รถใหญ่ยังไงก็ผิด...กับคำที่ติดหูมาตลอด แต่วันนี้ "งง" มากค่ะ !!

กระทู้คำถาม
ไม่รู้จะพึ่งใครแล้วค่ะ....รบกวนด้วยนะคะ

ท้าวความนะคะ
เหตุเกิด 17.30 น. เมื่อวันที่ 1 มิยิ้มายน 2556
พี่ชายเราพร้อมพี่สะใภ้ได้ขับมอเตอร์ไซด์ แล้วเสียหลักล้ม(พี่ชายก็ งงๆ ไม่แน่ใจว่ามีรถปาดหน้าหรือเปล่า)
อุบัติเหตุไม่รุนแรงเท่าไหร่ แต่คราวเคราะห์มาตกที่พี่สะใภ้ โดนรถยนต์ที่ขับตามหลังมาทับ ลากติดใต้ท้องรถไป
สะโพกหัก เชิงกรานแตก...บอบช้ำไปทั้งตัว...หลังจากเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายจบ

ตำรวจนัดสอบปากคำ 10.00 น.
เบื้องต้นทางพี่ชายเราละคู่กรณีให้การตรงกันว่า ไม่แน่ใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะมันเร็วมาก
ไม่รู้ว่าเค้าชนเราล้ม หรือเราล้มลงก่อนเค้าถึงชน บลาๆๆๆๆๆ ตำรวจก็บอกว่าเดี๋ยวตรวจสภาพรถก็รู้
หลังจากตรวจสภาพรถตำรวจแจ้งว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุสุดวิสัย ประมาณว่าจะให้เราเคลียร์กันเองจะได้ไม่ต้องเป็นคดีความ
เพราะทางคู่กรณีไม่ได้เป็นฝ่ายผิด จากหลักฐานสภาพรถ (อธิบายไม่ค่อยถูกนะคะ ช่วยนึกภาพตามด้วยค่ะ - -")
ที่มอเตอร์ไซด์มีรอยปูนซึ่งขูดกับฟุตบาท (วิ่งซ้ายมาทั้งคู่ ความเร็วต่ำ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาเร่งด่วน ปากซอยจรัญ 6)
รถมอเตอร์ไซด์ของพี่ชายเรา PCX มีความสูง 90 ซม. แต่รอยชนจากรถยนต์คู่กรณีแค่ 60 ซม.

เท่ากับว่า..พี่ชายเราล้มลงก่อน ที่คู่กรณีจะชนซ้ำ ถือเป็นเหตุสุดวิสัย "ไม่มีความผิด"

ประกันชั้น 1 ของคู่กรณีก็ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเรื่องค่ารักษาพยาบาล และค่าซ่อมรถของเรา

ตึ๊บ !! เลยค่ะทีนี้....
รถก็พัง คนก็เจ็บ คำที่เคยฟังมาตั้งต่เด็กๆคือ "รถใหญ่ยังไงก็ผิด" วนเข้ามาในหัวเลยค่ะ
จำได้ว่าถามตำรวจไปว่า "หมายความว่า ถ้าคนเจ็บเสียชีวิต เค้าก็ไม่มีความผิดอะไรเลยหรอค่ะ"
ตำรวจบอก "ก็นับเป็นเหตุสุดวิสัยไงคุณ ถึงฟ้องไปคุณก็แพ้".....ตะโกนอยู่ในใจ "เฮ้ย ! จริงดิ กฎหมายมันเป็นงี้หรอวะ"

*** อย่าเพิ่งต่อว่าในความเขลาของเราเลยนะคะ เราไม่ได้เรียนกฎหมาย ก็รู้งูๆปลาๆ จำเค้ามาบ้างอะไรบ้าง ***

ตอนนี้คนเจ็บรักษาสิทธิ์ พรบ ของรถมอเตอร์ไซด์.....
ทางเราก็จ๋อยเลยทีนี้ แต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไร เพราะคู่กรณีเค้าก็โอเคดี มีน้ำใจ ไปเยี่ยมถามไถ่อาการ

เรื่องวุ่นวายชวนให้ปวดหัวก็เกิดอีกเรื่อง
ตำรวจแนะนำว่า มันทำอะไรไม่ได้หรอก ทางเดียวคือ ให้ขอความเห็นใจจากคู่กรณี
คือ....ให้เราทั้งสองฝ่ายให้การให้ตรงกัน "หลอกประกัน" ว่าคู่กรณีเป็นฝ่ายเฉี่ยวชนเราล้ม
เพื่อให้ประกันทำงาน...ค่าเอ็กเซฟ ค่าเบี้ยประกันเสียประวัติเพิ่มให้ทางเราจ่ายให้
เราก็ งง แล้วหลักฐานการตรวจสภาพรถ ทาง จนท.เช็คเคลมเค้าจะไม่ตรวจสอบหรอ
เค้าจะยอมจ่ายง่ายๆได้ไง ตำรวจบอก "ยัดค่าขนมไป" (โฮะ !! มีงี้ด้วยฮะ)
ก็เลยเริ่มเจรจาขอความเมตาจากคู่กรณี ... ทางคู่กรณีก็ยิ้มแห้งๆ อึกอักๆ ขอปรึกษาที่บ้าน
ปรากฎว่าทางบ้านไม่ยอมสถานเดียว...........ตำรวจก็ช่วยพูดกับทางคู่กรณีให้ ให้เห็นเฃใจฝ่ายเราเถอะ
คนเจ็บๆเยอะ รถก็พัง...บลาๆๆๆ สุดท้าย คู่กรณีก็ยอมโดยให้เราไปจัดการกับทาง จนท.เช็คเคลมเอาเอง
ก็อ่ะ...นัดสอบปากคำกันอีกทีจันทร์หน้า 10 มิถุนายน 2556

ดั๊นนนนนนนนนนน มีเรื่องปวดหัวมาอีกเรื่อง...
ทั้งเรา ทั้งพี่สาวเราได้ไปคุยกับ จนท.เคลมของบริษัทต่างๆ ที่พอจะสอบถามได้
เค้ากลับยืมยันว่า...กรณีบบนี้ ยังไง ประกันก็ต้องจ่าย !! บร๊ะ !! ยังไงกันนี่...
เค้าบอกว่า..คุณลองนึกนะ ถ้ารถคันที่ 1 กับ 2 ชนกัน เสียหาย 3 จุด กำลังตกลงเจรจากันอยู่
อยู่ๆ มีรถคันที่ 3 พุ่งมาชน จุดเสียหายต้องเพิ่มเป็น 4, 5, 6 จุด แถมมีคนเจ็บซึ่งเกิดเหตุจากรถคันที่ 3
ยังไงประกันคันที่ 3 ก็ต้องทำงาน.....ถือว่าขับรถโดยประมาท งงหนักเลยทีนี้ !!!!!

ตกลงมันอะไร ยังไง.....รบกวนขอเป็น 2 กรณี
1.ทางเราโดนปาดหน้าเสียหลักล้มจากคันอื่น แล้วโดนคันที่ตามหลังชนซ้ำ
2.ทางเราเสียหลักล้มเอง แล้วโดนคันที่ตามหลังชนซ้ำ

รบกวนชี้แนะทางสว่างให้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ FacepalmFacepalmFacepalm
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่