นักเรียนนอกที่ทางบ้านมีฐานะพอส่งได้หลายๆคนคงผ่านงานเสริฟอาหารเพื่อหาเงินพิเศษเล็กๆน้อยๆเป็นค่าขนม ค่าเช่าบ้าน ค่าเล่นสกี (หุหุ)และอื่นๆที่นอกเหนือไปจากค่าเล่าเรียนที่ทางบ้านคำนวนมาแล้วอย่างดี งานเสริฟก็เป็นจุดหนึ่งในประสบการณ์การทำงานที่เราได้สัมผัสและทำให้รู้ซึ้งถึงคำว่า“งานบริการ” ก่อนไปนอกก็ทำงานอยู่ในเอเจนซี่โฆษณา ตำแหน่ง MediaPlanner ซึ่งเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับบริการอยู่ในเวลาเดียวกันเลยไม่ค่อยฟีลตรงนี้เท่าไร
ตอนอยู่ L.A.เคยเสริฟอยู่หลังเคาท์เตอร์อาหารใน food center ลูกค้าถามทุกวันซุป clam chowder (หอยกาบ) ยูอร่อยจริงทำเองรึเปล่า?ครีมมี่มากและclam ก็มีรสชาติทะเลสดดีเนอะ... เยส ทำเองค่ะ แหงหน่อ!ก็ต้องตอบรักษาน้ำใจลูกค้าแบบนี้หล่ะ ใครจะไปบอกว่า เพิ่งผสมน้ำก๊อกกับหัวเชื่อเข้มข้นจากแกลลอนซุปที่เจ้านายไปซื้อมาจาก whole sales เองกะมือเมื่อเช้านี้เอง …
เริ่มงานเสริฟตามโต๊ะอาหารจริงๆก็ตอนย้ายจากL.A. ไป New York ที่เมกาเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ(มาตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบ)ว่าจำนวนทิปคือประมาณ 10% ของค่าอาหาร เงินค่าชั่วโมงคุ้มแค่ค่าเดินทางกับค่าอาหารของวันนั้นๆ จะได้เงินมากน้อยจากการทำงานเสริฟก็ตามนี้เลย
รายได้ =(จำนวนทิป X จำนวนโต๊ะที่เสริฟ)/จำนวนบริกร+กุ๊ก+บัสบอย
ช่วงเวลานาทีทองที่จะได้ลูกค้าปกติไม่เกิน2 ชั่วโมงรอบกลางวันและ 3 ชั่วโมงรอบดินเนอร์ ฉะนั้นช่วงนี้ตามสูตรแล้วทีมงานทุกคนก็พยายามรีบเสริฟรีบวางบิลรีบเคลียร์โต๊ะ...ใครยังเอ้อระเหยก็เสริฟของหวานเลย คุณลูกค้าจะได้รู้สึกตัวว่าเค้ารีบจะเอาโต๊ะแล้วนะจ้ะ ถ้ายังอยากละเลียดกาแฟต่อขอเชิญไปดื่มที่เคาท์เตอร์บาร์เลยจ้า
ส่วนการบริการจะเอาทิปดีๆก็เริ่มจากหน้าตายิ้มแย้มก่อนเลยนะจากนั้นก็เสริฟให้ไว เสริฟถูกคน(ฝรั่งกินจานใครจานมันไม่มีการวางตรงกลางกินร่วมกันแบบเรา) คอยสังเกตว่าเค้าอยากได้อะไรเพิ่มเติมบ้าง ไม่ยืนเหม่อมองนาฬิกาเมื่อไรจะเลิกฟระ สุดท้ายถ้ามีเวลาอาจคุยกับลูกค้าได้ว่าอาหารเป็นไงบ้างคะ?หร่อยไม๊? อยากได้อะไรเพิ่มไหมคะมาดาม(โอกาสขายเพิ่ม) ฯลฯ
เมื่อยตุ้มค่ะเดินเสริฟทั้งคืน เอาใจลูกค้ามากกว่าเอาใจแฟน (ขอแทรกเพลงดัง She works hard for the money ของราชินีดิสโก้ ดอนน่า ซัมเมอร์ เนื่องจากหน้าเงินมากค่ะตอนนั้นค่าเช่าห้องขึ้นราคา T_T) ตอนเก็บบิลนี่รีบเปิดสมุดบิลก่อนเลยว่าลูกค้าลืมให้รึป่าว เพื่อนเคยต้องวิ่งไปตามลูกค้าแล้วแกล้งถามว่ายูลืมอะไรรึเปล่า?บริการมีอะไรไม่พอใจ? ถ้าเอเวอรี่ธิงส์ไฟน์ไอก็ขอทิปนะ เพราะพวกไอยู่ได้ด้วยทิป...พลีส
[/center/]
ทำไปทำมาสักพักเริ่มจัดจังหวะการเสริฟตัวเองให้เข้ากับทีมงานเพื่อนๆทีมเสริฟ บัสบอย กุ๊ก bartender ถูกตั้งแต่รับออเดอร์เสริฟอาหาร รับดริ๊ง วางบิล เก็บโต๊ะ เชิญแขกใหม่ ไล่แขกเก่า รับออเดอร์เสริฟอาหาร รับดริ๊ง วางบิล เก็บโต๊ะ ฯลฯ เวียนๆกันแบบนี้ ตอนทำแรกๆนี่เล่นเอาโทนี่เด็กไทยที่ไปโตที่โน่นทำคู่กันตอนกลางวันที่มีกันแต่2 คนป่วยไปเลยและมันสาบานว่าจะไม่ลงกลางวันกับเราอีกเป็นอันขาด แหงะ
นอกจากจัดจังหวะได้แล้ว เริ่มสังเกตว่าลำแขนซ้ายใหญ่เหมือนลำแขนราฟาเอลนาดาล นักคนเล่นเทนนิสระดับโลกเลยทีเดียว ทำไมจะไม่ล่ะ เพราะเวลายกจานอาหารมาจากห้องครัว ใช้ซอกนิ้วมือซ้ายหนีบมาทีสามจานถ้าระดับเทพใช้แขนพยุงได้เพิ่มอีก 2 มือขวาถือได้อีก 1 จานรวมเป็น6 พอถึงโต๊ะใช้มือขวาวางเสริฟ..
พี่ชายเล่าให้ฟังว่าตอนเรียน UCLA Extension คลาสเกี่ยวกับหนังอาจารย์เลยเถิดเม้าท์ว่าถ้าเห็นดารา Hollywood มีลำแขนซ้ายใหญ่แข็งแรงทายได้เลยว่าสตาร์ท่านนั้นเคยทำงานเสิรฟมาก่อน ดูอย่างแซนดร้า บุลล็อคเป็นไง (งานหาเงินปกติก่อนเป็นดาราในแอลเอ)
เป็นพนักงานเสริฟหรือพนักงานบริการส่วนที่ปะทะ..เอ๊ยส่วนที่ลูกค้าติดต่อเป็นลำดับแรกเช่น Call Center IT Support Helpdesk มีโอกาสได้เจออะไรแปลกๆ ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ต้องยืดหยุ่นแต่อยู่บนหลักการ ประสบการณ์ที่ยังจำได้ก็เช่น...
...คุณยายผมขาวทั้งหัวจากแถบมิดเวสต์อยากกินสเต๊กเนื้อเตือนไปแล้วว่าแพคเกจที่จะสั่งเนื้อมันเหนียวนะไหวป่าว? แกก็บอกว่ากินได้พอถึงเวลากินเรียกเราไปบอกว่าเนื้อเหนียวแบบนี้เอามาขายได้ไง ยายขอเปลี่ยน!บ๊ะ! เตือนยายไปแล้วนะอีกอย่างอาหารทำออกมาแล้วแล้วใครจะจ่ายค่าสเต๊กจานนี้คะคุณยาย?
...คู่รักใหม่มาดินเนอร์เหตุการณ์ผ่านไปด้วยดีตั้งแต่รับออเดอร์จนถึงการเสริฟอาหารว่าง จานหลักและของหวาน สาวเสริฟมาพลาดตอนฟินาเล่ทำคาปูชิโน่ร้อนหกใส่กางเกงคุณชาย หมดกัน..ความดีความชอบทิปชั้นคืนนี้คงโบ๋แถมต้องควักเนื้อไปกับค่าซักรีดกางเกงคุณชายท่านนี้ ฟ้าดินนิวยอร์คคุ้มครอง คุณชายมิได้ด่าทอ ไม่เอาค่าซักรีดแถมทิปให้มากกว่า 10% โอ๊ว!ไม่ว่าจะเป็นเพราะอยากให้คู่เดทประทับใจหรือเหตุใดก็แล้วแต่ God blesses you!
ทำงานบริการลูกค้าส่วนหน้าก็มีเรื่องแปลกๆตลอดเพราะเป็นการทำงานกับคนคนที่มีอารมณ์มีการเปลี่ยนแปลงเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ บางคนอาจเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องท้าทายน่าสนุกบางคนอาจเห็นเป็นเรื่องเครียด เราเองผ่านงานมาหลายอย่างที่ทำให้แล้วว่าตัวเองเหมาะกับงานอะไรหนทางคดเคี้ยวไปหน่อยกว่าจะเห็นเส้นชัย ตอนนี้พอมานึกย้อนดูก็ทำให้เข้าใจอะไรหลายๆอย่างและก็ได้นำหลายๆสิ่งมาใช้ในการทำงานปัจจุบันขอจบด้วยคำพูดของ Steve Job ที่พูดให้นักศึกษาที่Stanford University ในปี 2005 ว่า
You can't connect the dots looking forward; you can only connect them looking backwards. So you have totrust that the dots will somehow connect in your future. You have to trust in something — your gut, destiny, life, karma, whatever. This approach has never let me down, and it has made all the difference in my life.
ถอดความเวอร์ชั่นของเราก็ได้ว่า...
เวลาคุณมองไปข้างหน้าคุณไม่สามารถเชื่อมต่อจุดต่างในชีวิตคุณได้หรอกจนเมื่อคุณมองย้อนกลับไปนั่นแหละคุณถึงจะเห็นว่าจุดๆๆเหล่านี้มันเชื่อมต่อมาถึงปัจจุบันได้ยังไง ดังนั้น..อาตี๋อาหมวยณ สแตนด์ฟอร์ดทั้งหลาย คุณต้องเชื่อว่าสิ่งต่างๆที่คุณทำจะเชื่อมตัวคุณไปสู่อนาคต คุณต้องมีความเชื่อมั่นในอะไรสักอย่างเช่นความรู้สึกดีๆ โชคชะตา กรรมเก่า หรืออะไรก็ตามที่คุณศรัทธา วิธีนี้เป็นวิธีที่ไม่เคยทำให้ผมตี๊ฟจ๊อบเสียใจเลยและมันยังทำให้ชีวิตผมแตกต่างไปจากเดิมด้วยครับ
Heart 'n Soul...หัวใจไทยฯ: งานเสริฟ ประสบการณ์และกล้ามแขนซ้าย
ตอนอยู่ L.A.เคยเสริฟอยู่หลังเคาท์เตอร์อาหารใน food center ลูกค้าถามทุกวันซุป clam chowder (หอยกาบ) ยูอร่อยจริงทำเองรึเปล่า?ครีมมี่มากและclam ก็มีรสชาติทะเลสดดีเนอะ... เยส ทำเองค่ะ แหงหน่อ!ก็ต้องตอบรักษาน้ำใจลูกค้าแบบนี้หล่ะ ใครจะไปบอกว่า เพิ่งผสมน้ำก๊อกกับหัวเชื่อเข้มข้นจากแกลลอนซุปที่เจ้านายไปซื้อมาจาก whole sales เองกะมือเมื่อเช้านี้เอง …
เริ่มงานเสริฟตามโต๊ะอาหารจริงๆก็ตอนย้ายจากL.A. ไป New York ที่เมกาเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ(มาตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบ)ว่าจำนวนทิปคือประมาณ 10% ของค่าอาหาร เงินค่าชั่วโมงคุ้มแค่ค่าเดินทางกับค่าอาหารของวันนั้นๆ จะได้เงินมากน้อยจากการทำงานเสริฟก็ตามนี้เลย
รายได้ =(จำนวนทิป X จำนวนโต๊ะที่เสริฟ)/จำนวนบริกร+กุ๊ก+บัสบอย
ช่วงเวลานาทีทองที่จะได้ลูกค้าปกติไม่เกิน2 ชั่วโมงรอบกลางวันและ 3 ชั่วโมงรอบดินเนอร์ ฉะนั้นช่วงนี้ตามสูตรแล้วทีมงานทุกคนก็พยายามรีบเสริฟรีบวางบิลรีบเคลียร์โต๊ะ...ใครยังเอ้อระเหยก็เสริฟของหวานเลย คุณลูกค้าจะได้รู้สึกตัวว่าเค้ารีบจะเอาโต๊ะแล้วนะจ้ะ ถ้ายังอยากละเลียดกาแฟต่อขอเชิญไปดื่มที่เคาท์เตอร์บาร์เลยจ้า
ส่วนการบริการจะเอาทิปดีๆก็เริ่มจากหน้าตายิ้มแย้มก่อนเลยนะจากนั้นก็เสริฟให้ไว เสริฟถูกคน(ฝรั่งกินจานใครจานมันไม่มีการวางตรงกลางกินร่วมกันแบบเรา) คอยสังเกตว่าเค้าอยากได้อะไรเพิ่มเติมบ้าง ไม่ยืนเหม่อมองนาฬิกาเมื่อไรจะเลิกฟระ สุดท้ายถ้ามีเวลาอาจคุยกับลูกค้าได้ว่าอาหารเป็นไงบ้างคะ?หร่อยไม๊? อยากได้อะไรเพิ่มไหมคะมาดาม(โอกาสขายเพิ่ม) ฯลฯ
เมื่อยตุ้มค่ะเดินเสริฟทั้งคืน เอาใจลูกค้ามากกว่าเอาใจแฟน (ขอแทรกเพลงดัง She works hard for the money ของราชินีดิสโก้ ดอนน่า ซัมเมอร์ เนื่องจากหน้าเงินมากค่ะตอนนั้นค่าเช่าห้องขึ้นราคา T_T) ตอนเก็บบิลนี่รีบเปิดสมุดบิลก่อนเลยว่าลูกค้าลืมให้รึป่าว เพื่อนเคยต้องวิ่งไปตามลูกค้าแล้วแกล้งถามว่ายูลืมอะไรรึเปล่า?บริการมีอะไรไม่พอใจ? ถ้าเอเวอรี่ธิงส์ไฟน์ไอก็ขอทิปนะ เพราะพวกไอยู่ได้ด้วยทิป...พลีส
[/center/]
ทำไปทำมาสักพักเริ่มจัดจังหวะการเสริฟตัวเองให้เข้ากับทีมงานเพื่อนๆทีมเสริฟ บัสบอย กุ๊ก bartender ถูกตั้งแต่รับออเดอร์เสริฟอาหาร รับดริ๊ง วางบิล เก็บโต๊ะ เชิญแขกใหม่ ไล่แขกเก่า รับออเดอร์เสริฟอาหาร รับดริ๊ง วางบิล เก็บโต๊ะ ฯลฯ เวียนๆกันแบบนี้ ตอนทำแรกๆนี่เล่นเอาโทนี่เด็กไทยที่ไปโตที่โน่นทำคู่กันตอนกลางวันที่มีกันแต่2 คนป่วยไปเลยและมันสาบานว่าจะไม่ลงกลางวันกับเราอีกเป็นอันขาด แหงะ
นอกจากจัดจังหวะได้แล้ว เริ่มสังเกตว่าลำแขนซ้ายใหญ่เหมือนลำแขนราฟาเอลนาดาล นักคนเล่นเทนนิสระดับโลกเลยทีเดียว ทำไมจะไม่ล่ะ เพราะเวลายกจานอาหารมาจากห้องครัว ใช้ซอกนิ้วมือซ้ายหนีบมาทีสามจานถ้าระดับเทพใช้แขนพยุงได้เพิ่มอีก 2 มือขวาถือได้อีก 1 จานรวมเป็น6 พอถึงโต๊ะใช้มือขวาวางเสริฟ..
พี่ชายเล่าให้ฟังว่าตอนเรียน UCLA Extension คลาสเกี่ยวกับหนังอาจารย์เลยเถิดเม้าท์ว่าถ้าเห็นดารา Hollywood มีลำแขนซ้ายใหญ่แข็งแรงทายได้เลยว่าสตาร์ท่านนั้นเคยทำงานเสิรฟมาก่อน ดูอย่างแซนดร้า บุลล็อคเป็นไง (งานหาเงินปกติก่อนเป็นดาราในแอลเอ)
เป็นพนักงานเสริฟหรือพนักงานบริการส่วนที่ปะทะ..เอ๊ยส่วนที่ลูกค้าติดต่อเป็นลำดับแรกเช่น Call Center IT Support Helpdesk มีโอกาสได้เจออะไรแปลกๆ ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ต้องยืดหยุ่นแต่อยู่บนหลักการ ประสบการณ์ที่ยังจำได้ก็เช่น...
...คุณยายผมขาวทั้งหัวจากแถบมิดเวสต์อยากกินสเต๊กเนื้อเตือนไปแล้วว่าแพคเกจที่จะสั่งเนื้อมันเหนียวนะไหวป่าว? แกก็บอกว่ากินได้พอถึงเวลากินเรียกเราไปบอกว่าเนื้อเหนียวแบบนี้เอามาขายได้ไง ยายขอเปลี่ยน!บ๊ะ! เตือนยายไปแล้วนะอีกอย่างอาหารทำออกมาแล้วแล้วใครจะจ่ายค่าสเต๊กจานนี้คะคุณยาย?
...คู่รักใหม่มาดินเนอร์เหตุการณ์ผ่านไปด้วยดีตั้งแต่รับออเดอร์จนถึงการเสริฟอาหารว่าง จานหลักและของหวาน สาวเสริฟมาพลาดตอนฟินาเล่ทำคาปูชิโน่ร้อนหกใส่กางเกงคุณชาย หมดกัน..ความดีความชอบทิปชั้นคืนนี้คงโบ๋แถมต้องควักเนื้อไปกับค่าซักรีดกางเกงคุณชายท่านนี้ ฟ้าดินนิวยอร์คคุ้มครอง คุณชายมิได้ด่าทอ ไม่เอาค่าซักรีดแถมทิปให้มากกว่า 10% โอ๊ว!ไม่ว่าจะเป็นเพราะอยากให้คู่เดทประทับใจหรือเหตุใดก็แล้วแต่ God blesses you!
ทำงานบริการลูกค้าส่วนหน้าก็มีเรื่องแปลกๆตลอดเพราะเป็นการทำงานกับคนคนที่มีอารมณ์มีการเปลี่ยนแปลงเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ บางคนอาจเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องท้าทายน่าสนุกบางคนอาจเห็นเป็นเรื่องเครียด เราเองผ่านงานมาหลายอย่างที่ทำให้แล้วว่าตัวเองเหมาะกับงานอะไรหนทางคดเคี้ยวไปหน่อยกว่าจะเห็นเส้นชัย ตอนนี้พอมานึกย้อนดูก็ทำให้เข้าใจอะไรหลายๆอย่างและก็ได้นำหลายๆสิ่งมาใช้ในการทำงานปัจจุบันขอจบด้วยคำพูดของ Steve Job ที่พูดให้นักศึกษาที่Stanford University ในปี 2005 ว่า
You can't connect the dots looking forward; you can only connect them looking backwards. So you have totrust that the dots will somehow connect in your future. You have to trust in something — your gut, destiny, life, karma, whatever. This approach has never let me down, and it has made all the difference in my life.
ถอดความเวอร์ชั่นของเราก็ได้ว่า...
เวลาคุณมองไปข้างหน้าคุณไม่สามารถเชื่อมต่อจุดต่างในชีวิตคุณได้หรอกจนเมื่อคุณมองย้อนกลับไปนั่นแหละคุณถึงจะเห็นว่าจุดๆๆเหล่านี้มันเชื่อมต่อมาถึงปัจจุบันได้ยังไง ดังนั้น..อาตี๋อาหมวยณ สแตนด์ฟอร์ดทั้งหลาย คุณต้องเชื่อว่าสิ่งต่างๆที่คุณทำจะเชื่อมตัวคุณไปสู่อนาคต คุณต้องมีความเชื่อมั่นในอะไรสักอย่างเช่นความรู้สึกดีๆ โชคชะตา กรรมเก่า หรืออะไรก็ตามที่คุณศรัทธา วิธีนี้เป็นวิธีที่ไม่เคยทำให้ผมตี๊ฟจ๊อบเสียใจเลยและมันยังทำให้ชีวิตผมแตกต่างไปจากเดิมด้วยครับ