ถามคุณหมอ: เคสที่ยากที่สุดในชีวิตการเป็นหมอ แต่คุณก็สามารถรักษาช่วยเหลือคนไข้ได้สำเร็จ คือเคสอะไรครับ?

คุณแม่เป็นมะเร็งแล้วรักษาด้วยคีโมและการรักษาทางเลือก โยคะ สมาธิ จนหาย ทั้งๆที่ตอนแรกผมทำใจแล้ว อยากฟังคุณหมอแชร์ประสพการณ์ที่ได้ช่วยหรือรักษาคนไข้จากเคส ยากๆ แบบ Mission Impossible ให้ฟังที เป็นกำลังใจและเป็นความหวังให้คนที่กำลังป่วยอย่าเพิ่งยอมแพ้ครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ไม่เคยมี mission impossible
ทุกอย่างที่ทำ มีขั้นตอน มีเหตุมีผลของการกระทำที่อธิบายได้
บางครั้งเมื่อทำเคสยากๆ สำเร็จ เราก็เคยคิดเหมือนกันว่า โชคดีจังเลย
บางครั้งที่เกิดภาวะแทรกซ้อน จากการกระทำของเราเอง ก็เคยคิดว่า เคราะห์ร้ายจัง ดวงตกมั้งนี่
พอมีเวลามาทบทวนแล้ว มันไม่ใช่โชค ไม่ใช่เคราะห์ มันมีเหตุผลของมัน ที่เราต้องชื่นชม ยอมรับและปรับปรุง

มาเติม เพราะ จขกท อาจจะไม่เข้าใจ
mission impossible คือทำสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ให้เป็นได้
ในทางการแพทย์ เรามีการพิจารณา risk vs benefit
เราจะไม่ทำอะไรที่ความเสี่ยงมากกว่าผลประโยชน์ที่จะได้รับ
และเรามีทางเลือกในการดูแลรักษาหลายช่องทาง
เราจะไม่บ้าระห่ำ เลือกทางเลือกยาก เผ่ือว่าเกิดสำเร็จแล้วเราจะได้หน้าได้ชื่อ
ถ้าไม่สำเร็จ ก็อ้างว่า ก็มันยาก
และเราจะให้ผู้ป่วย รวมทั้งญาติได้รับทราบความเสี่ยงของการรักษาแต่ละอย่าง
เพื่อสามารถตัดสินใจร่วมกับเราว่า จะยอมให้รักษาหรือไม่

ดังนั้นสำหรับตัวเอง ไม่ทำ mission impossible
ความคิดเห็นที่ 3
นึกออกอยู่เรื่องหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องขของตัวเอง เป็นเรื่ิองที่ประทับใจของคุณหมอคนหนึ่ง เล่าให้ฟังในที่ประชุม

เป็นหมอดมยาหนุ่ม รพ.เอกชนเล็กๆ แห่งหนึ่ง ในกทม. ข้อมูลรายละเอียดอาจจะผิดพลาดบ้าง เพราะเหตุการณ์เกือบ 3 ปีมาแล้ว
คุณหมอเดินผ่านห้องฉุกเฉินเวลาเย็น เพื่อจะไปที่จอดรถ ขับรถกลับบ้าน
ตอนนั้น มีรถกู้ชีพนำผู้ป่วยมาส่ง เป็นชายหนุ่ม อายุ 20 ปลายๆ ถูกทำร้ายร่างกายมา เลือดโชก และหมดสติ
แพทย์เวรห้องฉุกเฉินยังมาไม่ถึง พยาบาลเห็นหมอเดินผ่านก็เรียกให้เข้ามาช่วย
คุณหมอเข้าไปดู พบว่ามีลักษณะเลือดออกในเยื่อหุ้มหัวใจ (cardiac temponade) ต้องเปิดเยื่อหุ้มหัวใจด่วน
หมอดมยา และศัลยแพทย์ที่อยู่เวรก็ยังมาไม่ถึง ถ้าไม่ทำไรเลย ชายผู้นั้นตายแน่ ถ้าเสี่ยงเปิดเยื่อหุ้มหัวใจ โอกาสรอดมี แม้จะน้อยนิด
คุณหมอดมยาผู้นั้น ได้เคยเห็นหัตถการการรักษาภาวะ cardiac temponade มาบ้าง จึงตัดสินใจทำที่ห้องฉุกเฉินนั้นเลย
สัญญานชีพผู้ป่วยกลับคืนมาค่อนข้างดี พยาบาลติดต่อส่งตัวผู้ป่วยไปรพ.ที่ทำผ่าตัดหัวใจได้ ตอนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชายคนนั้นชื่ออะไร ใช้สิทธิ์อะไร
ส่งต่อไปยังรพ.ที่มีศักยภาพสูงกว่าได้อย่างเรียบร้อย คุณหมอไปด้วย กว่าจะได้กลับบ้านก็ดึกมาก วันรุ่งขึ้นก็ต้องมาทำงานดมยาตามปกติ

หลายเดือนต่อมา ชายผู้นั้น นำกระเช้าผลไม้มาขอพบคุณหมอดมยาผู้ที่ช่วยชีวิตเขา
คุณหมอเล่า ด้วยเสียงสั่น น้ำตาคลอ เราฟังไป ก็น้ำตาคลอไปด้วย ปลื้มใจกับผลงานของเขาและโชคดีของผู้ป่วย

นี่คงเป็น mission impossible ได้มั้ง
ความคิดเห็นที่ 2
คงเอามาเปรียบเทียบลำบาก ว่าเคสยาก ง่าย  แต่ละเคสก็มีทางเดินไปตามที่ควรจะเป็น  เอาเป็นว่า เล่าให้ฟังถึง
เคสที่ตัวเองก็นึกไม่ถึงว่าคนไข้จะรอด (ปกติ ส่วนใหญ่ เมื่อรักษาผู้ป่วยไปแล้ว เราจะรู้ว่าแนวโน้มน่าจะเป็นอย่างไร หาย หรือ รอด หรือ เกิดโน่น นี่)
คนแรก เป็นผู้ชายหนุ่มอายุ ยี่สิบต้นๆ มาด้วยไข้สูง เหลือง  การหายใจล้มเหลว ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ นอนไอซียู ซึม ปลุกไม่ตื่น โคม่า
ระบบร่างกายอื่นๆ ทะยอยล้มเหลว  ตัวเองคิดว่าคนไข้ไม่น่ารอด แต่โดยปกติก็รักษาคนไข้ทุกคนเต็มที่ (อยู่แล้ว)  จากนั้นต่อมาทุกอย่างเริ่มดีขึ้น
จนผู้ป่วยกลับบ้านได้   และกลับมาติดตามการรักษาในสภาพคนปกติ  (แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นตั้งแต่แรกเกี่ยวกับผู้ป่วยคนนี้ ความรัก ความห่วงใยที่แม่มีให้กับลูก แม่เฝ้าดูลูกอยู่ตลอดหลายสัปดาห์ที่นอนรพ. )  สุดท้ายเลยบอกกับคนไข้ไปว่า รักแม่ให้มากๆ นะ  ผู้หญิงคนนี้อยู่เคียงข้างคุณตลอด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่