอื่นเค้ากินได้ก่อนนี่แหละครับ 555+
อีกส่วนหนึ่งก็เพราะงานที่ทำมันค่อนข้างตันครับ ถ้าต้องการก้าวให้สูงขึ้น ก็ต้องมีทุนเองแล้วบางส่วน
ประมาณการแล้วว่า ด้วยรูปแบบงานที่ทำอยู่ ต้องมีสายป่านให้ได้อย่างประมาณ 500k ถึงจะพอไปไหว
ปัจจุบันอายุ 28 ปีนิดๆครับ เงินเดือน base อยู่ที่ 40k
มีรายได้อื่นๆเช่นค่าออกต่างจังหวัด ค่าน้ำมันและอื่นๆอีกประมาณ 10K
แต่เงินส่วนหลังนี่กันไว้ให้ลูกน้อง
ตัวเงินเดือนจะแบ่งค่าใช้จ่ายเป็น
1. ค่าผ่อนรถ+ประกันชีวิต = 10K
2. ค่าใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต เช่น ค่าน้ำมันรถ ค่าเสื้อผ้า ที่รูดบัตรได้ ก็จะคุมผ่านบัตรไว้ที่ไม่เกิน 10K
3. ค่าใช้จ่ายส่วนตัวผ่าน ATM เช่นค่าข้าวค่าน้ำ ค่าใช้จ่ายยิบๆย่อยๆ เที่ยวเล็กๆน้อย จะคุมผ่าน ATM ไว้ที่ไม่เกิน 10K
4. เงินเก็บ อยู่ที่ = 10K
ถ้าดูจากเงินเก็บเดือนละ 10K กว่าจะได้ 500K ก็แค่ 50 เดือน
เลยลองออกมาหาที่เรียนทำกับข้าวชิลๆดีกว่า และคิดว่าจะลองขายข้าวกล่องดูเป็นอีกช่องทางหนึ่ง
ก่อนที่จะออกก็ลองไปสัมภาษณ์งานหลายๆที่ก่อนครับ
เราจะได้รู้ว่าตัวเราเองสำหรับบริษัทอื่นๆมีค่าตัวแค่ไหน คุ้มหรือไม่ที่จะออก
ลองไปสัมภาษณ์มาประมาณ 10 บริษัทครับ
เงียบไป 4 ที่ ตอบรับมา 6 ที่ อีก 4 ที่ รับได้ที่ 30K อีก 2 ที่รับได้ที่ 40K
และมีบริษัทคู่แข่งที่เจอกันบ่อยๆเสนอมา 50K เท่าที่สังเกตบริษัทนี้การจัดการไม่ค่อยดี
เศษวัสดุหน้างานเยอะมาก การจัดการหน้างานไม่ค่อยมีระเบียบ ทำให้ทำงานยากมาก
แต่เจ้าของบริษัทกลับมาคุยให้ฟังว่า อีกหน่อยเค้าจะเขียนโปรแกรมสำหรับสั่งของภายในบริษัท
เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการทำงาน เราว่าท่านคิดแตกต่างจากเรามาก
เลยขอบายดีกว่า เพราะดูแววแล้วคงอยู่ไม่นานแน่ๆ
แต่ถ้าดูรวมๆแล้วถือว่าออกมายังพอกลับเข้าไปได้ครับ งั้นลองออกมาก่อนดีกว่า
บริษัทที่ผมอยู่ในปัจจุบันหลักๆจะรับงานระบบไฟฟ้าครับ แต่สาเหตุที่มารับงานโยธาเพราะว่าต้องการกินต้นน้ำ
หมายความว่าถ้าจะรับแต่งานไฟ ก็ต้องเป็น sub รายย่อย ต้องไปแข่งขันราคากับคนอื่นกว่าจะได้งานมา
ลองมองในมุมกลับกันถ้าเรารับงานมาทั้งก้อน กินงานไฟเต็มๆ ส่วนงานอื่นๆเช่น งานโยธา และ สถาปัตย์
ก็ปล่อยให้รายย่อยไปแบบพอมีกำไร แบบนี้ไม่ดีกว่าหรอ
งานที่ผมรับส่วนใหญ่จะเป็นงานหลวงครับ
จะมีคนดูงานอยู่ 2 ขั้น คือ ผู้ควบคุมงาน ซึ่งดูหน้างานเป็นหลัก และ ผู้ตรวจการจ้าง ซึ่งจะเบิกเงินเป็นหลัก
ดังนั้นเรื่องที่ผมจะเน้นหลักๆจะเน้นไปทางเรื่องเงินและเรื่องคนนะครับ
ส่วนตัวผมจะได้รับมอบหมายให้เป็นคนดูและโครงการที่มีมูลค่าไม่เกิน 50 ล้าน
ส่วนงานที่เกินไปนั้น ก็จะตั้งเป็นทีมงานครับ จัดตำแหน่งกันตามความเหมาะสม
ก่อนจะไล่ขั้นตอนแต่ละเรื่อง ขออนุณาตแนะนำให้อ่านกระทู้ก่อนหน้านี้ของผมนิดนึงครับ
เพื่อประกอบความเข้าใจได้ง่ายขึ้นครับ
http://ppantip.com/topic/30481481
เรื่องบางเรื่องสำหรับคนบางคนมันก็เกินไปจริงๆ [ตอนสุดท้าย] รวบรวมขั้นตอนการทำงานวิศวกรสายงานบริหารโครงการ
จึงอยากรวบรวมขั้นตอนการทำงานต่างๆเอาไว้ทบทวนเอง
และเอามาแชร์ไว้ครับเผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆครับ
สาเหตุที่ออกส่วนหนึ่งเพราะอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศครับ และอยากออกมาเรียนทำอาหารด้วย
คุณพ่อผมเป็นคนทำอาหารเก่งมาก ใครๆก็ชมบ่อยๆ อยากให้มีคนชมเราแบบนี้บ้าง
ตอนเด็กๆพ่อพยายามสอนทำอาหาร แต่คงเพราะเป็นพ่อลูกกัน เลยมีเหตุการณ์คว่ำตะหลิวกันประจำ 555+
และมีความฝันเล็กๆที่จะมีครัวเล็กๆอยู่ในห้องนอนคล้ายๆในคอนโด
มีสุดที่รักตื่นมาข้างๆตอนสายๆ ช่วยกันทำกับข้าวกินกันช่วยกันปรุงรสชาติใหม่ๆ นอนดูทีวีกัน หมกตัวอยู่ในห้องทั้งวัน
ถ้าจะทำฝันให้เป็นจริง ก็ต้องเริ่มจากทำกับข้าวให้คนอื่นเค้ากินได้ก่อนนี่แหละครับ 555+
อีกส่วนหนึ่งก็เพราะงานที่ทำมันค่อนข้างตันครับ ถ้าต้องการก้าวให้สูงขึ้น ก็ต้องมีทุนเองแล้วบางส่วน
ประมาณการแล้วว่า ด้วยรูปแบบงานที่ทำอยู่ ต้องมีสายป่านให้ได้อย่างประมาณ 500k ถึงจะพอไปไหว
ปัจจุบันอายุ 28 ปีนิดๆครับ เงินเดือน base อยู่ที่ 40k
มีรายได้อื่นๆเช่นค่าออกต่างจังหวัด ค่าน้ำมันและอื่นๆอีกประมาณ 10K
แต่เงินส่วนหลังนี่กันไว้ให้ลูกน้อง
ตัวเงินเดือนจะแบ่งค่าใช้จ่ายเป็น
1. ค่าผ่อนรถ+ประกันชีวิต = 10K
2. ค่าใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต เช่น ค่าน้ำมันรถ ค่าเสื้อผ้า ที่รูดบัตรได้ ก็จะคุมผ่านบัตรไว้ที่ไม่เกิน 10K
3. ค่าใช้จ่ายส่วนตัวผ่าน ATM เช่นค่าข้าวค่าน้ำ ค่าใช้จ่ายยิบๆย่อยๆ เที่ยวเล็กๆน้อย จะคุมผ่าน ATM ไว้ที่ไม่เกิน 10K
4. เงินเก็บ อยู่ที่ = 10K
ถ้าดูจากเงินเก็บเดือนละ 10K กว่าจะได้ 500K ก็แค่ 50 เดือน
เลยลองออกมาหาที่เรียนทำกับข้าวชิลๆดีกว่า และคิดว่าจะลองขายข้าวกล่องดูเป็นอีกช่องทางหนึ่ง
ก่อนที่จะออกก็ลองไปสัมภาษณ์งานหลายๆที่ก่อนครับ
เราจะได้รู้ว่าตัวเราเองสำหรับบริษัทอื่นๆมีค่าตัวแค่ไหน คุ้มหรือไม่ที่จะออก
ลองไปสัมภาษณ์มาประมาณ 10 บริษัทครับ
เงียบไป 4 ที่ ตอบรับมา 6 ที่ อีก 4 ที่ รับได้ที่ 30K อีก 2 ที่รับได้ที่ 40K
และมีบริษัทคู่แข่งที่เจอกันบ่อยๆเสนอมา 50K เท่าที่สังเกตบริษัทนี้การจัดการไม่ค่อยดี
เศษวัสดุหน้างานเยอะมาก การจัดการหน้างานไม่ค่อยมีระเบียบ ทำให้ทำงานยากมาก
แต่เจ้าของบริษัทกลับมาคุยให้ฟังว่า อีกหน่อยเค้าจะเขียนโปรแกรมสำหรับสั่งของภายในบริษัท
เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการทำงาน เราว่าท่านคิดแตกต่างจากเรามาก
เลยขอบายดีกว่า เพราะดูแววแล้วคงอยู่ไม่นานแน่ๆ
แต่ถ้าดูรวมๆแล้วถือว่าออกมายังพอกลับเข้าไปได้ครับ งั้นลองออกมาก่อนดีกว่า
บริษัทที่ผมอยู่ในปัจจุบันหลักๆจะรับงานระบบไฟฟ้าครับ แต่สาเหตุที่มารับงานโยธาเพราะว่าต้องการกินต้นน้ำ
หมายความว่าถ้าจะรับแต่งานไฟ ก็ต้องเป็น sub รายย่อย ต้องไปแข่งขันราคากับคนอื่นกว่าจะได้งานมา
ลองมองในมุมกลับกันถ้าเรารับงานมาทั้งก้อน กินงานไฟเต็มๆ ส่วนงานอื่นๆเช่น งานโยธา และ สถาปัตย์
ก็ปล่อยให้รายย่อยไปแบบพอมีกำไร แบบนี้ไม่ดีกว่าหรอ
งานที่ผมรับส่วนใหญ่จะเป็นงานหลวงครับ
จะมีคนดูงานอยู่ 2 ขั้น คือ ผู้ควบคุมงาน ซึ่งดูหน้างานเป็นหลัก และ ผู้ตรวจการจ้าง ซึ่งจะเบิกเงินเป็นหลัก
ดังนั้นเรื่องที่ผมจะเน้นหลักๆจะเน้นไปทางเรื่องเงินและเรื่องคนนะครับ
ส่วนตัวผมจะได้รับมอบหมายให้เป็นคนดูและโครงการที่มีมูลค่าไม่เกิน 50 ล้าน
ส่วนงานที่เกินไปนั้น ก็จะตั้งเป็นทีมงานครับ จัดตำแหน่งกันตามความเหมาะสม
ก่อนจะไล่ขั้นตอนแต่ละเรื่อง ขออนุณาตแนะนำให้อ่านกระทู้ก่อนหน้านี้ของผมนิดนึงครับ
เพื่อประกอบความเข้าใจได้ง่ายขึ้นครับ
http://ppantip.com/topic/30481481