สิ่งที่ควรทราบในการไปทำบุญบ้านเด็กพิการ หรือผู้ด้อยโอกาสที่เป็นเด็กทั้งหลาย เล่าจากประสบการณ์ตรงครับ

กระทู้สนทนา
ผมมีโอกาสได้ไปทำบุญที่บ้านราชาวดี ทั้งหญิงและชายมาแล้วหลายครั้ง
ไม่ใช่คนใจบุญอะไร ไม่ใช่คนดีอะไรครับ เพียงแต่ถ้ามีโอกาส
คนเหล่านี้ บางทีเขาก็ทำให้เราแกร่งขึ้นทำให้เรารู้ว่า เราหาเงินไม่ทัน
เราพลาดเป้าหมายของเรา บางทีเป็นเรื่องเล็กไปเลย
ไม่ได้บอกว่าโอกาสเรามีมากกว่าครับ อันนี้จะเป็นการตีความผิดเลย
แต่เป็นการบอกว่าถ้าเรามีโอกาสมีทางทำมันให้เต็มที่ มีชีวิตไม่ใช่อยู่แบบผู้ชนะ
แต่เป็นการรู้คุณค่าของเวลาที่เรามี ทำมันให้เต็มที่
ความฝันต้องการการลงมือทำ นั่นคือที่ผมได้เรียนรู้
และทุกครั้งที่ไป ถ้าคุณตั้งใจจะไปทำบุญจริงไม่ต้องใหญ่โตก็ได้ครับแต่ขอให้ประสานงานก่อนดีที่สุด

อันนี้คือคำแนะนำหากใครเคยไปมาแล้วก็อย่าถือว่าเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนเลยนะครับ
มาเล่าสู่ฟังเป็นข้อปฎิบัติ ใครที่ยังไม่ทราบก็ถือว่าแชร์เป็นความรู้กันไปนะครับ
1. ถ้าคุณถูกบังคับอย่าไป ไม่พร้อมไม่เต็มใจทั้งร่างกายและจิตใจอย่าไปนะครับ
ผมเห็นบางคนที่เป็นองค์กรไม่เต็มใจไม่อยากไป เห็นสุภาพสตรี จากองค์กรหนึ่งหน้าตาดี
เหมือนหลุดออกมาจากแม็กกาซีนอะไรอย่างนั้นนะครับ หน้าตาดี สวย แต่งหน้า ดูดี
มีเหมือนเด็กคนหนึ่งจะเข้าไปใกล้และจับหน้าเขา แล้วเขาก็บอกจับไม่ได้นะค่ะ ขยับไปหน่อย
ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ผมเคารพในสิทธิส่วนตัวตรงนั้นแต่มุมมองของผมกับผู้หญิง ลักษณะแบบนี้เปลี่ยนไปทันทีตั้งแต่ตอนนั้น
ไม่ได้บอกว่าคนสวยหรือคนแต่งหน้า ต้องเป็นแบบนี้ทุกคน แต่มันเห็นสีหน้าสีตาเด็กเปลี่ยนไปเป็นแย่ๆ มันยังติดภาพแบบนี้บอกไม่ถูก
คำแนะนำคือ ไปแบบที่คุณพร้อมครับ
2. เมื่อไปถึงสถานที่เหล่านี้ประสานงานในการเอาของหรือกิจกรรมให้กับเด็กให้เรียบร้อย นี่คือเหตุผลที่ควรโทรนัดหมาย
หากไปแบบวอล์คอิน ก็ดีครับแต่มันไม่ราบรื่นแน่นอนครับ
3. เมื่อทำกิจกรรมหรือพูดคุยกับเด็กเรื่องนี้สำคัญ ขอย่อยหัวข้อนะครับ
3.1 อย่าแสดงว่าหรือพูดว่าสงสารจัง ลำบากไหม คือให้พูดคุยเหมือนน้องเขาเป็นปกติไม่ทำให้เขารู้สึกกระตุ้นปมด้อยออกมาจะดีที่สุดครับ
3.2 เมื่อสังเกตุว่าพฤติกรรมเด็กเริ่มเปลี่ยน ฉุนเฉียว หรือ ผิดสังเกต ไม่ต้องทำตัวเป็นพระเอก แบบว่าโอ๋ หรืออะไรเองแล้วคิดว่าจะเอาอยู่
ให้เรียกคุณครูหรือผู้ดูแลทันทีแบบมีสติ ไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้เด็กคนอื่นๆ แบบร้องให้หรือเป็นอะไรที่ใกล้เคียงกัน ไม่เป็นผลดีแน่นอนครับ
3.3 เวลาทานอาหารด้วยกัน หากเป็นเด็กปกติ อย่าพยายามป้อนอาหาร หรือโอ๋ เขาจนเกินเหตุเพราะว่าวันอื่นๆที่เราไม่อยู่ เขาจะงอแงกับครูพี่เลี้ยงนั่นคือด้วยเหตุผลที่บอกมารับทราบมา คือให้ทานอาหาร อย่ามีน้ำใจกันอาจจะยื่นอาหารให้ตักใส่จานให้แต่ไม่ต้องทำทั้งหมด
เท่านั้นก็เป็นการแสดงความห่วงใยที่พอแล้วครับ
3.4 อย่าสัญญาว่าจะมา วันนั้นวันนี้ ถ้าไม่ได้ไปไม่ได้มีแผนจะไป ก็บอกว่า ไม่ได้มา ยังได้วางแผนไว้ บอกดีๆหาคำพูดดีๆ
เช่นพี่ยังอยู่ ตอนนี้ยังไม่มีแผนจะมา แต่มาวันนี้พี่ดีใจมากนะ ผมบอกไปอย่างนี้และไม่เคยบอกว่าจะมาอีกทีเมื่อไร
3.5 เรื่องนี้สำคัญมากอย่าแอบเอาเงิน หรือที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมลล์ หรืออะไรก็ตามใส่กระเป๋าให้เด็กเด็ดขาดครับเพราะ
มีกรณีเด็กแอบหนีไปบ่อยมากแล้ว ถ้าเขามาเจอเราเราก็ประสานกลับไปได้แต่ถ้าไม่เจอเราหลงทางไปเรื่องใหญ่นะครับ


เวลาไปก็เผื่อเวลาสัก 4 ชม.หรือ 5-6 ชม.ในการทำกิจกรรมกำลังดีครับ

ผมว่าเดือนหน้าผมจะไป ถ้ามีโอกาสอาจจะชววนท่านอื่นๆไปด้วยในเวลาที่เหมาะนะครับ

มีมาเล่าให้ฟังเท่านี้้ครับ

อาจจะเป็นประโยชน์บ้างไม่เป็นประโยชน์บ้าง
ก็มาแชร์ให้ฟังครับ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่