ต่างชาติโยกเงินออกจากตลาดหุ้นตราสารหนี้ไทยกลับสหรัฐ คาดครึ่งหลัง มิ.ย.กลับมาดันหุ้นขึ้นแรง
ความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดวงเงินตามมาตรการผ่อนคลายปริมาณเงิน (คิวอี) ในการประชุมวันที่ 1819 มิ.ย.นี้ ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทยที่ผิดหวังเรื่องดอกเบี้ยนโยบายลดลงเพียง 0.25% เหลือ 2.5% จึงมีแรงเทขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติออกมามาก รวมถึงตราสารหนี้ด้วย
เพียงสัปดาห์เดียว วันที่ 2731 พ.ค. นักลงทุนต่างชาติมีการขายสุทธิถึง 1.4 หมื่นล้านบาท ทำให้ทั้งเดือน พ.ค.ขายสุทธิ 5,490 ล้านบาท เช่นเดียวกับการขายสุทธิในตลาดตราสารหนี้ตลอดทั้งเดือน พ.ค. 3.28 หมื่นล้านบาท
น.ส.อริยา ติรณะประกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย เปิดเผยว่า ต่างชาติขายตราสารหนี้สุทธิเป็นเดือนแรกในปีนี้ ส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนตัวต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 30.30 บาท จากเมื่อวันที่ 31 พ.ค.
นอกจากนี้ คาดว่าทั้งตลาดหุ้นและตราสารหนี้ไทยจะยังคงผันผวน และลดลงต่อไปตามความกังวลนี้จนกว่าจะมีทิศทางเรื่องคิวอีที่ชัดเจน
ตลาดหุ้นไทย วันที่ 31 พ.ค. 2556 ดัชนีหุ้นสวิงจากภาคเช้าขึ้นไปสูงสุดที่ 1,595 จุด เพิ่มขึ้น 13.8 จุด ตามตลาดหุ้นต่างประเทศ แต่หลังจากนั้นพลิกกลับมาติดลบโดยเฉพาะช่วงบ่ายทรุดลงไปต่ำสุดที่ 1,555 จุด หรือติดลบถึง 26.09 จุด ก่อนเด้งขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,562.07 จุด ลดลง 19.25 จุด หรือ 1.22% มูลค่าการซื้อขาย 75,638.29 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรก 351 ล้านบาท ภายหลังเทขายหนักมาตลอดในสัปดาห์นี้ แรงซื้ออาจจะเกิดจากการปรับพอร์ตของนักลงทุนต่างชาติที่ต้องซื้อหุ้นที่ได้รับเลือกเข้าคำนวณดัชนี MSCI รอบนี้มากถึง 23 บริษัท แต่ถูกคัดออกเพียง 3 บริษัทเท่านั้น
นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นลงแรงหลุด 1,580 จุด ทำให้ภาพตลาดหุ้นไทยระยะสั้นเข้าสู่ช่วงของการปรับฐาน เนื่องจากไม่มีข่าวดีเข้ามาหนุนและยังมีข้อกังวลเรื่องคิวอี นอกจากนี้เป็นช่วงของการปรับปรุงหุ้นตามดัชนี MSCI ทำให้มีทั้งหุ้นเข้าและออก อาจส่งผลให้มีการขายหุ้นออกมา
“ประเมินว่า ตลาดหุ้นเข้าสู่การปรับฐานเป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ หรือในช่วงครึ่งแรกของเดือน มิ.ย.นี้ เพราะธนาคารกลางสหรัฐจะมีการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 1819 มิ.ย. ซึ่งน่าจะส่งสัญญาณถึงมาตรการคิวอี” นายสุกิจ กล่าว
ทั้งนี้ หุ้นไทยปรับตัวลดลงมาแล้ว 5% จากระดับสูงสุด 1,650 จุด ดังนั้นมีโอกาสที่จะปรับฐานลงมาระดับ 1,550 จุดเพื่อสร้างฐาน แต่โดยภาพรวมแล้วเป็นการปรับฐานระยะสั้นเท่านั้น
นายยศพณ แสงนิล รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน เชื่อว่า เงินต่างชาติโยกกลับตลาดหุ้นสหรัฐที่ตัวเลขเศรษฐกิจกระเตื้องขึ้น เพราะดัชนีหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นแล้ว แต่คาดว่าเดือน มิ.ย.จะโยกกลับและผลักดันให้ดัชนีปรับตัวขึ้นไปที่ 1,650-1,670 จุดได้
ดังนั้น เมื่อดัชนีอ่อนตัวจึงเป็นโอกาสซื้อหุ้นที่ได้ดีจากดอกเบี้ยที่ลดลงทั้งกลุ่มธุรกิจเช่าซื้อรถ อสังหาริมทรัพย์ ท่องเที่ยว และรับเหมาก่อสร้าง
สำหรับราคาทองคำในตลาดโลกขยับขึ้นซื้อขายเหนือ 1,400 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ส่งผลให้ราคาในประเทศเปลี่ยนแปลง 4 ครั้ง เพิ่มขึ้น 150 บาท ราคาทองแท่งรับซื้อ 20,150 บาท และขายออก 20,250 บาท
ปล. ไม่มีอะไรมาก ตลาดไม่ได้ล่มสลาย ก็แค่อดทนเห็นการหดตัวของกำไรบ้างก็เท่านั้น นั่งกระดิกเท้ารอ เดี๋ยวก็กลับมามากกว่าเก่า
ยูโอบีเคย์เฮียนคาดโยกไปสหรัฐ ครึ่งหลังมิ.ย.ลุ้นคิวอีชัดเด้ง1,650จุด
ต่างชาติโยกเงินออกจากตลาดหุ้นตราสารหนี้ไทยกลับสหรัฐ คาดครึ่งหลัง มิ.ย.กลับมาดันหุ้นขึ้นแรง
ความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดวงเงินตามมาตรการผ่อนคลายปริมาณเงิน (คิวอี) ในการประชุมวันที่ 1819 มิ.ย.นี้ ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทยที่ผิดหวังเรื่องดอกเบี้ยนโยบายลดลงเพียง 0.25% เหลือ 2.5% จึงมีแรงเทขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติออกมามาก รวมถึงตราสารหนี้ด้วย
เพียงสัปดาห์เดียว วันที่ 2731 พ.ค. นักลงทุนต่างชาติมีการขายสุทธิถึง 1.4 หมื่นล้านบาท ทำให้ทั้งเดือน พ.ค.ขายสุทธิ 5,490 ล้านบาท เช่นเดียวกับการขายสุทธิในตลาดตราสารหนี้ตลอดทั้งเดือน พ.ค. 3.28 หมื่นล้านบาท
น.ส.อริยา ติรณะประกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย เปิดเผยว่า ต่างชาติขายตราสารหนี้สุทธิเป็นเดือนแรกในปีนี้ ส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนตัวต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 30.30 บาท จากเมื่อวันที่ 31 พ.ค.
นอกจากนี้ คาดว่าทั้งตลาดหุ้นและตราสารหนี้ไทยจะยังคงผันผวน และลดลงต่อไปตามความกังวลนี้จนกว่าจะมีทิศทางเรื่องคิวอีที่ชัดเจน
ตลาดหุ้นไทย วันที่ 31 พ.ค. 2556 ดัชนีหุ้นสวิงจากภาคเช้าขึ้นไปสูงสุดที่ 1,595 จุด เพิ่มขึ้น 13.8 จุด ตามตลาดหุ้นต่างประเทศ แต่หลังจากนั้นพลิกกลับมาติดลบโดยเฉพาะช่วงบ่ายทรุดลงไปต่ำสุดที่ 1,555 จุด หรือติดลบถึง 26.09 จุด ก่อนเด้งขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,562.07 จุด ลดลง 19.25 จุด หรือ 1.22% มูลค่าการซื้อขาย 75,638.29 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรก 351 ล้านบาท ภายหลังเทขายหนักมาตลอดในสัปดาห์นี้ แรงซื้ออาจจะเกิดจากการปรับพอร์ตของนักลงทุนต่างชาติที่ต้องซื้อหุ้นที่ได้รับเลือกเข้าคำนวณดัชนี MSCI รอบนี้มากถึง 23 บริษัท แต่ถูกคัดออกเพียง 3 บริษัทเท่านั้น
นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นลงแรงหลุด 1,580 จุด ทำให้ภาพตลาดหุ้นไทยระยะสั้นเข้าสู่ช่วงของการปรับฐาน เนื่องจากไม่มีข่าวดีเข้ามาหนุนและยังมีข้อกังวลเรื่องคิวอี นอกจากนี้เป็นช่วงของการปรับปรุงหุ้นตามดัชนี MSCI ทำให้มีทั้งหุ้นเข้าและออก อาจส่งผลให้มีการขายหุ้นออกมา
“ประเมินว่า ตลาดหุ้นเข้าสู่การปรับฐานเป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ หรือในช่วงครึ่งแรกของเดือน มิ.ย.นี้ เพราะธนาคารกลางสหรัฐจะมีการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 1819 มิ.ย. ซึ่งน่าจะส่งสัญญาณถึงมาตรการคิวอี” นายสุกิจ กล่าว
ทั้งนี้ หุ้นไทยปรับตัวลดลงมาแล้ว 5% จากระดับสูงสุด 1,650 จุด ดังนั้นมีโอกาสที่จะปรับฐานลงมาระดับ 1,550 จุดเพื่อสร้างฐาน แต่โดยภาพรวมแล้วเป็นการปรับฐานระยะสั้นเท่านั้น
นายยศพณ แสงนิล รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน เชื่อว่า เงินต่างชาติโยกกลับตลาดหุ้นสหรัฐที่ตัวเลขเศรษฐกิจกระเตื้องขึ้น เพราะดัชนีหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นแล้ว แต่คาดว่าเดือน มิ.ย.จะโยกกลับและผลักดันให้ดัชนีปรับตัวขึ้นไปที่ 1,650-1,670 จุดได้
ดังนั้น เมื่อดัชนีอ่อนตัวจึงเป็นโอกาสซื้อหุ้นที่ได้ดีจากดอกเบี้ยที่ลดลงทั้งกลุ่มธุรกิจเช่าซื้อรถ อสังหาริมทรัพย์ ท่องเที่ยว และรับเหมาก่อสร้าง
สำหรับราคาทองคำในตลาดโลกขยับขึ้นซื้อขายเหนือ 1,400 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ส่งผลให้ราคาในประเทศเปลี่ยนแปลง 4 ครั้ง เพิ่มขึ้น 150 บาท ราคาทองแท่งรับซื้อ 20,150 บาท และขายออก 20,250 บาท
ปล. ไม่มีอะไรมาก ตลาดไม่ได้ล่มสลาย ก็แค่อดทนเห็นการหดตัวของกำไรบ้างก็เท่านั้น นั่งกระดิกเท้ารอ เดี๋ยวก็กลับมามากกว่าเก่า