จากลิงค์ที่คุณ โพสในกระทู้จิ้นบี้-หนูนาภาค 15 คอมเม้นท์ที่ 64 เป็นภาพที่บี้หัดเรียนชามิเซ็ง
http://ameblo.jp/heianzakura/entry-11459911863.html
ได้เข้าไปอ่านเป็นบล็อกของครูที่สอนชามิเซ็ง(ครูทาคะฮิโระ ครูผู้ชาย)และขลุ่ยญี่ปุ่น(ครูผู้หญิง)
ครูผู้หญิงเจ้าของบล็อกเป็นผู้เขียนเล่าเรื่อง ขออนุญาตแปลความบางตอนมาให้เพื่อนๆอ่านกันนะคะ
ส่วนใหญ่ครูจะทึ่งในตัวบี้มาก ชมไม่ขาดปากว่าสมแล้วที่เป็นซุปเปอร์สตาร์
เนื่องจากรีบร้อนในการแปลและพิมพ์ อาจมีส่วนที่ผิดพลาดบ้าง แต่ใจความเป็นตามนี้ค่ะ
วันอังคารที่ 29มกรา 2013
วันนี้ต้องไปสอนซามิเซ็งให้ บี้ เดอะ สตาร์
นักร้องอันดับต้นๆของแกรมมี่ถึงตึกแกรมมี่เลยทีเดียว
พูดถึง บี้ เดอะสตาร์ เรียกได้ว่าเขาคือเบิร์ดธงไชยคนที่สอง
ที่ใครๆก็ยอมรับเป็นซุปเปอร์สตาร์ที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับหนึ่ง
คราวนี้ไม่มีคนพาไปด้วยเลยตื่นเต้นนิดๆ พอมาที่ประชาสัมพันธ์
เขาให้พูดว่า ---บี้ เดอะ สตาร์ คู่กรรม ชามิเซ็ง เซนเซ(ครู) โอชิเอรุ(สอน)---
(ตรงนี้คิดว่าคุณครูพยายามพูดเป็นภาษาไทยว่า ครูซามิเซ็งมาสอนบี้เดอะสตาร์
คู่กรรม –การเรียงประโยคจะตรงข้ามกับภาษาไทยค่ะ--ผู้แปล)
ที่สำนักงานชั้น 22 วันนี้ก็ยังมีการถ่ายทำ คนที่เคยเจอกันแล้ว
อย่างเช่น ผู้กำกับหรือ สตาฟ ก็ไม่มีใครอยู่เลย
พยายามมองเข้าไปในห้องที่เคยไปก็ไม่เห็นใคร มีแต่ชามิเซ็งที่ใช้ในการถ่ายทำวางอยู่
จึงได้เอาออกมาตั้งสาย ก็พอดีเจ้าหน้าที่ฝ่ายต้อนรับมาตามหาและเรียกไปอีกห้องหนึ่ง
เป็นห้องที่ไม่เคยเข้ามา ข้างในโอ่โถงผิดกับห้องที่เคยใช้ประชุมกับสตาฟ
ช่างสมกับเป็นที่ให้ซุปตาร์มาใช้ฝึก ไม่ใช่ห้องออฟฟิสทั่วไป แต่เป็นห้องที่ดูภูมิฐาน
(ย้ำจริงเนาะ เราเดาว่าเป็นห้องทำงานคุณบอยนะ อิอิ---ผู้แปล)
รอสักพัก ซุปตาร์ก็เข้ามา ---ช่างสมกับเป็นดารา---
บี้ทักทายว่า คอนนิจิวะ เซนเซ (ตรงนี้ไม่รู้ว่าบี้พูดเป็นภาษาไทยหรือญี่ปุ่นนะคะ
แต่คิดว่าทักทายเป็นญี่ปุ่น เพราะไม่ยากอะไร)
ยังกับมีกล้องมาถ่ายอยู่รอบตัว ช่างเป็นยิ้มที่สดใส
ตอนที่เปิดประตูเข้ามา ฉันคิดว่ามีกล้องตามมาถ่ายด้วยเสียอีก แต่จริงๆแล้ว เขามาแค่คนเดียว
(ครูญี่ปุ่นคงไม่เคยเห็นยิ้มกระชากวิญญาณของเฮียบี้เป็นแน่แท้ จึงนึกว่าบี้กำลังแสดงบทบาทอยู่)
หากเป็นที่ญี่ปุ่น สำหรับซุปตาร์ดังระดับนี้คงต้องมีคนจากบริษัทฯ สตาฟ ผู้จัดการ ฯลฯ
ยกโขยงตามมาด้วยแน่นอน แต่เขาเล่นมาแค่คนเดียว ฉันจึงประหลาดใจนิดๆ
จากนั้นเราก็เริ่มฝึกซ้อม เพลงในครั้งนี้คือเพลง ซาโดะโอเคสะ
ในต้นฉบับในหนังสือไม่มีเขียนไว้ แต่ผู้กำกับฝ่ายญี่ปุ่นตัดสินใจกะทันหันที่จะให้ใช้เพลง ซาโดะโอเคสะ
จากนั้นก็สายด่วนมาหาพร้อมบอกให้สอนเพลงนี้ให้ บี้เดอะสตาร์
ยิ่งไปกว่านั้น ชั่วโมงเรียนวันนี้ก็เพิ่งนัดกันเมื่อวาน และวันพรุ่งนี้จะเป็นการถ่ายทำแล้ว ช่างสมกับเป็นคนไทย
(ครูมีเหน็บด้วยสำนวนญี่ปุ่นเล็กน้อย ขออนุญาตข้ามไปนะคะ ไม่ใช่สาระสำคัญ เดี๋ยวจะผิดใจกันเปล่าๆ)
บี้คุง (คุง เป็นคำเรียกลูกศิษย์ เด็กชายอายุน้อยกว่าด้วยความเอ็นดู ครูเรียกได้น่ารักมากๆ) สมกับเป็นซุปตาร์
จับโน๊ตได้เก่ง เรียนรู้เร็ว แค่เวลาไม่นานก็สามารถเล่นได้แล้ว (กรี๊ดดดดดดด ให้รู้ซะมั่งว่าไผเป็นไผ)
ช่วงแรกๆก็จะเกร็งๆยังกับมีกล้องถ่ายอยู่งั้นแหละ ---ไฮ้ เซนเซ(ครับครู)---บี้พูดรับคำตลอด
แต่พอช่วงหลังก็เริ่มหัวเราะดังๆฮ่าๆๆ เริ่มปล่อยตัวตามสบายและทำตัวเหมือนเด็กหนุ่มในวัยยี่สิบต้นๆทั่วไป
อย่างไรก็ดี บี้คุงนั้นสมกับเป็นดารา ฉันว่าเขาเท่ห์จริงๆ และยังมีความตั้งอกตั้งใจอย่างมาก
คราวนี้ฉันเพียงแค่ได้ดูเขาอยู่ใกล้ๆ ก็ได้ตกเป็นแฟน(คลับ)ของเค้าเสียแล้ว
เรียนแค่หนึ่งชั่วโมงพวกเราก็ลากลับ ขากลับบี้ยังเดินมาส่งถึงหน้าลิฟท์ ช่างเป็นเด็กดีดูแลเราดีจริงๆ
เมื่อถามว่า คุณเป็นคนกรุงเทพเหรอ บี้ตอบว่าเชียงใหม่
ฉันเคยได้ยินแต่ว่าเชียงใหม่มีเด็กผู้หญิงน่ารักเยอะแยะ (อั่ยย่ะ ชมเราด้วย ขอบคุณค่ะคุณครู)
(ที่จริงแล้ว)เด็กผู้ชายก็หล่อเท่ห์ด้วยนะเนี่ย
ฤดูใบไม้ผลิปีนี้(ประมาณ เมษาพฤษภา 2013)เขาจะไปฮอลลีวูด แต่ตอนนี้ยังเป็นความลับอยู่นะ
(สงสัยว่าครูจะเข้าใจผิดว่าการไปอเมริกาของบี้ คือการไปโกอินเตอร์ที่ฮอลลีวู้ด เอ๊ะ หรือว่าจะจริงเนี่ย)
พูดกันถึงแค่นี้ลิฟท์ก็มาพอดี เราจึงลากันตรงนี้ ---แล้วพบกันพรุ่งนี้นะ---
จากนั้นคุณครูทาคะฮิโระใช้พลังงานไปเยอะเลยบ่นอยากกินของหวาน
ก็ไปเจอตู้ขายข้าวปั้นอัตโนมัติ ที่เขียนว่า ไส้ปลาแซลม่อน ไส้ปลาทูน่า
(ครูจับผิดว่าใช้ตัวคันจิเขียนคำว่าทูน่า ซึ่งต่างจากที่ญี่ปุ่นจะไม่ใช้คันจิ
พอใช้คันจิจะให้ความหมายเป็นเนื้อสด แต่ทูน่าหมายถึงทำให้สุกแล้ว)
สุดท้ายก็ไปกินเครป พักอีกนิด แล้วไปเล่นดนตรีสดให้ J channel
ค่ำนี้ครูไปทานอาหารเลบานอน ที่ร้านกำลังเปิดทีวีรายการอาหรับอยู่
จึงขอให้เปลี่ยนเป็นช่องห้า พอดีคู่กรรมเพิ่งเริมฉายเมื่อวานนี้เอง
เราทานอาหารอาหรับ ดูละครไทย ทั้งร้านมีแต่คนอาหรับ จึงเป็นภาพที่ประหลาดดี
ตอนที่ดูอยู่มีเสียงชามิเซ็งเพลง ซากุระ ที่ครูทาคาฮิโระเล่นพอดี สองคนจึงอุทานออกมาอย่างดังพร้อมกัน
เพราะไม่ได้ถามมาก่อนว่าเพลงที่เล่นจะออกซีนไหน จึงเป็นเรื่องบังเอิญมากๆที่ได้ดู
หากรู้ว่าเป็นซีนแบบไหน คงเล่นให้เข้ากับบรรยากาศในละครได้มากกว่านี้
แต่ฉากที่บี้เดอะสตาร์คิดถึงบ้านเกิดแล้วเล่นเพลงซากุระนั้นก็เป็นฉากที่เข้ากันดี
ในซีนละครที่ดีๆแบบนี้มีเสียงการเล่นดนตรีของเราประกอบอยู่ด้วย ฉันดีใจจริงๆ
แล้วเพลง ซาโดะอาเคสะ จะใช้ในฉากไหนหนอ (ครูจะรู้หรือยังหนอ อยากเมล์ไปบอกครูจัง)
แก้ไขเพิ่มเติม ปล ข้อความในวงเล็บเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้แปลค่ะ
ได้ตามไปอ่านบล็อกของวันที่ถ่ายทำจริงซึ่งครูผู้หญิงไม่ค่อยสบายเลยไม่ได้ไปด้วย
ครูผู้ชายไปแค่คนเดียวและต้องใส่ชุดทหารเล่นชามิเซ็งด้วย ต่่างจากครั้งก่อนตอนเล่นเพลงซากุระที่จะใส่แค่เสื้อคลุม
(คาดว่าในละครถ่ายตอนพ่อโกเล่นจริง แต่เสียงเพลงจะใช้เพลงที่ครูเล่นไว้ และมีinsertมุมใกล้ๆที่ครูเป็นแสตนด์อินด้วยค่ะ
พอจะมีใครใจดีแปะคลิปให้ได้มั่งคะ ตอนพ่อโกเล่นเพลงซากุระ กับเพลงซาโดะอาเคสะ ค่ะ
ช่วงนี้ไปหลงป่าในหมู่บ้านวลาหก กับ แวะไปขายขนมให้เชลยศึกในค่ายปากแพรก เลยไม่ค่อยได้ดูคู่กรรมรีรัน
จำไม่ค่อยได้แล้วว่าตอนไหนเป็นตอนไหน
คำชมของครูชามิเซ็งถึงพ่อโกของเรา
http://ameblo.jp/heianzakura/entry-11459911863.html
ได้เข้าไปอ่านเป็นบล็อกของครูที่สอนชามิเซ็ง(ครูทาคะฮิโระ ครูผู้ชาย)และขลุ่ยญี่ปุ่น(ครูผู้หญิง)
ครูผู้หญิงเจ้าของบล็อกเป็นผู้เขียนเล่าเรื่อง ขออนุญาตแปลความบางตอนมาให้เพื่อนๆอ่านกันนะคะ
ส่วนใหญ่ครูจะทึ่งในตัวบี้มาก ชมไม่ขาดปากว่าสมแล้วที่เป็นซุปเปอร์สตาร์
เนื่องจากรีบร้อนในการแปลและพิมพ์ อาจมีส่วนที่ผิดพลาดบ้าง แต่ใจความเป็นตามนี้ค่ะ
วันอังคารที่ 29มกรา 2013
วันนี้ต้องไปสอนซามิเซ็งให้ บี้ เดอะ สตาร์
นักร้องอันดับต้นๆของแกรมมี่ถึงตึกแกรมมี่เลยทีเดียว
พูดถึง บี้ เดอะสตาร์ เรียกได้ว่าเขาคือเบิร์ดธงไชยคนที่สอง
ที่ใครๆก็ยอมรับเป็นซุปเปอร์สตาร์ที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับหนึ่ง
คราวนี้ไม่มีคนพาไปด้วยเลยตื่นเต้นนิดๆ พอมาที่ประชาสัมพันธ์
เขาให้พูดว่า ---บี้ เดอะ สตาร์ คู่กรรม ชามิเซ็ง เซนเซ(ครู) โอชิเอรุ(สอน)---
(ตรงนี้คิดว่าคุณครูพยายามพูดเป็นภาษาไทยว่า ครูซามิเซ็งมาสอนบี้เดอะสตาร์
คู่กรรม –การเรียงประโยคจะตรงข้ามกับภาษาไทยค่ะ--ผู้แปล)
ที่สำนักงานชั้น 22 วันนี้ก็ยังมีการถ่ายทำ คนที่เคยเจอกันแล้ว
อย่างเช่น ผู้กำกับหรือ สตาฟ ก็ไม่มีใครอยู่เลย
พยายามมองเข้าไปในห้องที่เคยไปก็ไม่เห็นใคร มีแต่ชามิเซ็งที่ใช้ในการถ่ายทำวางอยู่
จึงได้เอาออกมาตั้งสาย ก็พอดีเจ้าหน้าที่ฝ่ายต้อนรับมาตามหาและเรียกไปอีกห้องหนึ่ง
เป็นห้องที่ไม่เคยเข้ามา ข้างในโอ่โถงผิดกับห้องที่เคยใช้ประชุมกับสตาฟ
ช่างสมกับเป็นที่ให้ซุปตาร์มาใช้ฝึก ไม่ใช่ห้องออฟฟิสทั่วไป แต่เป็นห้องที่ดูภูมิฐาน
(ย้ำจริงเนาะ เราเดาว่าเป็นห้องทำงานคุณบอยนะ อิอิ---ผู้แปล)
รอสักพัก ซุปตาร์ก็เข้ามา ---ช่างสมกับเป็นดารา---
บี้ทักทายว่า คอนนิจิวะ เซนเซ (ตรงนี้ไม่รู้ว่าบี้พูดเป็นภาษาไทยหรือญี่ปุ่นนะคะ
แต่คิดว่าทักทายเป็นญี่ปุ่น เพราะไม่ยากอะไร)
ยังกับมีกล้องมาถ่ายอยู่รอบตัว ช่างเป็นยิ้มที่สดใส
ตอนที่เปิดประตูเข้ามา ฉันคิดว่ามีกล้องตามมาถ่ายด้วยเสียอีก แต่จริงๆแล้ว เขามาแค่คนเดียว
(ครูญี่ปุ่นคงไม่เคยเห็นยิ้มกระชากวิญญาณของเฮียบี้เป็นแน่แท้ จึงนึกว่าบี้กำลังแสดงบทบาทอยู่)
หากเป็นที่ญี่ปุ่น สำหรับซุปตาร์ดังระดับนี้คงต้องมีคนจากบริษัทฯ สตาฟ ผู้จัดการ ฯลฯ
ยกโขยงตามมาด้วยแน่นอน แต่เขาเล่นมาแค่คนเดียว ฉันจึงประหลาดใจนิดๆ
จากนั้นเราก็เริ่มฝึกซ้อม เพลงในครั้งนี้คือเพลง ซาโดะโอเคสะ
ในต้นฉบับในหนังสือไม่มีเขียนไว้ แต่ผู้กำกับฝ่ายญี่ปุ่นตัดสินใจกะทันหันที่จะให้ใช้เพลง ซาโดะโอเคสะ
จากนั้นก็สายด่วนมาหาพร้อมบอกให้สอนเพลงนี้ให้ บี้เดอะสตาร์
ยิ่งไปกว่านั้น ชั่วโมงเรียนวันนี้ก็เพิ่งนัดกันเมื่อวาน และวันพรุ่งนี้จะเป็นการถ่ายทำแล้ว ช่างสมกับเป็นคนไทย
(ครูมีเหน็บด้วยสำนวนญี่ปุ่นเล็กน้อย ขออนุญาตข้ามไปนะคะ ไม่ใช่สาระสำคัญ เดี๋ยวจะผิดใจกันเปล่าๆ)
บี้คุง (คุง เป็นคำเรียกลูกศิษย์ เด็กชายอายุน้อยกว่าด้วยความเอ็นดู ครูเรียกได้น่ารักมากๆ) สมกับเป็นซุปตาร์
จับโน๊ตได้เก่ง เรียนรู้เร็ว แค่เวลาไม่นานก็สามารถเล่นได้แล้ว (กรี๊ดดดดดดด ให้รู้ซะมั่งว่าไผเป็นไผ)
ช่วงแรกๆก็จะเกร็งๆยังกับมีกล้องถ่ายอยู่งั้นแหละ ---ไฮ้ เซนเซ(ครับครู)---บี้พูดรับคำตลอด
แต่พอช่วงหลังก็เริ่มหัวเราะดังๆฮ่าๆๆ เริ่มปล่อยตัวตามสบายและทำตัวเหมือนเด็กหนุ่มในวัยยี่สิบต้นๆทั่วไป
อย่างไรก็ดี บี้คุงนั้นสมกับเป็นดารา ฉันว่าเขาเท่ห์จริงๆ และยังมีความตั้งอกตั้งใจอย่างมาก
คราวนี้ฉันเพียงแค่ได้ดูเขาอยู่ใกล้ๆ ก็ได้ตกเป็นแฟน(คลับ)ของเค้าเสียแล้ว
เรียนแค่หนึ่งชั่วโมงพวกเราก็ลากลับ ขากลับบี้ยังเดินมาส่งถึงหน้าลิฟท์ ช่างเป็นเด็กดีดูแลเราดีจริงๆ
เมื่อถามว่า คุณเป็นคนกรุงเทพเหรอ บี้ตอบว่าเชียงใหม่
ฉันเคยได้ยินแต่ว่าเชียงใหม่มีเด็กผู้หญิงน่ารักเยอะแยะ (อั่ยย่ะ ชมเราด้วย ขอบคุณค่ะคุณครู)
(ที่จริงแล้ว)เด็กผู้ชายก็หล่อเท่ห์ด้วยนะเนี่ย
ฤดูใบไม้ผลิปีนี้(ประมาณ เมษาพฤษภา 2013)เขาจะไปฮอลลีวูด แต่ตอนนี้ยังเป็นความลับอยู่นะ
(สงสัยว่าครูจะเข้าใจผิดว่าการไปอเมริกาของบี้ คือการไปโกอินเตอร์ที่ฮอลลีวู้ด เอ๊ะ หรือว่าจะจริงเนี่ย)
พูดกันถึงแค่นี้ลิฟท์ก็มาพอดี เราจึงลากันตรงนี้ ---แล้วพบกันพรุ่งนี้นะ---
จากนั้นคุณครูทาคะฮิโระใช้พลังงานไปเยอะเลยบ่นอยากกินของหวาน
ก็ไปเจอตู้ขายข้าวปั้นอัตโนมัติ ที่เขียนว่า ไส้ปลาแซลม่อน ไส้ปลาทูน่า
(ครูจับผิดว่าใช้ตัวคันจิเขียนคำว่าทูน่า ซึ่งต่างจากที่ญี่ปุ่นจะไม่ใช้คันจิ
พอใช้คันจิจะให้ความหมายเป็นเนื้อสด แต่ทูน่าหมายถึงทำให้สุกแล้ว)
สุดท้ายก็ไปกินเครป พักอีกนิด แล้วไปเล่นดนตรีสดให้ J channel
ค่ำนี้ครูไปทานอาหารเลบานอน ที่ร้านกำลังเปิดทีวีรายการอาหรับอยู่
จึงขอให้เปลี่ยนเป็นช่องห้า พอดีคู่กรรมเพิ่งเริมฉายเมื่อวานนี้เอง
เราทานอาหารอาหรับ ดูละครไทย ทั้งร้านมีแต่คนอาหรับ จึงเป็นภาพที่ประหลาดดี
ตอนที่ดูอยู่มีเสียงชามิเซ็งเพลง ซากุระ ที่ครูทาคาฮิโระเล่นพอดี สองคนจึงอุทานออกมาอย่างดังพร้อมกัน
เพราะไม่ได้ถามมาก่อนว่าเพลงที่เล่นจะออกซีนไหน จึงเป็นเรื่องบังเอิญมากๆที่ได้ดู
หากรู้ว่าเป็นซีนแบบไหน คงเล่นให้เข้ากับบรรยากาศในละครได้มากกว่านี้
แต่ฉากที่บี้เดอะสตาร์คิดถึงบ้านเกิดแล้วเล่นเพลงซากุระนั้นก็เป็นฉากที่เข้ากันดี
ในซีนละครที่ดีๆแบบนี้มีเสียงการเล่นดนตรีของเราประกอบอยู่ด้วย ฉันดีใจจริงๆ
แล้วเพลง ซาโดะอาเคสะ จะใช้ในฉากไหนหนอ (ครูจะรู้หรือยังหนอ อยากเมล์ไปบอกครูจัง)
แก้ไขเพิ่มเติม ปล ข้อความในวงเล็บเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้แปลค่ะ
ได้ตามไปอ่านบล็อกของวันที่ถ่ายทำจริงซึ่งครูผู้หญิงไม่ค่อยสบายเลยไม่ได้ไปด้วย
ครูผู้ชายไปแค่คนเดียวและต้องใส่ชุดทหารเล่นชามิเซ็งด้วย ต่่างจากครั้งก่อนตอนเล่นเพลงซากุระที่จะใส่แค่เสื้อคลุม
(คาดว่าในละครถ่ายตอนพ่อโกเล่นจริง แต่เสียงเพลงจะใช้เพลงที่ครูเล่นไว้ และมีinsertมุมใกล้ๆที่ครูเป็นแสตนด์อินด้วยค่ะ
พอจะมีใครใจดีแปะคลิปให้ได้มั่งคะ ตอนพ่อโกเล่นเพลงซากุระ กับเพลงซาโดะอาเคสะ ค่ะ
ช่วงนี้ไปหลงป่าในหมู่บ้านวลาหก กับ แวะไปขายขนมให้เชลยศึกในค่ายปากแพรก เลยไม่ค่อยได้ดูคู่กรรมรีรัน
จำไม่ค่อยได้แล้วว่าตอนไหนเป็นตอนไหน