หน้าเปิด (ใส่สปอยไว้นิดเพราะมันเซอร์วิส)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
-เปิดตอนมาเมงุมิบอกว่าเธอจะจัดการมะเขือเทศเองแล้วขอให้โซมะไปช่วยเตรียมวัตถุดิบอย่างอื่นซึ่งเขาก็ตอบออกไปว่ารับทราบ
-โคจิโร่ที่จ้องดูพวกโซมะทำอาหารอยู่อย่างไม่วางตาก็โดนฮินาโกะเรียกเข้ามาคุยด้วย ซึ่งเนื้อหาก็ไม่มีอะไรนอกจากมุขเล่นคำเพื่อที่จะกวนตีนโคจิโร่ จนโคจิโร่ต้องบอกให้ศิษย์เก่าคนอื่นๆจับตัวฮินาโกะมัดเอาไว้อีกรอบ ส่วนเมงุมิก็พยามเตือนตัวเองให้เลิกคิดที่จะทำจานที่เอาชนะเชฟชิโนมิยะเพราะนั้นจะทำให้เธอตื่นเต้นทำอะไรไม่ถูกซะเปล่าๆ ตอนนี้เธอต้องเพ่งความสนใจทั้งหมดไปที่จานของเธอเท่านั้น
-เพราะว่าตอนนี้ตัวเธอคือเชฟ(คนทำหลัก) แต่แล้วเมงุมิก็นึกขึ้นมาได้ว่าลืมบอกให้โซมะหั่นเนื้อส่วนไหล่เป็นชิ้นเล็กๆซะก่อน แต่พอจะหันไปบอก โซมะก็หันควับส่งถาดใส่เนื้อกลับมาทันทีพร้อมกับบอกว่า เขาตัดเนื้อเส้นหมดเรียบร้อยแล้ว และเอาส่วนที่เป็นกล้ามเนื้อออกหมดแล้วด้วย
-การที่โซมะทำให้เสร็จสรรพโดยที่เมงุมิยังไม่ทันได้สั่งทำเอาเธออึ้งไปเลย ก่อนที่โซมะจะถามเธอต่อว่าระหว่างตับไก่กับมันหมูส่วนหลังให้จัดการอะไรก่อน ซึ่งเมงุมิก็บอกว่าให้เริ่มจากตับก่อน แล้วถามโซมะไปว่า เธอกำลังจะอบเนื้อพวกนี้บนกระทะโดยครอบฝาเอาไว้ แม่พิมม์พร้อมรึยัง? ซึ่งโซมะก็บอกไปว่าเขาเตรียมให้พร้อมหมดแล้ว เหลือแค่ใส่ส่วนหัวของแม่พิมม์เท่านั้น แล้วก็ผักซอร์เต้(ผัดโดยยกกระทะ) พวกนี้กำลังจะเสร็จในอีก12วินาที ซึ่งเมงุมิก็บอกขอบคุณ แต่ก็ยังทึ้งกับความเร็วและความสามารถในการเตรียมของโซมะไม่หาย
-เมงุมิคิดว่าโซมะนั้นแทบจะหยิบมาให้เธอได้ทันทีในเวลาที่เธอต้องการ ราวกับว่าโซมะนั้นเตรียมของล่วงหน้าไว้ให้จากที่เธอคิดจะใช้หนึ่งอย่างเสมอ ทั้งๆที่มีแค่โซมะช่วยคนเดียวแต่เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเธอทำอาหารได้ไวขึ้นมาก ไวขึ้นกว่าตอนเธอทำอาหารคนเดียวไม่รู้กี่หลายสิบเท่า พวกศิษย์เก่าที่มุงๆดูอยู่ก็เริ่มสนใจ เริ่มจากฟุยุมิที่มองโซมะแล้วทำหน้าตาสนใจผิดกับทุกทีที่เธอจะทำหน้าเบื่อหรือเซ็ง ในขณะที่โดนาโต้กับฮิโตชิเอาข้อมูลของโซมะมาดูแล้วก็แทบจะไม่เชื่อว่าโซมะผ่านเข้ามาเรียนในตอนม.ปลาย โดนาโต้วิเคราะห์ว่า โซมะทำเตรียมให้เมงุมิล่วงหน้าหนึ่งก้าวอยู่เสมอราวกับว่ารู้ว่าเธอจะทำอะไรต่อ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังไม่ละเลยงานของตัวเองอีกด้วย ส่วนฮิโตชิก็เสริมว่า โซมะยังไม่ทำสิ่งที่ไม่จำเป็นและทำงานของตัวเองโดยไม่ไปขวางงานของเมงุมิ
-พวกศิษย์เก่าเห็นว่า โซมะมาจากร้านอาหารพิเศษประจำวัน ท่าทางความสามารถเหล่านี้จะถูกฝึกฝนจากที่นั่น แต่การเคลื่อนไหวของเขาดูไม่เหมือนกับแค่คนที่ช่วยงานครอบครัวตามปกติเลยสักนิด แต่ไวกว่านั้นมาก ทุกครั้งที่เห็นโซมะเคลื่อนไหว เขาจะรู้สึกว่าระดับของโซมะเหมือนเหนือกว่านักเรียนทั่วๆไปอยู่ขั้นหนึ่งเสมอ ซึ่งโคจิโร่เองก็จ้องทั้งคู่แบบไม่วางตา จนเวลาได้ล่วงผ่านเลยไป โดจิม่าก็ประกาศว่าหมดเวลาให้ทั้งสองฝ่ายนำจานอาหารของตัวเองออกมาได้ ซึ่งเมงุมิกับโซมะก็เตรียมจัดตกแต่งลงบนจานทันที
-โดจิม่าบอกว่าเขาจะเริ่มตัดสินจากจานของโคจิโร่ เมงุมิเองก็รอดูว่าจานที่ศิษย์เก่าทำออกมาจะวิเศษขนาดไหน ฮินาโกะที่ถูกปล่อยตัวออกมาแล้วเลยถามว่าจานของเธอล่ะ แต่โคจิโร่ก็ย้อนไปว่าไม่มีให้เธอหรอกให้ฟุยุมิแบ่งบางส่วนให้ทานซะ โดนาโต้กับฮิโตชิเองก็บอกว่า จานของโคจิโร่คงจะเป็นแบบที่เขาคาดไว้ แต่พอโคจิโร่ยกมาเสิร์ฟก็ทำหน้าตาตกใจผิดคาดออกมา
-โดนาโต้บอกว่านี้มันคือ Chou Farci (ชูฟาซี อาจจะออกเสียงไม่ถูกเน่อ) หรือก็คือกระหล่ำปลียัดไส้เนื้อสับหรือผักจากนั้นนำไปนึ่งนั้นเอง เป็นอาหารฝรั่งเศษของแคว้นAuvergne ส่วนทางตะวันตก(อเมริกา)จะรู้จักกันในชื่อของเมนู Cabbage Rolls โดนาโต้ก็บอกว่าเป็นอาหารที่ไม่คาดฝันมากๆซึ่งฮิโตชิก็เสริมให้ว่า นี้เป็นอาหารระดับพื้นๆของฝรั่งเศษที่หากินได้ตามร้านทั่วไป ฮินาโกะเลยแอบกัดไปว่าเป็นจานเรียบง่ายที่ไม่เหมาะกับโคจิโร่ที่ชอบทำอาหารแบบอลังการฉูดฉาด แต่ก็โดนโคจิโร่เอาสันมือฝาดใส่
-ว่าแล้วทุกคนก็ลองทานดูทันที โดนาโต้เริ่มจากหั่นมันออกเป็นชิ้นๆก่อนจะเอ่ยว่า มีกลิ่นของผักช่วยกระตุ้นให้น่ากินขึ้น ว่าแล้วทั้งหมดก็เริ่มกินกัน
-ฟุยุมิพอทานเข้าไปก็ถึงกับร่างอ่อนระทวย พร้อมกับพูดออกมาว่าอร่อย แถมเนื้อที่ยัดไส้อยู่ข้างในยังไม่ใช่เนื้อหมูสับกับหอมใหญ่แบบกระปล่ำปลียัดไส้ทั่วไป แต่ใช้เนื้อไก่พื้นเมืองของฝรั่งเศษส่วนอกไก่ทั้งชิ้นมาผ่าเปิดแล้วยัดเครื่องต่างๆเข้าไปข้างในจากนั้นจึงเอากระหล่ำปลีมาห่อทับ
-ฟุยุมิเริ่มลองไล่วิธีการทำของโคจิโร่เริ่มจากการผ่าเปิดอกไก่จากนั้นนำมะเขือกับหน่อไม้ฝรั่งที่ผัดให้หอมด้วยนมมายัดใส่ลงไปในเนื้อไก่ ก่อนจะใส่ฝัวกรา(ตับห่าน)ลงไปในส่วนที่ยัดและยังเสริมความนุ่มและรสสัมผัสที่ละลายในปากโดยการเอาเนยไข่แล้วก็ครีมที่ผสมรวมกันดีทำเป็นมูสใส่ลงไปในอกไก่ทำเป็นไส้ก่อนใช้เนื้อไก่ปิดทับแล้วนำทั้งหมดไปนึ่ง มันเป็นอาหารที่พันรอบไปด้วยความนุ่มของทั้งเนื้อไก่และมูสที่แทบจะละลายในปากก่อนจะเจอความกรุบกรอบของผักที่ใส่(มะเขือ หน่อไม้ฝรั่ง)แ และยิ่งตอนที่ทานและเคี้ยวทำให้อาหารแผ่ขยายออกไปเต็มปากยิ่งทำให้รสชาติของอาหารจานนี้อร่อยยิ่งขึ้นไปอีก ส่วนโดจิม่าก็เสริมว่าและส่วนที่น่ากลัวที่สุดของการทำ คือการใช้กระหล่ำเป็นตัวห่อทุกอย่างแต่กระหล่ำที่โคจิโร่ใช้คือSavoy Cabbageที่มีกลิ่นผักกลิ่นหญ้าแรงกว่ากระหล่ำพันธุ์อื่นๆแต่ให้รสหวานอร่อยยิ่งขึ้นเมื่อได้รับความร้อน เขาเอากระหล่ำปลีมาลวกให้เกือบสุกก่อนจะนำมาใช้ห่อ ซึ่งการให้ความร้อนของทั้งสองกระบวนการในอาหารจานนี้(ลวกกระหล่ำปลีและการนึ่งเนื้อที่ยัดไส้ที่ห่อกระหล่ำแล้ว)ล้วนแต่ทำได้อย่างยอดเยี่ยมทำให้รสหวานของผักนั้นออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับใช้เวทมนต์สร้างสรรค์มันขึ้นมา หลังจากนั้นก็มีการเล่าประวัติโคจิโร่เล็กน้อย หลังจากเขาบินไปที่ฝรั่งเศษเพียงลำพังและไปฝึกฝนต่อไม่นาน เขาก็ได้มาเปิดร้านในกรุงปารีสและกลายเป็นเชฟเจ้าของร้าน
-ในประเทศที่มีวัฒนธรรมอาหารที่มักใช้การปรุงเสริมรสให้กับเนื้อสัตว์เป็นหลักอย่างฝรั่งเศษ การปรุงอาหารของโคจิโร่ที่เสริมรสชาติให้ผักนั้นก็เหมือนสายฟ้าฝาดที่ลงมาผ่าวงการอาหารฝรั่งให้ตื่นตะลึงไปทั่วประเทศ ไม่นานนักเมืองแห่งรสชาติอย่างปารีสก็ได้ยอมรับเขาและมอบฉายาให้กับเชฟผู้มาจากญี่ปุ่นผู้นี้ว่า
The Légumes Magician (เลกูม มาจิกเชี่ยน/พ่อมดผัก)
-ฮินาโกะถึงกับรู้สึกน่าโมโหที่มันออกมาอร่อยแบบนี้ โดนาโต้ก็คิดว่านี้เป็นการดัดแปลงอาหารพื้นๆให้ดูมีระดับด้วยทักษะและความสามารถของเจ้าตัวโดยแท้ ส่วนฮิโตชิก็คิดว่าอาหารจานนี้เพิ่มระดับจนไปเสริ์ฟในภัตตาคารหรูๆได้แบบสบายๆ ส่วนโดจิม่าก็คิดว่า ความนุ่มที่แทบจะละลายได้ของไส้ใน ผสมผสานกับความหวานอ่อนๆของกระหล่ำที่เป็นตัวห่อเหมือนกับห่อหุ้มลิ้นของเขาและร่างกายของเขาเอาไว้เลย แบบนี้มันยังกับ ลิ้นของเขาและร่างกายของเขาถูกห่อหุ้มด้วยเวทมนต์ไม่ก็ปาน...ซึ่งทุกคนก็ต่างพร้อมใจกันคิดว่ามันคือเวทมนต์จริงๆพร้อมกัน...ใช่ YES!
ด้วยพลังแห่งความรักและกะหล่ำปลี แปลงร่างเป็นสาวน้อยเวทมนต์ผู้พิทักษ์คุณธรรมและห้องครัว
マジカルキャベツ
(มาจิคัลรุ แคปเปซึ!!!!) (สาวน้อยเวทมนต์กะหล่ำปลี)
-ฮินาโกะหลังทานแล้วก็เอ่ยออกมาว่ามีความสุขสุดๆ ส่วนโคจิโร่ก็หันไปถามฟุยุมิว่าเป็นยังไงบ้างล่ะสำหรับอาหารของเขา ซึ่งฟุยุมิก็บอกว่าถ้าเกิดกินแล้วลืิมเรื่องของนายไปได้จนหมดน่าจะดีกว่านี้ ซึ่งโคจิโร่ก็บ่นออกมาว่าน่าเสียดายจัง(เขม่นกันอยู่) โดจิม่าบอกว่าไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าจะได้กินจานนี้เพราะว่า...
-เขาอุตสาห์คิดว่าจะได้ทานจานพิเศษของ SHINO'S(ชื่อร้านของโคจิโร่)ซะอีก (หมายความประมาณว่าโนึกว่าโคจิโร่จะเอาอาหารพิเศษของร้านออกมาสู้) ซึ่งโคจิโร่ก็หันมามองโดจิม่าแล้วก็เอ่ยว่า อย่าล้อเล่นนักเลยครับคุณโดจิม่า คู่ต่อสู้เป็นแค่เด็กนักเรียนผมไม่เลือดเย็นขนาดใช้อาหารพวกนั้นหรอกน่า แต่โดนาโต้กับฮิโตชิก็คิดขึ้นมาในใจว่าไม่ใช่หรอก หมอนี้โกหกอยู่เห็นๆ จริงๆแล้วยิ่งกว่าเลือดเย็นซะอีก โคจิโร่มีนิสัยชอบขยี้อีกฝ่ายให้แหลกไปเลยต่างหากและยิ่งเป็นการชนะแบบตัวเองไม่ได้เอาจริงอะไรเลยด้วย(ไม่ได้ใช้จานพิเศษของตัวเอง) คนที่สู้ด้วยคงรู้สึกอับอายระดับไม่กล้าจะทำอาหารออกมาอีกเป็นครั้งที่สองเป็นแน่แท้ ซึ่งโดจิม่าก็ประเมินว่า โคจิโร่เป็นเชฟที่สู้ด้วยร้านของตัวเองอยู่ที่ปารีสสถานที่ซึ่งชื่อว่าเป็นสมรภูมิร้านอาหารแห่งหนึ่งของโลก หมอนี้คงไม่มีแม้แต่ความคิดในหัวว่าจะทำอาหารแพ้คู่หูนักเรียนแน่ๆ
-โดจิม่าคิดว่าความคิดของโคจิโร่เป็นสิ่งที่จองหองมากๆ อย่างการเสิร์ฟเป็นคนแรกก็เพื่อชิงความได้เปรียบมาก่อนปิดประตูชนะของอีกฝ่าย ซึ่งตอนนั้นเมงุมิกับโซมะก็เดินมากันพอดี
เมงุมิ - ขอให้เพลิดเพลินกับอาหารค่ะ
--------------------------------------
ตอนนี้ค่อนข้างทำลำบากมาก เพราะส่วนหนึ่งคืออาหารของโคจิโร่ค่อนข้างยุ่งยาก(แต่น่าจะอร่อยแฮะ) และอีกส่วนคือสาวน้อยเวทมนต์กะหล่ำปลี ที่ทำให้กำลังใจลด Orz (พวกเก่งๆนี้มักจะเสื่อมกันทุกคนเลยสินะ) มันเอาหน้าปกมาหลอกแท้ๆตอนนี้!!!
สำหรับตอนหน้า อาหารของเมงุมิคืออะไร? กินแล้วจะเป็นสาวน้อยเวทมต์ได้รึเปล่า? อิมแพ็คจะรุนแรงกว่าของโคจิโร่ไหม?
ป.ล ถ้าสังเกต โคจิโร่เป็นคนที่2 ที่ทำอาหารให้ผู้หญิงกินแล้วสาวๆออกอาการ...
ป.ล2 พึ่งสังเกตว่าตัวเองเขียนว่าสาวน้อยเวทมนต์ดอกกะหล่ำ ถ้าดอกกะหล่ำมันต้องโคลิเฟาเวอร์ไม่ใช่แคบเบจ Orz
ป.ล3 แก้นิดหน่อย (แปลผิดจุดสำคัญไปจุดหนึ่ง)
<Spoil> Shokugeki no Souma 24 -ผู้วิเศษจากแดนตะวันออก-
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
-เปิดตอนมาเมงุมิบอกว่าเธอจะจัดการมะเขือเทศเองแล้วขอให้โซมะไปช่วยเตรียมวัตถุดิบอย่างอื่นซึ่งเขาก็ตอบออกไปว่ารับทราบ
-โคจิโร่ที่จ้องดูพวกโซมะทำอาหารอยู่อย่างไม่วางตาก็โดนฮินาโกะเรียกเข้ามาคุยด้วย ซึ่งเนื้อหาก็ไม่มีอะไรนอกจากมุขเล่นคำเพื่อที่จะกวนตีนโคจิโร่ จนโคจิโร่ต้องบอกให้ศิษย์เก่าคนอื่นๆจับตัวฮินาโกะมัดเอาไว้อีกรอบ ส่วนเมงุมิก็พยามเตือนตัวเองให้เลิกคิดที่จะทำจานที่เอาชนะเชฟชิโนมิยะเพราะนั้นจะทำให้เธอตื่นเต้นทำอะไรไม่ถูกซะเปล่าๆ ตอนนี้เธอต้องเพ่งความสนใจทั้งหมดไปที่จานของเธอเท่านั้น
-เพราะว่าตอนนี้ตัวเธอคือเชฟ(คนทำหลัก) แต่แล้วเมงุมิก็นึกขึ้นมาได้ว่าลืมบอกให้โซมะหั่นเนื้อส่วนไหล่เป็นชิ้นเล็กๆซะก่อน แต่พอจะหันไปบอก โซมะก็หันควับส่งถาดใส่เนื้อกลับมาทันทีพร้อมกับบอกว่า เขาตัดเนื้อเส้นหมดเรียบร้อยแล้ว และเอาส่วนที่เป็นกล้ามเนื้อออกหมดแล้วด้วย
-การที่โซมะทำให้เสร็จสรรพโดยที่เมงุมิยังไม่ทันได้สั่งทำเอาเธออึ้งไปเลย ก่อนที่โซมะจะถามเธอต่อว่าระหว่างตับไก่กับมันหมูส่วนหลังให้จัดการอะไรก่อน ซึ่งเมงุมิก็บอกว่าให้เริ่มจากตับก่อน แล้วถามโซมะไปว่า เธอกำลังจะอบเนื้อพวกนี้บนกระทะโดยครอบฝาเอาไว้ แม่พิมม์พร้อมรึยัง? ซึ่งโซมะก็บอกไปว่าเขาเตรียมให้พร้อมหมดแล้ว เหลือแค่ใส่ส่วนหัวของแม่พิมม์เท่านั้น แล้วก็ผักซอร์เต้(ผัดโดยยกกระทะ) พวกนี้กำลังจะเสร็จในอีก12วินาที ซึ่งเมงุมิก็บอกขอบคุณ แต่ก็ยังทึ้งกับความเร็วและความสามารถในการเตรียมของโซมะไม่หาย
-เมงุมิคิดว่าโซมะนั้นแทบจะหยิบมาให้เธอได้ทันทีในเวลาที่เธอต้องการ ราวกับว่าโซมะนั้นเตรียมของล่วงหน้าไว้ให้จากที่เธอคิดจะใช้หนึ่งอย่างเสมอ ทั้งๆที่มีแค่โซมะช่วยคนเดียวแต่เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเธอทำอาหารได้ไวขึ้นมาก ไวขึ้นกว่าตอนเธอทำอาหารคนเดียวไม่รู้กี่หลายสิบเท่า พวกศิษย์เก่าที่มุงๆดูอยู่ก็เริ่มสนใจ เริ่มจากฟุยุมิที่มองโซมะแล้วทำหน้าตาสนใจผิดกับทุกทีที่เธอจะทำหน้าเบื่อหรือเซ็ง ในขณะที่โดนาโต้กับฮิโตชิเอาข้อมูลของโซมะมาดูแล้วก็แทบจะไม่เชื่อว่าโซมะผ่านเข้ามาเรียนในตอนม.ปลาย โดนาโต้วิเคราะห์ว่า โซมะทำเตรียมให้เมงุมิล่วงหน้าหนึ่งก้าวอยู่เสมอราวกับว่ารู้ว่าเธอจะทำอะไรต่อ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังไม่ละเลยงานของตัวเองอีกด้วย ส่วนฮิโตชิก็เสริมว่า โซมะยังไม่ทำสิ่งที่ไม่จำเป็นและทำงานของตัวเองโดยไม่ไปขวางงานของเมงุมิ
-พวกศิษย์เก่าเห็นว่า โซมะมาจากร้านอาหารพิเศษประจำวัน ท่าทางความสามารถเหล่านี้จะถูกฝึกฝนจากที่นั่น แต่การเคลื่อนไหวของเขาดูไม่เหมือนกับแค่คนที่ช่วยงานครอบครัวตามปกติเลยสักนิด แต่ไวกว่านั้นมาก ทุกครั้งที่เห็นโซมะเคลื่อนไหว เขาจะรู้สึกว่าระดับของโซมะเหมือนเหนือกว่านักเรียนทั่วๆไปอยู่ขั้นหนึ่งเสมอ ซึ่งโคจิโร่เองก็จ้องทั้งคู่แบบไม่วางตา จนเวลาได้ล่วงผ่านเลยไป โดจิม่าก็ประกาศว่าหมดเวลาให้ทั้งสองฝ่ายนำจานอาหารของตัวเองออกมาได้ ซึ่งเมงุมิกับโซมะก็เตรียมจัดตกแต่งลงบนจานทันที
-โดจิม่าบอกว่าเขาจะเริ่มตัดสินจากจานของโคจิโร่ เมงุมิเองก็รอดูว่าจานที่ศิษย์เก่าทำออกมาจะวิเศษขนาดไหน ฮินาโกะที่ถูกปล่อยตัวออกมาแล้วเลยถามว่าจานของเธอล่ะ แต่โคจิโร่ก็ย้อนไปว่าไม่มีให้เธอหรอกให้ฟุยุมิแบ่งบางส่วนให้ทานซะ โดนาโต้กับฮิโตชิเองก็บอกว่า จานของโคจิโร่คงจะเป็นแบบที่เขาคาดไว้ แต่พอโคจิโร่ยกมาเสิร์ฟก็ทำหน้าตาตกใจผิดคาดออกมา
-โดนาโต้บอกว่านี้มันคือ Chou Farci (ชูฟาซี อาจจะออกเสียงไม่ถูกเน่อ) หรือก็คือกระหล่ำปลียัดไส้เนื้อสับหรือผักจากนั้นนำไปนึ่งนั้นเอง เป็นอาหารฝรั่งเศษของแคว้นAuvergne ส่วนทางตะวันตก(อเมริกา)จะรู้จักกันในชื่อของเมนู Cabbage Rolls โดนาโต้ก็บอกว่าเป็นอาหารที่ไม่คาดฝันมากๆซึ่งฮิโตชิก็เสริมให้ว่า นี้เป็นอาหารระดับพื้นๆของฝรั่งเศษที่หากินได้ตามร้านทั่วไป ฮินาโกะเลยแอบกัดไปว่าเป็นจานเรียบง่ายที่ไม่เหมาะกับโคจิโร่ที่ชอบทำอาหารแบบอลังการฉูดฉาด แต่ก็โดนโคจิโร่เอาสันมือฝาดใส่
-ว่าแล้วทุกคนก็ลองทานดูทันที โดนาโต้เริ่มจากหั่นมันออกเป็นชิ้นๆก่อนจะเอ่ยว่า มีกลิ่นของผักช่วยกระตุ้นให้น่ากินขึ้น ว่าแล้วทั้งหมดก็เริ่มกินกัน
-ฟุยุมิพอทานเข้าไปก็ถึงกับร่างอ่อนระทวย พร้อมกับพูดออกมาว่าอร่อย แถมเนื้อที่ยัดไส้อยู่ข้างในยังไม่ใช่เนื้อหมูสับกับหอมใหญ่แบบกระปล่ำปลียัดไส้ทั่วไป แต่ใช้เนื้อไก่พื้นเมืองของฝรั่งเศษส่วนอกไก่ทั้งชิ้นมาผ่าเปิดแล้วยัดเครื่องต่างๆเข้าไปข้างในจากนั้นจึงเอากระหล่ำปลีมาห่อทับ
-ฟุยุมิเริ่มลองไล่วิธีการทำของโคจิโร่เริ่มจากการผ่าเปิดอกไก่จากนั้นนำมะเขือกับหน่อไม้ฝรั่งที่ผัดให้หอมด้วยนมมายัดใส่ลงไปในเนื้อไก่ ก่อนจะใส่ฝัวกรา(ตับห่าน)ลงไปในส่วนที่ยัดและยังเสริมความนุ่มและรสสัมผัสที่ละลายในปากโดยการเอาเนยไข่แล้วก็ครีมที่ผสมรวมกันดีทำเป็นมูสใส่ลงไปในอกไก่ทำเป็นไส้ก่อนใช้เนื้อไก่ปิดทับแล้วนำทั้งหมดไปนึ่ง มันเป็นอาหารที่พันรอบไปด้วยความนุ่มของทั้งเนื้อไก่และมูสที่แทบจะละลายในปากก่อนจะเจอความกรุบกรอบของผักที่ใส่(มะเขือ หน่อไม้ฝรั่ง)แ และยิ่งตอนที่ทานและเคี้ยวทำให้อาหารแผ่ขยายออกไปเต็มปากยิ่งทำให้รสชาติของอาหารจานนี้อร่อยยิ่งขึ้นไปอีก ส่วนโดจิม่าก็เสริมว่าและส่วนที่น่ากลัวที่สุดของการทำ คือการใช้กระหล่ำเป็นตัวห่อทุกอย่างแต่กระหล่ำที่โคจิโร่ใช้คือSavoy Cabbageที่มีกลิ่นผักกลิ่นหญ้าแรงกว่ากระหล่ำพันธุ์อื่นๆแต่ให้รสหวานอร่อยยิ่งขึ้นเมื่อได้รับความร้อน เขาเอากระหล่ำปลีมาลวกให้เกือบสุกก่อนจะนำมาใช้ห่อ ซึ่งการให้ความร้อนของทั้งสองกระบวนการในอาหารจานนี้(ลวกกระหล่ำปลีและการนึ่งเนื้อที่ยัดไส้ที่ห่อกระหล่ำแล้ว)ล้วนแต่ทำได้อย่างยอดเยี่ยมทำให้รสหวานของผักนั้นออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับใช้เวทมนต์สร้างสรรค์มันขึ้นมา หลังจากนั้นก็มีการเล่าประวัติโคจิโร่เล็กน้อย หลังจากเขาบินไปที่ฝรั่งเศษเพียงลำพังและไปฝึกฝนต่อไม่นาน เขาก็ได้มาเปิดร้านในกรุงปารีสและกลายเป็นเชฟเจ้าของร้าน
-ในประเทศที่มีวัฒนธรรมอาหารที่มักใช้การปรุงเสริมรสให้กับเนื้อสัตว์เป็นหลักอย่างฝรั่งเศษ การปรุงอาหารของโคจิโร่ที่เสริมรสชาติให้ผักนั้นก็เหมือนสายฟ้าฝาดที่ลงมาผ่าวงการอาหารฝรั่งให้ตื่นตะลึงไปทั่วประเทศ ไม่นานนักเมืองแห่งรสชาติอย่างปารีสก็ได้ยอมรับเขาและมอบฉายาให้กับเชฟผู้มาจากญี่ปุ่นผู้นี้ว่า
The Légumes Magician (เลกูม มาจิกเชี่ยน/พ่อมดผัก)
-ฮินาโกะถึงกับรู้สึกน่าโมโหที่มันออกมาอร่อยแบบนี้ โดนาโต้ก็คิดว่านี้เป็นการดัดแปลงอาหารพื้นๆให้ดูมีระดับด้วยทักษะและความสามารถของเจ้าตัวโดยแท้ ส่วนฮิโตชิก็คิดว่าอาหารจานนี้เพิ่มระดับจนไปเสริ์ฟในภัตตาคารหรูๆได้แบบสบายๆ ส่วนโดจิม่าก็คิดว่า ความนุ่มที่แทบจะละลายได้ของไส้ใน ผสมผสานกับความหวานอ่อนๆของกระหล่ำที่เป็นตัวห่อเหมือนกับห่อหุ้มลิ้นของเขาและร่างกายของเขาเอาไว้เลย แบบนี้มันยังกับ ลิ้นของเขาและร่างกายของเขาถูกห่อหุ้มด้วยเวทมนต์ไม่ก็ปาน...ซึ่งทุกคนก็ต่างพร้อมใจกันคิดว่ามันคือเวทมนต์จริงๆพร้อมกัน...ใช่ YES!
ด้วยพลังแห่งความรักและกะหล่ำปลี แปลงร่างเป็นสาวน้อยเวทมนต์ผู้พิทักษ์คุณธรรมและห้องครัว
マジカルキャベツ
(มาจิคัลรุ แคปเปซึ!!!!) (สาวน้อยเวทมนต์กะหล่ำปลี)
-ฮินาโกะหลังทานแล้วก็เอ่ยออกมาว่ามีความสุขสุดๆ ส่วนโคจิโร่ก็หันไปถามฟุยุมิว่าเป็นยังไงบ้างล่ะสำหรับอาหารของเขา ซึ่งฟุยุมิก็บอกว่าถ้าเกิดกินแล้วลืิมเรื่องของนายไปได้จนหมดน่าจะดีกว่านี้ ซึ่งโคจิโร่ก็บ่นออกมาว่าน่าเสียดายจัง(เขม่นกันอยู่) โดจิม่าบอกว่าไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าจะได้กินจานนี้เพราะว่า...
-เขาอุตสาห์คิดว่าจะได้ทานจานพิเศษของ SHINO'S(ชื่อร้านของโคจิโร่)ซะอีก (หมายความประมาณว่าโนึกว่าโคจิโร่จะเอาอาหารพิเศษของร้านออกมาสู้) ซึ่งโคจิโร่ก็หันมามองโดจิม่าแล้วก็เอ่ยว่า อย่าล้อเล่นนักเลยครับคุณโดจิม่า คู่ต่อสู้เป็นแค่เด็กนักเรียนผมไม่เลือดเย็นขนาดใช้อาหารพวกนั้นหรอกน่า แต่โดนาโต้กับฮิโตชิก็คิดขึ้นมาในใจว่าไม่ใช่หรอก หมอนี้โกหกอยู่เห็นๆ จริงๆแล้วยิ่งกว่าเลือดเย็นซะอีก โคจิโร่มีนิสัยชอบขยี้อีกฝ่ายให้แหลกไปเลยต่างหากและยิ่งเป็นการชนะแบบตัวเองไม่ได้เอาจริงอะไรเลยด้วย(ไม่ได้ใช้จานพิเศษของตัวเอง) คนที่สู้ด้วยคงรู้สึกอับอายระดับไม่กล้าจะทำอาหารออกมาอีกเป็นครั้งที่สองเป็นแน่แท้ ซึ่งโดจิม่าก็ประเมินว่า โคจิโร่เป็นเชฟที่สู้ด้วยร้านของตัวเองอยู่ที่ปารีสสถานที่ซึ่งชื่อว่าเป็นสมรภูมิร้านอาหารแห่งหนึ่งของโลก หมอนี้คงไม่มีแม้แต่ความคิดในหัวว่าจะทำอาหารแพ้คู่หูนักเรียนแน่ๆ
-โดจิม่าคิดว่าความคิดของโคจิโร่เป็นสิ่งที่จองหองมากๆ อย่างการเสิร์ฟเป็นคนแรกก็เพื่อชิงความได้เปรียบมาก่อนปิดประตูชนะของอีกฝ่าย ซึ่งตอนนั้นเมงุมิกับโซมะก็เดินมากันพอดี
เมงุมิ - ขอให้เพลิดเพลินกับอาหารค่ะ
--------------------------------------
ตอนนี้ค่อนข้างทำลำบากมาก เพราะส่วนหนึ่งคืออาหารของโคจิโร่ค่อนข้างยุ่งยาก(แต่น่าจะอร่อยแฮะ) และอีกส่วนคือสาวน้อยเวทมนต์กะหล่ำปลี ที่ทำให้กำลังใจลด Orz (พวกเก่งๆนี้มักจะเสื่อมกันทุกคนเลยสินะ) มันเอาหน้าปกมาหลอกแท้ๆตอนนี้!!!
สำหรับตอนหน้า อาหารของเมงุมิคืออะไร? กินแล้วจะเป็นสาวน้อยเวทมต์ได้รึเปล่า? อิมแพ็คจะรุนแรงกว่าของโคจิโร่ไหม?
ป.ล ถ้าสังเกต โคจิโร่เป็นคนที่2 ที่ทำอาหารให้ผู้หญิงกินแล้วสาวๆออกอาการ...
ป.ล2 พึ่งสังเกตว่าตัวเองเขียนว่าสาวน้อยเวทมนต์ดอกกะหล่ำ ถ้าดอกกะหล่ำมันต้องโคลิเฟาเวอร์ไม่ใช่แคบเบจ Orz
ป.ล3 แก้นิดหน่อย (แปลผิดจุดสำคัญไปจุดหนึ่ง)